หลังจากที่เพิ่งจะมีข่าวความเสียหายใต้น้ำที่เกาะตาชัย เกาะใหม่ บริสุทธิ์ แสนสวย ที่เพิ่งเปิดให้ขึ้นไปเที่ยวชมความงาม และช่วงนี้ก็ยังอยู่ในฤดูกาลแห่งอันดามัน ก่อนจะปิดเกาะ ปิดทะเลฝั่งนี้กันอีกครั้งตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-ตุลาคม ก็เลยอยากจะพาแฟนๆ cosme*net ไปเที่ยวทะเลอันดามันอย่างอนุรักษ์กันบ้าง ครั้นจะห้ามไม่ให้ไปกันเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ ทริปนี้จึงจะพาไปเกาะสวย ที่เปิดให้เที่ยวมานาน แม้จะไม่ดังเท่าเกาะตาชัย ณ วันนี้ แต่ก็เคยอินเทรนด์มาก่อนเหมือนกัน
"เกาะรอก" เพทายสีฟ้ากลางอันดามัน ...ต้องไปให้ถึง
หากเราเคยไปเที่ยวทะเลกระบี่ และข้ามไปถึงเกาะลันตา เราจะพบว่า มีทริปทัวร์เกาะเล็กเกาะน้อยให้เลือก แบบรวมหลายเกาะ คือ ทัวร์สี่เกาะ เกาะมุก เกาะไหง เกาะเชือก และเกาะกระดาน ขณะเดียวกันก็จะมีทัวร์เกาะเดียว แต่แพงกว่าได้สี่เกาะ หลายๆ คนจึงมักเลือกไปสี่เกาะ ที่ถูกกว่า เพราะอยู่ใกล้กว่า อยากจะบอกว่าคุณได้พลาดไปแล้วนะ
ไฮไลท์สี่เกาะคือหนึ่งเดียวเลยคือ ถ้ำมรกตที่เกาะมุก แต่ถ้ายอมจ่ายเพื่อเกาะเดียวและไปถึงเกาะรอก คุณจะพบว่า คุณจะอยากกลับมาอีก และมาอีก....แต่ไปเช้า เย็นกลับ ไม่อยากจะแนะนำ สำหรับคนที่สามารถเที่ยวแบบคลุกฝุ่นคลุกทรายได้ เพราะเมื่อจ่ายค่าเรือแพงกว่า คุณก็สามารถบอกได้ว่า วันไหนค่อยมารับกลับก็ได้เหมือนกัน ดีงามกว่าเยอะเลย
ที่สำคัญการไปทะเลเช้าเย็นกลับ คือการทำลายธรรมชาติพอสมควร เพราะการรีบไป รีบกิน รีบในทุกสิ่ง เป็นเพียงความตื่นเต้นวูบวาบชั่วยามที่ไม่เกิดสำนึกรักษ์ และรัก ทะเล รักธรรมชาติเท่าที่ควร มันจะดีกว่าเยอะเลย ถ้าคุณได้นอนฟังเสียงคลื่นยามค่ำคืนโดยไม่มีเสียงเรือรบกวน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ คุณจะรักและรักษ์ และบอกต่อ คุณจะได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยาน(ควรจะนะ) เพื่อทำความเข้าใจ และเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึนกับท้องทะเล ณ วันนี้
ถ้าพร้อมแล้ว เดินไปเคาท์เตอร์ทัวร์ และจ่ายซะ คนละประมาณ 1,400-1,800 บาท รวมค่าอาหารกลางวันและอุปกรณ์ดำน้ำ จากนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นจึงจะออกเดินทาง สู่เกาะรอก ประมาณ 9.00 น. โดยเรือสปีดโบ๊ท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ซึ่งเมื่อถึงเกาะรอก อารมณ์จะประมาณ อะไรกันนั่น สีสันของน้ำตื้นโดยรอบบริเวณเกาะรอกราวกับเพทายสีฟ้าโอบล้อมรอบเกาะเป็นบริเวณกว้าง
เกาะรอกมี 2 เกาะ คือเกาะรอกใน และเกาะรอกนอก ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน มีสันทรายเชื่อมระหว่างกัน โดยมีจุดดำน้ำที่สำคัญคือบริเวณชายหาดด้านหน้าของเกาะรอกนอก
