ขนมหวานประจำชาติ 10 ประเทศรอบโลก
วันนี้มาชวนกันไปอ้วนรอบโลกเลยค่ะกับขนมหวานประจำชาติสุดคลาสสิคไม่มีวันตาย
ไมได้อินเทรนด์เป็นพัก ๆ แต่อยู่ในหัวใจของคนรักของหวานชั่วลูกชั่วหลานแบบที่ต้องบอกต่อ
อย่ามัวแต่กลัวอ้วน แล้วตามมาชิมด้วยกันดีกว่า นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกน๊าา!!
1.Macaron (มาคารอง) : ฝรั่งเศส
หลายคนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ขนมหวาน มักเข้าใจผิด เรียกผิดเป็น มาคารูน (Macaroon) ที่เป็นขนมอเมริกัน คนละรสชาติ คนละภาษา คนละขนมกันเลยค่ะ จริง ๆ แล้วเจ้ามาคารองนี่เริ่มโด่งดังในบ้านเรามาได้หลายปีแล้ว ประมาณขนมไฮโซราคาแพงที่เริ่มเข้าถึงทุกระดับ จนกลายเป็นขนมสตรีทไปในที่สุด โดยมาคารองอันเล็ก ๆ ถึงอันใหญ่ สารพัดไส้ที่พากันรังสรรค์และเติมสีให้น่ากิน ราคาเริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 20 กว่าบาท – ชิ้นละเกือบร้อย ละลายในปากไม่ถึงนาทีก็หมดแล้ว แต่ถึงกระนั้น มันก็อร่อยเข้ากับกาแฟ และชา เป็นอย่างดี แล้วจำเป็นด้วยค่ะว่าต้องเป็นมาคารองที่ใช้วัตถุดิบชั้นดี มีระดับ ประมาณ ถึงจะหวานแสบไส้แต่ก็ยังยอมแพ้ความอร่อยของเธอเลยทีเดียว อันนี้ก็ไม่คอนเฟิร์มนะคะว่าทุกคนจะชอบ นั่นก็เพราะความหวานขึ้นชื่อของเธอนั่นแหละค่ะ แนะนำว่าให้ดับหวานด้วยความกลมกล่อมของกาแฟร้อน ๆ หรือชาหอมละมุนสักแก้ว นอกจากจะทำให้กาแฟและชารสชาติดีขึ้น ยังทำให้มาคารองอร่อยแบบหวานพอดีอีกด้วยนะคะ
มาคารองอร่อย ๆ ในไทย หาไม่ยาก แต่อยากแนะนำของอร่อยใน แมนดาริน โอเรียนเตลช้อป ที่เป็นช้อปมาการองโดยเฉพาะที่เซ็นทรัลชิดลม และสยามพารากอน ราคาขายชิ้นละ 40 บาท ส่วนต่างจังหวัดสามารถหาชิมได้ในช้อป แมนดาริน โอเรียนเตล ดาราเทวี สาขาเชียงใหม่ ช้อปสวยน่านั่งเลยทีเดียวค่ะ
2.Turkish delight (เตอร์กีส ดีไลท์) : ตุรกี
มีไม่กี่คนเลยมั่งคะในเมืองไทยที่เคยได้ชิมขนมอร่อยตำหรับตุรกีอย่าง เตอร์กีส ดีไลท์ เจ้าเตอร์กีส ดีไลท์ นั้นทำมาจากถั่ว พิชตาชิโอ, เฮเซลนัท หรือ วอลท์นัท เคลือบด้วยความนุ่มแบบละลายในลิ้นกับรสชาติของซินนาม่อน มะนาว และน้ำตาลไอซิ่ง สำหรับบ้านเราอาจพบว่ามีขายในบางเทศกาลของบางช้อป แต่ถ้าอยากหามาชิมจริง ๆ คงต้องสั่งซื้อจากตุรกี หรือฝากใครซื้อเอานะคะ รับรองความอร่อยในรสชาติที่คลาสสิคตลอดกาล
สำหรับเตอร์กีส ดีไลท์ในเมืองไทยยังไม่มีใครนำเข้ามาแบบเป็นเรื่องเป็นราว อาจพบได้ในร้าน แต่ถ้าไปเที่ยวตุรกี แนะนำร้านเก่าแก่อย่างร้าน Haci Bekir แถว ๆ New Mosqe ค่ะ
3.Stoop Waffle (สตูป วาฟเฟิล) : เนเธอแลนด์
วาฟเฟิลแผ่นบาง ๆ ซ้อนกันโดยมีซอสหวาน ๆ รสชาติคาราเมลกลิ่นซินนาม่อน ที่เวลากินควรนำวาฟเฟิลฮอลแลนด์อันเล็ก ๆ ไปวางไว้บนปากแก้วกาแฟแบบพอดี ๆ ให้ไอร้อนจากกาแฟของคุณอุ่นน้ำเชื่อมหอมหวานระหว่างวาฟเฟิลสองแผ่นจนละลาย แต่ความกรอบของวาฟเฟิลแผ่นบางจะยังอยู่ เป็นขนมหวานประจำชาติเนเธอร์แลนด์ที่ใครลองได้ชิมแล้วจะหยุดไม่ได้
