ไหนๆ ใครชอบเมคอัพงานผิวๆ บ้าง ก้อยเป็นคนนึงที่ชอบไอเทมงานผิว เพราะมันสามารถใช้ได้ในทุกวัน ใน Everyday Look โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือหนักผิว ที่สำคัญคือใช้ง่าย ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แล้วถ้ายิ่งเมคอัพชิ้นนั้นมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวไปพร้อมๆ กันแล้วด้วยหละ ยิ่งช่วยให้ผิวสวยมงลงกันเลยทีเดียว
นี่เป็นไอเทมเมคอัพงานผิวที่ก้อยหยิบใช้ในช่วงนี้บ่อยๆ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปเนอะ มีทั้งไอเทมเก่าๆ ที่มีมานาน และไอเทมใหม่ๆ ที่แบรนด์เค้าเพิ่งวางขายซักระยะนึง พอใช้แล้วมันปลื้มมมม เลยหยิบใช้กันบ่อยเลยช่วงนี้
ก้อยขอแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ นะ
ต้องบอกว่า Primer ตัวหลักๆ ที่ก้อยใช้จะมี 2 ตัวนี้ ซึ่งให้ Finish ของผิวหน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
Tarte Rainforest Of The Sea Deep Sea Collagen Super Serum
เจ้าตัวนี้นับว่าเป็นเซรั่มที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นมากๆ ก่อนแต่งหน้า เนื้อเค้าจะเป็นน้ำและน้ำมันแยกออกจากกัน แต่เนื้อซึมไวนะ คนผิวมันก็ใช้ได้ไม่ต้องกังวล เพราะมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิว
เมื่อทาลงบนผิวจะช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ ดูอิ่มเอิบ และ Glow ขึ้นอย่างชัดเจน เพราะเค้ามี Argan Oil ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นทันที นอกจากจะเป็น Primer ที่ช่วยให้ Finish Look ของการแต่งหน้าเป็นผิวแบบโกลว์แล้ว เค้ายังมี Vegan Marine Plant Collagen ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้ผิวแลดูกระชับดูอ่อนเยาว์ มี Marine Plant Extracts ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและนุ่มขึ้น และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย
ดูจากรูปจะเห็นได้เลยว่าผิวก้อยดู Glow และชุ่มชื่นขึ้นทันทีจริงๆ ที่ใช้
YSL Instant Matte Pore Refiner
Primer ตัวนี้จะช่วยทำให้ผิวแมตต์เลย สำหรับคนที่ไม่ชอบผิว Glow ต้องการผิวแมตต์ขั้นสูดสุง ตัวนี้ตอบโจทย์นะ และมันช่วยเบลอรูขุมขนได้ในระดับนึง ที่ไม่ได้ช่วยเบลอระดับสุดนั้นเพราะเค้าไม่มีซิลิโคนนะ จึงไม่ทำให้อุดตัน
