จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงพอดีได้รับโอกาสเป็นกลุ่มแรกที่ได้ทดลองรองพื้นและคอนซีลเลอร์สูตรใหม่จาก Clinique
ซึ่งทาง Cosmenet.in.th จัดกิจกรรมขึ้น
ซึ่งเราก็เลือกรองพื้นเป็นเฉดสีใหม่ ตามที่เราอยากจะได้มานาน
(คืออยากให้หน้าสว่างขึ้นมาอีกระดับเฉดสีนึง) เลยเลือกเป็น เฉดสี 64 Cream Beige
ดังนั้นคอลซีลเลอร์เราจึงได้มาเป็นเฉดสีเดียวกันนาจา
เอาล่ะ! ทีนี้มาเริ่มรีวิวกันตั้งแต่ Packaging Design กันก่อนเลย
ตัวนี้น้องจะมาในรูปแบบแท่งแก้วจิ้มจุ่ม โดยมีก้าน Applicator ที่ปลายเป็นหัวปาดเฉียง
ทำให้ใช้งานง่าย เวลาที่แต้มจุดบกพร่องบนใบหน้า
ส่วนฝาน้องนั้นจะเป็นสีขาวสะอาดตา เรียบหรู ดูคุณหนูสุดๆ
แล้วมาพร้อมกับฝาที่มีการออกแบบที่แตกต่างจากคอลซีลเลอร์ที่เคยเห็นทั่วๆ ไป คือ
น้องจะมีหัวมนๆ กลมๆ น่ารัก ให้ความรู้สึกอ่อนโยน แล้วก็ดูเป็นมิตรมากเลย
แต่ยัง...ยังไม่พอ งาน Design ยังไม่จบ น้องมีความพิเศษมากไปกว่านั้น
คือตัวน้องนั้นแอบซ่อน ฟองน้ำ Blurring Blender อยู่ที่ปลายสุดของตัวฝาด้วยนะ
ที่ออกแบบมาให้ใช้เกลี่ยทุกจุดต่างๆ บนใบหน้าง่ายมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาพกน้องไปข้างนอกอ่ะนะ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ตัวอื่นเพิ่ม
แต่ส่วนตัวเราอาจจะไม่ค่อยถนัด ชอบใช้แปรงเกลี่ยมากกว่า
(แอบเล่าเรื่องตลกนิดนึง คืออยากบอกว่าเขาออกแบบมาได้มีความเรียบ เนียบ กริบ
สมกับเป็นคอลซีลเลอร์เลยนะ
คือรอยต่อเนียนมากจนเราหา ฟองน้ำ Blurring Blender ไม่เจอในตอนแรก 55555 )
แล้วก็นะ ฝาของน้องยังมีการปั๊มโลโก้ของแบรนด์เอาไว้อีกด้วย ดูสวยงามมากๆ
โดยรวมทั้งหมดนี้เรื่อง Packaging Design นี่ให้เต็ม 10 ไม่หักกันเลยทีเดียว ถูกใจมาก
ทีนี้มาว่ากันเรื่องประสิทธิภาพกันบ้าง
คือน้องจะเป็นคอนซีลเลอร์เนื้อครีมเจล พอแต้มแล้วมันจะหนืดๆ แต่เกลี่ยง่าย
(เคยทาทั้งหน้า คือแบบเหมือนมีเกราะอะไรสักอย่างอยู่บนใบหน้า แต่ไม่หนักหน้านะ
บางเบาอย่างน่าประหลาด)
แล้วน้องก็ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ดังนั้นใช้แล้วก็ไม่เป็นสิวอุดตันเนอะ
ส่วนการปกปิดนั้นด้วยความที่น้องมีส่วนประกอบอย่าง Optical Diffusers ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น รวมถึงปกปิดจุดด่างดำ และรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ดี เรียบ เนียนกริ๊บทันทีที่ใช้เลยล่ะ เป็นที่น่าพอใจมาก
แต่การปกปิดที่ดีนั้น เราทดลองใช้ก่อนลงรองพื้น แล้วก็ทับด้วยรองพื้น อันนี้คือไม่รอด
น้องปกปิดได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะรอยคล้ำรอบดวงตานี่เห็นชัดเป็นน้องหมีแพนด้ากันเลยทีเดียว T^T
แต่ถ้าใช้น้องทาทับรองพื้นล่ะก็ น้องเอาอยู่หมัด! เรียบเนียนจัดๆ
ให้ Finished Look ที่ผิวสวยดูเป็นธรรมชาติมาก
และน้องก็ยังมีส่วนประกอบของ Vitamin C และ Caffeine
ที่ช่วยปรับผิวให้ดูสว่าง กระจ่างสดใสขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
แถมปกปิดได้ดีอีก เราเคยใช้แบบเดี่ยวๆ (ตามที่แบรนด์เขาเคลมไว้ว่า สามารถใช้ทาเดี่ยวๆ ได้)
ซึ่งผลคือ ปลื้มมาก ปลื้มในความที่น้องให้ Look แบบฉ่ำโกลว์ ชุ่มชื้น หน้าไม่แห้ง
แล้วก็สว่าง กระจ่าง ออร่าพุ่งปรี๊ดกันเลยทีเดียว
(จนแอบตกใจนี่ใช่หน้าเราไหมเนี้ย 555 ผ่องผุดพรรณเกิ๊น เลยไม่กล้าใช้เดี่ยวๆ ออกไปข้างนอกจริงๆ)
ซึ่งต้องใช้คู่กับรองพื้น Clinique Even Better Clinical™ Serum Foundation SPF 20 PA หรืออาจจะใช้แป้งฝุ่น ถึงจะทำให้ผิวดู Balance มากขึ้น สวยแบบ Perfect เลยล่ะ ดูไม่หลอกจนเกินไป
และประสิทธิภาพของน้องยังไม่หมดน้าาา
น้องยังมีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid ที่ช่วยทำให้เส้นริ้วๆ ที่แห้งอย่างพวกใต้ดวงตา
และร่องแก้ม ดูเรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้น โดยน้องไม่ตกร่องด้วยล่ะ
แล้วนะ...น้องก็ยังติดทนทาน นานมั่ก สีไม่เปลี่ยนอีกต่างหาก แม้ว่าจะผ่านไปถึง 8 ชั่วโมง
จะมีก็แค่ความมันที่เพิ่มขึ้นมาบริเวณ T-Zone เท่านั้นตามประสาผิวผสมแบบเรา
ก็สรุปเลยแล้วกันเนอะ
เรื่องความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับราคา
ตัวนี้ที่ได้มาจะเป็น ขนาด 6 ml. มูลค่า 900 บาท ก็รู้สึกว่าคุ้มกับราคามากกก
แต่จะมากขึ้นไปอีกถ้าได้ปริมาณเท่ากับขวดรองพื้นได้ม๊ะ 555
คือเพราะว่าน้องมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมากอ่ะนะ จนอยากจะใช้เดี่ยวๆ เป็นรองพื้นไปเลยอ่ะ
แบบว่ามันดีงามมากจริงๆ คะแนนเต็ม 5 คะแนน อยากจะให้คะแนนเต็มนะ แต่แอบ ขอหัก 1 คะแนนแล้วกัน โทษฐานออกแบบได้เนียนจนทำให้เราหา ฟองน้ำ Blurring Blender ไม่เจอ อิอิ ^^