สำหรับในบ้านเราพบว่ามีร้านกาแฟหลายร้านนำเข้ามาวางขายในราคาชิ้นละยี่สิบกว่าบาทขึ้นไปค่ะ หาง่าย ๆ เลยก็ที่ สตาร์บัคส์ ร้านกาแฟที่คุณไปนั่งชิลเก๋อยู่บ่อย ๆ นั่นแหละ
4.Panna cotta (พานาค้อตต้า) : อิตาลี
อากาศร้อน ๆ แบบเมืองไทย บอกเลยว่า ได้พานาคอนต้าสักชิ้น กับชาหรือกาแฟสักแก้ว (อีกแล้ว) รับรองว่าวันนี้จะรู้สึกสบายๆแบบสดชื่น หวานอร่อยติดลิ้นกับรสชาติของนม วิปครีม และผลไม้ในพานาค้อตต้าชิ้นนั้น ไปตลอดวัน แต่สำหรับขนมอิตาเลียนจานนี้ แนะนำว่า ชิ้นเดียวก็อิ่มแบบพอดีท้อง เห็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ก็เถอะ จริง ๆ ถ้าอยากจะลองทำพานาค้อตต้ารับประทานเองก็ไม่ได้ยากเย็นเลยนะคะ แต่ถ้าคุณเบื่อชีวิตที่ยุ่งยาก ก็หากินได้ตามร้านเบเกอรี่หลาย ๆ ร้าน รวมถึงร้านอาหารอิตาเลียนด้วยค่ะ ร้านพานาคอตต้าแนะนำในกรุงเทพฯ คือ Chateau de Bangkok ซอยร่วมฤดี 1
5.Tiramisu (ทิรามิสุ) : อิตาลี
อาหารอิตาลีคลาสสิคติดชาร์ทยังมีอีกนะคะ แต่ขอแนะนำเฉพาะเมนูที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดีกว่า สำหรับทิรามิสุ ก็อย่าเอาไปรวมกับพวกไอศครีมหรือเค้กรสทิรามิสุนะคะ เพราะตัวขนมหวานทิรามิสุเอง อร่อยเริ่ดเกินหน้าพวกนั้นเยอะ คลาสสิค หวาน บอบบาง และต้องลองค่ะ ขนมหวานชิ้นนี้ต้องทานที่ร้านเท่านั้น ซื้อกลับบ้านจะไม่ดี เพราะต้องออกมารับประทานกันแบบเย็นๆ เซตตัวสวยงาม โรยหน้าด้วยผงโกโก้ และเนื้อเค้กจากขนมปังฟิงเกิ้ลก็ละลายในลิ้น อร่อยแบบต้องจดจำกันเลยทีเดียว
สำหรับทิรามิสุ รสชาติออริจินอลจริง ๆ แนะนำให้สั่งรับประทานตามร้านอาหารอิตาเลียนทั้งหลายเลยนะคะ ส่วนคนที่ไปเที่ยวหัวหิน แนะนำ ทิรามิสุ ในร้าน Molina Italian Wine&Cruisine
6.Mochi (โมจิ) : ญี่ปุ่น
เอาแบบดั้งเดิมกันเลยนะคะ ขนมโมจิคือขนมเทศกาลปีใหม่ของชาวญี่ปุ่นที่เอาแป้งข้าวเหนียว หรือข้าวญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มาทำ ซึ่งเป็นข้าวที่มีโปรตีนสูงกว่าข้าวทั่วไป ส่วนในบ้านเราก็จะมีโมจิสูตรที่อาจไม่ใช่ต้นตำรับแต่ก็อร่อยเหมือนกันกับสารพัดไส้ตามร้านขนมหวานและร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงร้านของฝาก จนขนมโมจิของญี่ปุ่นได้กลายมาเป็นขนมหวานของฝากจากจังหวัดนครสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว! แต่ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจมีโอกาสได้ชิมโมจิไส้ไอศครีมกันบ้าง เจ้าโมจิ ไอศครีมนี้ มีชื่อทางการค้าว่า ยูกิมิ ไดฟุกุ ส่วนที่อเมริกาก็มีชาวอเมริกัน เชื่อสายญี่ปุ่นชื่อ คุณมิกาวะยะ ได้สร้างแบรนด์โมจิไอศครีมขายส่งตามร้านค้าต่างๆเหมือนกัน ส่วนเมืองไทยก็มีเหมือนกัน ในชื่อ คาเนะโมจิ โดยหนุ่มไทยที่ไปติดใจโมจิไอสครีมมาจากย่านไชน่าทาวน์ในอเมริกา หลายคนอาจได้เคยชิมคาเนะโมจิกันมาบ้างแล้ว เพราะมีขายอยู่หลายสาขาตามห้างสรรพสินค้าและสยามสแคว์ ใครยังไม่เคยก็ลองไปหาชิมกันดูค่ะ
7.Denish butter cookies (เดนิส บัทเทอร์ คุกกี้) : เดนมาร์ก