แต่ที่ก้อยชอบมากๆ ก็เพราะ Primer ตัวนี้มันทำให้เครื่องสำอางก้อยติดทนนานตลอดทั้งวัน รู้สึกได้เลยว่าเครื่องสำอางที่ทาลงบนใบหน้าแน่นมาก ตกเย็นก็ไม่เลือนหาย และนอกจากเค้าจะช่วยเบลอรูขุมขนและช่วยให้เมคอัพติดทนมากๆ แล้ว เค้ายังมีตัวบำรุงอย่างเช่น ใบวอลนัท ซึ่งจะช่วยเสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก และยังค่อยๆ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เรียบเนียนขึ้น ใสขึ้นได้ด้วย มี Salicylic Acid เมื่อใช้เป็นประจำ จะช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้
ดูจากรูปจะเห็นว่าผิวก้อยแมตต์เลย ไม่มีความวาวบนโหนกแก้มเลย
กลุ่มต่อไปเป็นงานรองพื้นนะ รวมถึงพวกคุชชั่นและCCครีมด้วย
It Cosmetics Your Skin But Better CC Cream : Fair
เป็น CC ครีมที่ก้อยใช้หมดมาเป็นหลอดที่ 3 แล้ว และอันนี้ก็กำลังจะหมดในเร็ววันนี้ วันไหนที่ขี้เกียจคิดว่าจะใช้รองพื้นอะไร หยิบเจ้าตัวนี้มาใช้ง่ายดี
เนื้อเกลี่ยง่าย ใช้นิ้วเกลี่ยก็ได้ ให้ผิวใสๆ สบายๆ เหมาะสำหรับ Everyday Look สุดๆ แต่อาจจะไม่ได้ให้การปกปิดอะไรมากมายนะ เป็นงานผิวจริงๆ แต่ช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้น สมชื่อ Your Skin But Better เค้าเลย และเค้ายังมีตัวบำรุงอย่างเช่น Vitamin A, C, B, E Hyaluronic Acid และ Hydrolyzed Collagen ซึ่งช่วยในเรื่องของ Anti-Aging ช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นด้วย และที่สำคัญ เค้ามีกันแดดมาให้ด้วยในตัวนี่แหละ ก้อยถึงชอบใช้บ่อยๆ เพราะตัวเดียวจบจริงๆ
เมื่อทาลงบนผิวแล้วก็จะได้ผิวใสๆ แบบนี้ จะเห็นได้ว่า เรายังเห็นรอยแดง รอยสิวอยู่บางๆ แต่ผิวหน้าดูดีขึ้นนะ ดูใสและขาวขึ้นเลย
Lancôme Blanc Expert Cushion Urban Duo Palette : P-02
งานผิวใสต้องมอบให้ตัวนี้ เป็นคุชชั่นที่ให้ความฉ่ำวาว ช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบ ผิวใสขึ้นจริงๆ แล้วยังมีคอนซีลเลอร์ภายในตลับ ช่วยปกปิดรอยสิวรอยคล้ำใต้ตาเพิ่ม
แต่บอกก่อนเลยว่าคุชชั่นรุ่นนี้ไม่เน้นการปกปิด แต่ช่วยให้ผิวใสผิวสวยขึ้นมากกว่า ได้ลุคผิวกำมะหยี่ใสๆ ไม่คุมมันเท่าไหร่ แต่ผิวสวยจริงๆ ก้อยชอบใช้ในวันสบายๆ เข้าห้างเบาๆ ช่วงสิวไม่มี เค้ามีส่วนผสมของสารบำรุงต่างๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่า ทาผิวไปแล้วผิวสวยจริงๆ เป็นคุชชั่นหน้าใส ใช้ช่วงหน้าเนียนๆ ไร้สิวนูนๆ แล้วได้ผิวสวยมาก
Giorgio Armani Power Fabric Foundation Balm : #3
ช่วงนี้กำลังเห่อเจ้าตัวนี้มากๆ เพราะใช้สะดวกใช้ได้ใน Everyday Look จริงๆ เป็นเนื้อบาล์มที่จะเปลี่ยนจากเนื้อบาล์มเป็นเนื้อครีม และจะเปลี่ยนจากเนื้อครีมเป็นแป้ง เท่ากับเราไม่ต้องใช้แป้งทาทับเลย
เนื้อบางเบาแต่ปกปิดได้ดีเลยนะ ก้อยติดมากช่วงนี้ หยิบมาใช้ตัวเดียวจบได้ง่ายๆ