ที่เกาะรอกนอกจะมี อ่าวม่านไทร อยู่ถัดจากหาดหน้าไปทางท้ายเกาะ สามารถเดิน เลาะหาดไปได้ในช่วงน้ำลง ป่าในบริเวณนี้ี้เป็นป่าผสมระหว่างป่าชายเลน ป่าชาดหาดและป่าดงดิบ ส่วนด้านหน้าอ่าวเป็นหาดทรายสีขาวละเอียดมากแล้วยังค่อยๆ ลาดลงไป จึงเหมาะแก่การเล่นน้ำมาก
ไฮไลท์ปลายฝน ต้นฤดูอันดามัน
ใครที่เลือกช่วงเวลาที่เหมาะเจาะในการเดินทางสู่เกาะรอกช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน อาจได้พบกับน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาบนเกาะรอกในลงสู่ท้องทะเล เป็นภาพที่หลายๆ คนฝันอยากไปเห็น และที่เกาะรอกในยังมีแหลมสยาม เสาหลักเขตสยามเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อยู่ด้วย
บนเกาะรอกมีบ้านพักให้บริการ ซึ่งเป็นของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ให้บริการ แต่ต้องจองล่วงหน้านาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการเดินทางเที่ยวเกาะแบบนี้ มักไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้านานมาก แบกเต็นท์ไปเลยดีที่สุด เสียค่ากางเต็นท์ 80 บาท ส่วนค่าเข้าอุทยาน ทางเรือจะจ่ายให้เรา เพราะเราจ่ายค่าเรือรวมค่าบริการเหล่านี้ไปแล้ว
- ห้องน้ำบนเกาะรอกก็สะอาดสะอ้านทีเดียว ไม่ต้องห่วง แต่สิ่งที่เราต้องใส่ใจเอาไว้เสมอคือ เศษขยะทั้งหมดที่เรานำไป เราต้องนำกลับมาให้หมดจะดีที่สุด โดยให้เตรียมถุงดำเอาไปด้วย สำหรับขยะส่วนตัว และอาจช่วยเก็บขยะที่พบเห็นบนเกาะใส่ลงถังขยะของอุทยานบ้างก็จะดี
- การลงเล่นน้ำในทะเล ก็อย่านึกสนุกเอาสบู่ แชมพู ลงไปใช้ในทะเล เพราะสารเคมีเหล่านั้นจะต้องตกหล่นสู่ท้องทะเลแน่นอน
- อย่าแอบเผาปิ้งย่างอะไรบนชายหาด จริงๆมีกฎระเบียบห้ามเอาไว้อยู่แล้ว ต้องปฏิบัติกันด้วย
- การส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่ใช่เพียงทำลายความสงบของผู้อื่น แต่อาจก่อกวนธรรมชาติด้วยเช่นกัน เพราะบนเกาะมีป่า ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ชนิดอื่นด้วย ดังนั้น เงียบๆ และเคารพความเป็นส่วนตัวซึ่งกันและกันจะดี
- บางคนชอบทำเท่ด้วยการรังแกธรรมชาติ เช่น ว่ายน้ำไล่จับปลามาถ่ายรูปแล้วปล่อยไป นั่นไม่เท่สักนิด สิ่งใดๆ ก็ตามที่อยู่ของมันมาแบบนี้เนิ่นนานจะสวยงามเมื่ออยู่ในที่ในทางของมัน ไม่ว่าจะเป็นหินกลมมนสวย เปลือกหอย ปะการัง กิ่งไม้ หรือแม้แต่ทรายขาวละเอียด...อย่าหยิบฉวยเอาไปเลยค่ะ
- ขณะเดียวกัน ถ้าเจอใครที่ทำลายธรรมชาติ อย่าเฉย ต้องบอกผู้รับผิดชอบให้ช่วยเตือน หรือจะเตือนเองก็ได้
การเดินทางสู่เกาะรอก สามารถมาได้ทั้งจากเกาะลันตา และจากฝั่งจังหวัดตรัง ค่าเรืออย่างที่บอกคือ 1,400-1,800 บาท หาราคาให้ได้ถูกที่สุด การบริการไม่ต่างกันนัก และที่สำคัญ หยิบถุงดำติดเอาไปด้วย รวมถึงอย่าทิ้งสิ่งใดลงไปบนชายหาดท้องทะเล หรือผืนป่า คือเอาอะไรไปก็เอากลับมาให้หมด เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเอาไว้นานๆ ...เรามีของดี ถ้าไม่รู้จักรักษา ก็น่าเสียใจ ว่าไหม