โดยส่วนตัว เมื่ออ่านคุณสมบัติของเค้าแล้วรู้สึกน่าสนใจดี เนื่องจากเฟิร์นคิดว่า
น่าจะตอบโจทย์สำหรับคนทีีมีปัญหาผิวหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างและอุดตันง่ายแบบเฟิร์น
พอเปิดออกมา..จะพบกับตลับแป้ง ที่มีลักษณะเป็นทรงกลม มีขนาดกระทัดรัด
จับถนัดมือ ตัวตลับเป็นสีฟ้าแบบพาสเทล น่ารักมาก ด้านหน้ามีโลโก้เขียนเป็นชื่อแบรนด์ติดไว้
ด้วยตัวหนังสืิอสีทอง รวมถึงตัวพลาสติกด้านในที่ปกปิดเนื้อแป้งด้วยเช่นกัน
ตัวตลับแป้ง แบ่งออกเป็น2ชั้น อย่างมีสัดส่วน ชั้นบนจะประกอบด้วยแป้งผสมรองพื้นแบบอัดแข็ง
ส่วนชั้นล่าง มีฟองน้ำมาให้ด้วย อยู่ในชั้นล่างสุด ลักษณะของฟองน้ำเป็นแบบวงกลม
มีสีขาว เนื้อฟองน้ำค่อนข้างแน่น ละเอียด สามารถติดเนื้อแป้งได้ดี
เมื่อสัมผัสบนผิว ไม่รู้สึกว่าหยาบ หรือระคายผิวจนเกินไป
เมื่อใช้ฟองน้ำกดลงบนผิวสามารถทำให้เมคอัพของเราแน่นขึ้น ติดทนกับหน้ามากขึ้น
และในส่วนของด้านล่างตลับ ยังมีรูสำหรับระบายอากาศ
เพื่อไม่ให้ฟองน้ำมีกลิ่น หรืออับชื้นอีกด้วย
แป้ง"Natural Matte Finish Foundation Powder SPF20 PA+++"
ตัวนี้มีทั้งหมดอยู่ 3 เฉดสีด้วยกัน คือ
1. #C1 LIGHT : สำหรับผิวขาว
2. #C2 BEIGE : สำหรับผิวสองสี (หรือผิวกลางๆ เหมือนผิวของเฟิร์น)
3. #C3 HONEY : สำหรับผิวเข้ม
ส่วนตัวเฟิร์นเป็นคนที่ไม่ได้มีสีผิวขาว ก็เป็นผิวแบบกลางๆ ตามแบบฉบับของสาวไทยทั่วไป
เลยเลือกใช้สี #C2 BEIGE ซึ่งสีนี้เหมาะสำหรับผิวสองสี หรือผิวแบบกลางๆ ไม่ขาวมาก
เมื่อลองสวอชเนื้อแป้งลงแขน สีผิวแทบไม่ต่างจากสีผิวเดิม เนื้อแป้งละเอียด เกลี่ยง่าย ไม่มีกลิ่น
มีความบางเบามากๆ แถมผิวตรงบริเวณที่ทา รู้สึกได้เลย ว่าเรียบเนียนขึ้นกว่าบริเวณแขนที่ไม่ได้ทา
เมื่อลองทดสอบทาแป้งลงบนผิว ทั้งแบบที่ไม่ได้ทาและทารองพื้น
จะเห็นได้ว่า สามารถปกปิดรอยสิวได้ค่อนข้างดี เมื่อยิ่งทารองพื้นก่อนการทาแป้งแล้ว
ยิ่งทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะทาแบบไหน สีผิวก็ดูไม่เปลี่ยน
แถมยังกลืนกับสีผิวและรองพื้นได้ดีอีก หน้าดูแมตขึ้น ช่วยดูดซับความมันบนผิว
เบาสบายผิว ไม่หนักหน้า ทั้งๆที่มันผสมรองพื้น..เริศมาก!!
สีแป้งบนใบหน้าก็ดูไม่โดดจากสีคอด้วยนะ ซึ่งที่คอไม่มีการทาด้วยแป้งใดๆทั้งสิ้น
ทำให้มองดูแล้วโดยรวมแล้วออกมาธรรมชาติมากๆ ไม่เทาหลีเลย!! อันนี้ชอบ 555
อ่ะ..ไหนๆก็๋ไหนๆ ขอลองใช้ให้ทั่วหน้าและลองแต่งหน้าดูสักหน่อย
อยากรู้ว่าทาทั่วหน้า และแต่งออกมาแล้วจะได้ผิวประมาณไหน
วันนี้ขอแต่งเป็นสไตล์แบบเกาหลีแล้วกันนะ ขอไม่เอาแบบเทาหลีนะ..กลัว!!
แต่งหน้าเสร็จเราก็มาทดสอบกันดีกว่า เห็นเค้าบอกว่าสามารถกันเหงื่อ กันน้ำด้วย แบบนี้ต้องลอง!!
โดยครั้งแรก เฟิร์นได้ทดสอบด้วยการราดน้ำตรงบริเวณใบหน้า จากนั้นลองถูหน้าเบาๆ
เมื่อลองทดสอบแล้ว ใบหน้ายังมีสภาพที่โอเคอยู่ กันน้ำได้โอเค แต่เรายังไม่สามารถรู้ได้เลย
ว่าแป้งตัวนี้กันเหงื่อได้โอเคไหม? ยังหนำใจเราค่ะ ดังนั้นเราต้องทดสอบแป้งอีกครั้ง
โดยการทาแป้งตัวนี้ก่อนออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น มาดูกันว่าเค้าจะกันเหงื่อ คุมมัน
และติดทนได้นานแค่ไหน ผ่านคลิปนี้กันค่ะ...
สรุปผลลัพธ์
ส่วนตัวค่อนข้างพึงพอใจในผลลัพธ์ เนื่องจากว่าเฟิร์นเป็นคนที่ิผิวมัน แบบมันมากๆแต่แป้งตัวนี้ไม่ทำให้หน้าเป็นคราบเลยทั้งๆที่เฟิร์นทามาทั้งวัน โดยไม่มีการตบแป้งเพิ่ม คือแต่งจากห้องยังไงก็เป็นแบบนั้น คือทาตั้งแต่เช้าจรดเย็น เมื่อกลับมาถึงห้องเชคหน้าดู ยังหลงเหลือแป้งบางๆปกปิดผิวอยู่
ถึงแม้จะมีแป้งหลุดบ้าง แต่โดยรวมก็ไม่หลุดหรือมีคราบจนมีสภาพหน้าที่แย่เป็นแบบสังขยา 555
ชอบที่สุดก็น่าจะเรื่องความบางเบาของแป้ง เป็นแป้งผสมรองพื้นที่ทาแล้วไม่หนักหน้าเลย แถมไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม คืออ่อนโยนต่อผิว ทาแล้วกลืนไปกับสีหน้าผิว อันนี้เลิฟสุด ชอบมากๆ
ทำให้สามารถแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เพราะจะใช้รองพื้นเฉดสีไหนตบแป้งทีเดียวก็เข้ากับสีผิว
อีกทั้งเค้าราคายังสามารถจับต้องได้ โดยตอนนี้เค้าโปรโมชั่นลดราคาพิเศษจากปกติ 589.-
ตอนนี้ลดเหลือเพียงตลับละ 489.- เท่านั้น!!หากใครสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ ตามช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ Kyst Cosmetic ได้เลย ตามรายละเอียดด้านล่างนี้นะคะ
CastleC สยามซอย 9 (ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬา)
Email : kyst.cosmetic@gmail.com
ขอบคุณค่ะ