เมื่อใช้ตัวนี้เดี่ยวๆ ก็จะปกปิดได้ดีแบบไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์ เป็นการปกปิดที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ถ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรหนักๆ ใช้ตัวเดียวจบได้เลย
Tarte Rainforest Of The Sea Water Foundation : Fair-Light Sand
รองพื้นตัวนี้ก้อยชอบใช้กับตัว Tarte Rainforest Of The Sea Deep Sea Collagen Super Serum เพราะมันช่วยให้ผิวโกลว์สวยมาก ตัวรองพื้นเค้าช่วยเก็บความชุ่มชื่นไว้ให้ผิว จึงทำให้เมื่อลงรองพื้นบนผิว จะได้ผิวที่ดูมีชีวิตชีวา
เนื้อบางเบาแต่ปกปิดได้ดีทีเดียว เกลี่ยง่าย ใช้ระหว่างวันไม่เป็นคราบเค้ก อาจจะไม่ได้คุมมันเท่าไหร่ แต่เป็นงานผิวที่สวยจริงๆ แถมยัง SPF15 ช่วยกันรังสี UV ด้วย
จะเห็นว่าเมื่อทารองพื้นลงไป มันปกปิดได้ในระดับนึง แต่สามารถค่อยๆ บิ้วเพิ่มระดับการปกปิดได้นะ ได้ผิวสวยๆ โกลว์ๆ ปกปิดได้พอดีๆ
No.7 Match Made Custom Blend Foundation Drops : Calico
เป็นรองพื้นที่เลือกระดับงานผิวได้ อยากจะใช้ในวันสบายๆ ไม่เน้นการปกปิดมากก็ใช้ 1 หยด และเพิ่มระดับการปกปิดขึ้นไปก็ใช้ 2 หยด และใช้ 3 หยดเพื่อการปกปิดที่แน่นมากๆ
บอกเลยว่าตัวนี้ปกปิดดีมากๆ เมื่อใช้ในนะดับ2-3 แล้วหน้าก็จะเนียนกิ๊ง ไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์เลย ใช้ระหว่างวันไม่เป็นคราบเลย อันนี้ประทับใจมากๆ ราคาก็น่ารัก ผสมกับครีมบำรุงผิวตัวต่างๆ เพื่อเลือก Finish งานผิวได้ อยากจะผิว Matte ผิว Glow ก็อยู่ที่ครีมบำรุงและPrimer ของเราที่สามารถผสมเข้าไปในเนื้อรองพื้นได้เลย
ก้อยทาให้ดู 3 ระดับเลย จะเห็นว่ามันค่อยๆ เพิ่มระดับการปกปิดจริงๆ ก้อยใช้บ่อยนะ เวลาขี้เกียจคิดว่าจะใช้รองพื้นตัวไหนดี 55555+
ต่อมาเรามาจบกันที่งานแป้งที่ก้อยใช้บ่อยๆ ในช่วงนี้นะ
Three Ultimate Diaphanous Loose Powder : #01
ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นลูกรักจริงๆ ครั้งแรกที่ใช้คือชอบพัฟเค้ามากๆ แต่ตัวแป้งของเค้าก็มีดีด้วยเช่นกัน เป็นเนื้อแป้งที่มีอณูละเอียดมากๆ
แป้งฝุ่นตัวนี้ให้ finish look ที่ดูเป็น natural matte คือให้ผิวแมตต์ที่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนผิวจริง เนื้อแป้งโปร่งแสง ไม่ได้ทำให้สีของรองพื้นเพี้ยนไป และช่วยคุมมันได้ดี
ก้อยใช้แต่งหน้าในหลายๆ วันเลย เป็นแป้งฝุ่นลูกรักจริงๆ
Three Pristine Complexion Powder Foundation: #100
