จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงสวัสดีค่ะ ชาวคอสเม่เน็ตที่น่ารักทุกคนนน คิดว่าช่วงนี้น่าจะมีหลายคนที่ Work From Home (หรือใครที่ยังไม่ได้ Work From Home ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ) คือถึงแม้ว่าเราจะอยู่ติดบ้านกันแต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบเครื่องสำอางมาแต่งในวันที่ใจร่ำร้อง ส่วนใหญ่ที่ขาดไม่ได้นอกเหนือจากครีมกันแดดก็จะเป็นกลุ่มงานผิวเลย อะไรไม่ว่าแต่ผิวหน้าต้องสวยไว้ก่อน และหนึ่งในตัวที่เราได้มีโอกาสใช้ในช่วงนี้แล้วรู้สึกประทับใจจนอยากหยิบมาบอกต่อก็คือออ…
Bisous Bisous C'est Si Bon Luminescence Cushion SPF50+ PA+++ (995.-)
งานผิวในรูปแบบคุชชั่นจาก Bisous Bisous ได้รางวัล The Best Cusion ประจำปี 2019 เขาว่าปกปิดดี ติดทนนาน พรางริ้วรอย/รูขุมขนให้ดูจาง ส่วนผสมอัจฉริยะ Organic Swiss Alpine Herb Complex และ Summer Snow Flakes Extract ที่บำรุงและให้ผลลัพธ์เหมือนการทำ Botox (อ่านแล้วก็ร้องหื้อออเลย) และมี SPF 50+ PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ปกติถึงเครื่องสำอางจะมีกันแดดในตัวแต่เราจะทาครีมกันแดดเพิ่ม แต่สำหรับช่วงนี้ที่ไม่ได้ออกนอกบ้านเราว่าไม่ต้องทาครีมกันแดดเพิ่มก็น่าจะเพียงพอในการปกป้องผิวแล้วนะคะ
ตลับของเขาน่ารักมากกก เป็นสีเหลี่ยมขนาดเท่าตลับแป้ง ถือจับและพกพาสะดวก มีสีชมพูอ่อนมีลวดลายสีทองตัดกันมุมิ ฟองน้ำจะต่างจากอีกแบรนด์ที่เคยใช้ อันนั้นเนื้อจะแน่นเรียบๆ แต่อันนี้ฟองน้ำเขาจะเนื้อเบา นุ่มนิ่ม ไม่แน่น กดแล้วยุบ แต่ผิวฟองน้ำเรียบเนียน อีกอย่างคือรู้สึกว่่าฟองน้ำเขาไม่กินเนื้อคุชชั่น แต่อาจจะมีเหลือติดที่ผิวหน้าของฟองน้ำบ้างนิดหน่อยแค่นั้น (แอบอยากได้เพิ่ม เขามีขายแยกมั้ยย)
รุ่นนี้มีให้เลือก 4 เฉดสีค่ะ ได้แก่ Beige เบจ ,Ivory ไอวอรี่ ,warm nude วอร์ม นู้ด ,classic tan คลาสสิค แทน ที่เราใช้จะเป็นเบอร์ 2 Ivory ไอวอรี่ เหมาะกับชาวผิวขาวเหลือง สีของเนื้อคุชชั่นจะเป็นโทนเหลืองจริงๆ ไม่มีติ่งชมพู เข้ากับสาวเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยแบบเรามากกก เราทาแล้วเข้ากับผิวดี แอบเพิ่มความผ่องมาเล็กน้อยแบบธรรมชาติ
ปัญหาเดิมของผิวเราคือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หน้าผากสีนึงแก้มสีนึง + มีรอยคล้ำข้างจมูกและใต้ตา + รูขุมขนช่วงปลายจมูกและหน้าแก้มค่อนข้างกว้าง หลังทาคุชชั่นจะเห็นเลยว่า ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ปกปิดรอยได้ปานกลาง-ค่อนข้างดี พรางจุดบกพร่องไปได้ 60-75 เปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่ได้กริบเท่าใช้คอนซีลเลอร์ แต่โดยรวมถือว่า ทาตัวเดียวก็ออกจากบ้านได้ ไม่ได้ดูโทรมเท่าบีฟอร์ เหมาะกับคนที่ขี้เกียจหรือไม่ค่อยมีเวลาแต่งอะไรเยอะเท่าไหร่ และก็จริงๆ ทาแล้วนางจะมีความแมตต์นิดหน่อยนะคะ แน่นอนคือไม่ฉ่ำ แต่ก็ไม่ได้แมตต์เว่อร์ หรือแมตต์แห้ง ยังคงมีความเล่นแสงที่ผิว ผ่านไปซักพักผิวจะมีความโกลว์สวยขึ้นค่ะ
.
และก็นี้นั่งทำงาน(วันที่อยากแต่งหน้าบ้าง)คือ ใช้เครื่องสำอางแค่ 4 ชิ้น (คุชชั่น Bisous Bisous,ลิป Fiit #03, ที่เขียนคิ้ว Innisfree, มาสคาร่า Heroine) ก็มีชีวิตอยู่รอดแล้วแม่จ๋า ตามรูปอาฟเตอร์เลยแต่งออกมาไม่ได้ดูเยอะ แต่ก็ไม่โทรมเท่าก่อนแต่ง
หน้าของคนยังไม่ได้นอนมา 2 วันก็จะประมาณนี้จ้ะแม่ ขอซูมให้เห็นกันชัดๆ ว่าทำได้ระดับนี้
แอบรู้สึกว่าช่วยพรางรูขุมขนและทำให้รอยขีดที่เริ่มโผล่ขึ้นมาใต้ตาดูดีขึ้น
ซูมออกมานิดนุง แต่ก็พยายามถ่ายให้เห็นงานผิวใกล้ๆ แบบชัดๆ งับ
ลองยิงแฟลชให้ดู สำหรับเราคือผ่านเลย หน้าไม่เทา ไม่ลอย งามมากฮือออ ส่วนเรื่องการติดทนขอสารภาพบาปว่า ยังไม่ได้ทดสอบจริงจังถึงขั้นออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เพราะนานมากถึงจะออกจากบ้าน แต่ที่ลองใช้แบบไม่ทาแป้งทับ+นั่งทำงานไม่เปิดแอร์ เหงื่อออกบ้าง นางก็ยังคงอยู่ แต่เอาจริงๆ เราแนะนำให้เซ็ตด้วยแป้งทับอีก 1 ชั้นเบาๆ นะคะ เหมือนบางทีเราเผลอเอามือไปสัมผัสกับหน้านางก็แอบติดมือมาด้วย (น่าจะตามธรรมชาติของรองพื้นทั่วไปนะคะ) ส่วนเรื่องดรอปมั้ย เราใช้แล้วไม่ดรอปค่ะ ออกแนวค่อยๆ กลืนตามผิวมากกว่า แต่ก็ยังคงผ่องอยู่นะคะ
.
โดยรวมถือว่าเป็นคุชชั่นอีกตัวที่ลองใช้แล้วค่อนข้างประทับใจจริงๆ น้าแง ถ้ามีโอกาสอยากให้ไปลองปาดเนื้อด้วยตัวเองดู แต่ถ้าไม่สะดวกก็ลองสอยหรือเก็บลิสต์ไว้ในใจก็ได้เด้อ ยังไงก็ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า สวัสดีค่ะ รักรักรัก <3
ขอบคุณค่ะ