น่าจะได้รู้จักเดนิส บัทเทอร์ คุกกี้ กันจากคุกกี้ในกล่องตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่มักกลายมาเป็นของฝาก ของขวัญวันปีใหม่ที่ท้อปฮิตมาหลายสิบปีในบ้านเรา รสนมเนยและความร่วนของคุกกี้คือเสน่ห์ในความอร่อยอันคลาสสิค นี่ก็อีกค่ะที่ต้องทานร่วมกับกาแฟสักแก้วแล้วจะหยุดไม่ได้
8.Roti (โรตี) : อินเดีย
ขนมหวานที่แทบจะกลายเป็นขนมไทยไปแล้ว เพราะมีชาวอินเดีย หรือแขกจากประเทศละแวกชาวแขกเข้ามาทำมาหากินในบ้านเรายาวนาน โดยอาชีพสุดฮิตของพวกเขาก็คือ รถเข็นขายโรตี จากเมื่อก่อนที่มีแค่ไส่ไข่หรือไม่ใส่ไข่ แล้วโรยหน้าด้วยนมข้นหวานกับน้ำตาล มาถึงปัจจุบัน โรตีสารพัดรสชาติที่เลือกสรรค์ได้ ทำให้ขนมหวานคลาสสิคข้างทางกลายมาเป็นขนมหวานมากออฟชั่นพอ ๆ กับเครปหวานตามห้างสรรพสินค้า ส่วนความอร่อยก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันด้วยซ้ำ
โรตีอร่อย ชวนไปชิมไกลสักนิด เที่ยวไปชิมไป อ้วนไป กับ โรตีนิสรา หรือ โรตีหงาว แห่งเมืองระนอง ร้านอยู่ใกล้ตลาดสดหงาว เปิดให้บริการทุกวันค่ะ
9.Pie (พาย) : อียิปต์ ยุคหินใหม่
เชื่อหรือไม้ว่าขนมพายสารพัดไส้นี้เกิดขึ้นมายาวนานตั้งแต่ยุคหินใหม่ โดยพบครั้งแรกที่อียิปต์ เพราะพวกเขาสามารถนำผลไม้ ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ มาทำเป็นไส้พาย เพื่อถนอมอาหาร พกพาไปไหนต่อไหนระหว่างการเดินทางได้ อร่อย อิ่มท้อง มากด้วยคุณค่าทางอาหาร และปัจจุบันสารพัดชาติบนโลกใบนี้ก็ได้มีการนำพายมาทำเป็นขนมหวานสารพัดไส้ตามแต่วัตถุของท้องถิ่นที่หาง่าย พวกเราจึงมีโอกาสได้เลือกหลากหลายพายกันมากขึ้น กลายเป็นขนมอีกชนิดที่ไม่ต้องไปกินไกล เดินเข้าห้างไหนก็มีค่ะ พายอร่อยในกรุงเทพฯ แนะนำ Neil’s Tavern Restaurant & Bake shop ร้านดังที่ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดีค่ะ
10.Fruit cake (เค้กผลไม้) : อังกฤษ
เป็นเค้กที่คลาสสิคที่สุดอีกชนิด แม้จะไม่ค่อยมีคนเลือกรับประทานกันเท่าไหร่นัก ในยุคที่มูสเค้กดูจะอินเทรนด์กว่า แต่เนื้อเค้กอร่อยหอมกลิ่นนมเนยและรสชาติหวานอมเปรี้ยวของผลไม้แห้งชิ้นเล็ก ๆ ในเค้กผลไม้ก็คือความคลาสสิคที่ยังคงอยู่ โดยเฉพาะในร้านเบเกอรี่ดี ๆ ที่ไม่ยอมพลาดจะเอามาโชว์กันให้เห็นว่า “คุณหาฟรุตเค้กได้ที่นี่” ใครไม่เคยชิม แต่เป็นคนชอบทานเค้ก ยังไงก็ต้องไปลองชิมกันดูนะคะ สำหรับเค้กคลาสสิคที่ต้นตำหรับมาจากประเทศอังกฤษอย่าง ฟรุตเค้ก
ฟรุตเค้กอร่อยแน่นอนในเมืองไทย ขอแนะนำในช้อป แมนดาริน โอเรียนเตล เลยค่ะ สะดวกสุด รถไฟฟ้าไปถึงก็สยามพารากอน ร้านใหญ่ สวย บรรยากาศดี
มีใครถูกใจขนมหวานชิ้นไหนก็ต้องลองตามหามาชิมกันดูนะคะ
จะได้พูดได้ว่า...พวกขนมหวานคลาสสิคทั้งหลายนั้นไม่มีชิ้นไหนรอดพ้นคุณไปได้
ส่วนชิ้นที่เหลือ เดี๋ยวเราจะตามไปชิมกันต่อไปเร็ว ๆ นี้เลย
ขอขอบคุณภาพจาก : pinterest.com, kbeautifullife.askkbank.com, operatorchan.org, globetrotterdiaries.com, wongnai.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th