แป้งตัวใหม่ล่าสุดของ Three ขอพูดเยอะหน่อยเพราะเป็นไอเทมใหม่ล่าสุดในไลน์งานผิวที่ก้อยมี มันน่าสนใจตั้งแต่มีพี่อ้อม สุนิสา เป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว ซึ่งก้อยว่าก็เหมาะมากจริงๆ เพราะพี่อ้อมเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ เป็นคนที่เรียบง่าย ดูคลาสสิค มีเอกลักษณ์ สามารถสื่อความเป็นตัวตนได้ออกมาได้อย่างพอดิบพอดี ไม่หวือหวาแต่มีคลาส ซึ่งตรงกับบุคลิกของแบรนด์ Three มากๆ พอมาศึกษาดูข้อมูลของมันก็เลยยิ่งอยากใช้
แป้งตัวนี้มาในรูปแบบตลับสี่เหลี่ยมแนวยาวแบบมินิมอลเช่นเดิม แค่ตลับก็น่าใช้มากแล้ว และเค้ายังเป็นแป้งผสมรองพื้นที่ช่วยเบลอรูขุมขนก้อยได้ดีมาก ใช้แล้วยังรู้สึกเหลือเชื่อกับงานผิวที่ได้ เพราะก้อยใช้แป้งคู่กับแปรงของเค้า ไม่เคยใช้แป้งผสมรองพื้นโดยไม่ใช้พัฟเลย แต่พอได้ใช้แปรงควบคู่กับแป้งของเค้าแล้วได้ผิวที่เนียนเกินคาด เพราะเค้ามี Spherical Powder 4 ชนิด ช่วยอำพรางจุดบกพร่องของเรา
แป้งตัวนี้เค้ามีเนื้อแป้งมาให้ 2 แบบนะคะ ฝั่งที่มีปริมาณเยอะกว่านี่เป็น Slender Matte จะเป็นแป้งผสมรองพื้นที่ให้ฟินิชลุคแบบ Airy Matte คือให้การปกปิดแต่ดูบางเบาเป็นธรรมชาติ และให้ผิวดูแมตต์ แต่ไม่แมตต์จนมากเกินไป เพราะเค้ามีเทคโนโลยี Soft Focus Effect ที่จะช่วยในเรื่องของการหักเหแสง ให้แสงที่สะท้อนมาที่ใบหน้าดูสวยเป็นธรรมชาติ มี Anti-dulling Powder และ Subum-Absorbing Coating ที่ช่วยให้แป้งบนผิวหน้าเราไม่ดรอปไม่หมองตลอดวัน
ส่วนอีกฝั่งที่เล็กกว่าคือ Slender Glow เป็นแป้งที่มีเนื้อชิมเมอร์เล็กๆ ช่วยกระจายแสงให้ผิว ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพผิวดียิ่งขึ้น ก้อยใช้แป้งในส่วนนี้เป็นไฮไลท์เลย ปัดบริเวณโหนกแก้ม สันจมูก จงอยปาก จะเห็นเลยว่าผิวบริเวณนั้นสว่างขึ้น แต่ยังดูเนียนไปกับผิวหน้าเราอยู่ เพราะเค้ามีอณูแป้ง Silky Powder ซึ่งมีความละเอียดมาก โปร่งแสง ช่วยให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ และมีอณูแป้ง Flaky Powder ช่วยในเรื่องของการหักเหแสง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
พอใช้ร่วมกันแล้วทั้งฝั่งที่เป็น Slender Matte ทั่วใบหน้า และฝั่ง Slender Glow บริเวณจุดไฮไลท์ต่างๆ จะช่วยเพิ่มมิติให้หน้าเรามากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นด้วย ที่สำคัญตัวแป้งเค้ามีส่วนผสมของโบทานิคอล ออยล์ และสารสกัดจากพืช 9 ชนิด ช่วยบำรุงผิวหน้าไปในขณะที่เราแต่งหน้าระหว่างวันด้วย
และนี่ก็เป็นไอเทมเมคอัพงานผิวแบบจัดเต็มที่ก้อยใช้บ่อยและเห่อมากๆ ในช่วงนี้ เรียกว่าใช้สลับกันไปมาใน Everyday Look เลย แล้วแต่อารมณ์ว่าวันไหนอยากได้ลุคผิวแบบไหน ปกปิดแค่ไหน แต่ไม่ได้เน้นการปกปิดแบบจัดเต็มอะไรมากมายนัก เรียกว่าเป็นไอเทมเมคอัพที่ช่วยให้ผิวสวยขึ้นและยังได้หายใจอยู่ หวังว่าสาวๆ จะชอบกันนะ
ขอบคุณค่ะ