จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงซึ่งคราวนี้ก็ถึงคิวของ Chanel Vitalumiere Compact Douceur Lightweight Compact Makeup Radiance Softness And Comfort SPF 10 แล้ววว
ช่วงหลังมานี้บีใช้เมคอัพของ Chanel หลายตัวมาก โดยเฉพาะลิปสติก แต่นี่เป็นครั้งแรกของบีเลยที่ใช้แป้งของชาแนลแบบจริงๆ จังๆ เลยค่ะ ขอย้อนไปก่อนว่าหลายปีที่แล้ว สมัยที่ยังทำงานออฟฟิศอยู่ บีจำได้ว่าเห็นเพื่อนร่วมงานคนนึงดูผิวดี ฉ่ำ สวยธรรมชาติมาก ก็เลยถามเค้าว่าใช้รองพื้นอะไรผิวดูสวยมากกก เพื่อนก็บอกว่าไม่ได้ใช้รองพื้นแต่ใช้แป้งตัวนี้ (แล้วก็หยิบแป้งชาแนลมาให้ดู) บีเห็นปุ้บ ก็อยากได้ปั้บ เลยพุ่งตัวไปที่ช็อปในวันนั้นเลย แต่ปรากฏว่าวันนั้นของหมด! ก็เลยอดใช้เงินไป และบีก็ลืมแป้งตัวนี้ไปเลย
แต่ล่าสุดแป้งพัฟติดกระเป๋าที่บีใช้ประจำ น้องหมดค่ะ หมดแบบ hit pan เลย และน้องเค้าเป็นแบรนด์ไทย ไม่มีขายที่ฮ่องกงอีก นอกจากบีสั่งมาแล้วส่ง DHL มา แต่พอบวกลบคูณหารก็รู้สึกว่าราคาจะแรงเกินจำเป็น เลยตัดสินใจว่างั้นหาแป้งที่ฮ่องกงนี่แหละ ง่ายกว่า ก็เลยย้อนกลับมาว่างั้นเราลองแป้งของชาแนลที่เคยอยากได้ดีกว่า แถมที่อ่านรีวิวมาก็เหมาะกับคนผิวแห้งด้วย เพราะจะไม่ทำให้ผิวแห้งตกร่องระหว่างวัน บีเลยสนใจมาก
และสุดท้ายก็ได้น้องมา ถ้าจำไม่ผิดตีเงินไทยคร่าวๆ จะราคาประมาณ 2,200 บาทค่ะ แต่ถ้าในช็อปไทยน่าจะประมาณ 2,500 บาท ซึ่งก็ราคาแรงพอสมควรถ้าเทียบกับแป้งพัฟแบรนด์อื่น
และจากการลองใช้มา 2 อาทิตย์เต็มๆ เดี๋ยวบีจะสรุปคร่าวๆ เลยนะคะ ว่าแป้งตัวนี้ดีหรือไม่ดียังไงบ้าง
น้องเค้าจะมาในหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ ตลับสีดำ และมาพร้อมกับถุงใส่สีดำ แปรง พัฟ
บีชอบที่มาทั้งแปรงและพัฟมาก อำนวยความสะดวกต่อการใช้ดีค่ะ และเวลาออกไปข้างนอก ถ้าเราพกไปใช้ ทำให้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้แบบไหนในส่วนไหนของใบหน้า และอยากได้ลุคส์แบบไหนค่ะ
สีที่ซื้อมาคือ 12 Beige Rose สีจะเท่ากับผิวหน้าบี แต่ออกเป็นโทนชมพูค่ะ จริงๆ บีอยากได้โทนเหลือง แต่ไม่มีเบอร์ที่เท่ากับผิวบี ส่วนใหญ่จะเข้มกว่าพอสมควร
บีลองลงครึ่งหน้าค่ะ ตอนแรกบีจะลงเพรียวๆ ไม่ลงคอนซีลเลอร์เลย แต่พอลองลงไปแล้ว มันปกปิดอะไรแทบไม่ได้เลย มองด้วยตาเปล่าอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ถ้าถ่ายภาพออกมา มันเหมือนกันจริงๆ ค่ะ บีเลยลองเอาคอลซิลเลอร์ลงไปบางๆ ก่อนค่ะ
- จะเห็นว่าเค้าทำให้ผิวดูเนียนและผ่องขึ้นมากกว่าที่จะเป็นการปกปิดค่ะ ซึ่งถ้าเราผิวดีอยู่แล้ว มันก็จะทำให้เราดูสุขภาพผิวดีขึ้นแบบธรรมชาติๆ ค่ะ
- เนื้อแป้งทาติดผิวยากค่ะ บีรู้สึกว่าเนื้อเค้ามีความเป็นฝุ่นเบาๆ นิดนึง แนะนำว่าอย่างน้อยต้องลงรองพื้น หรือคอนซิลเลอร์ไปก่อนจะทำให้แป้งติดผิวมากขึ้น และทำให้เกลี่ยง่ายมากขึ้นด้วยค่ะ
- บีชอบที่ไม่เป็นคราบเลยด้วย ไม่ว่าจะทาด้วยแปรงหรือพัฟหน้าก็ไม่เป็นคราบเลยค่ะ
มาดูกันดีกว่า ว่าหลังแต่งหน้าเสร็จให้ลุคส์ยังไง
ผิวดูสวยเบา ไม่เหมือนเราลงรองพื้นหนาๆ ค่ะ แต่จะไม่ได้เนียนกริบเหมือนลงรองพื้นค่ะ จะเป็นงานผิวธรรมชาติมากกว่า
หลังผ่านไป 4 ชั่วโมงค่ะ
คุมมันได้น้อยมากเลย แต่ข้อดีคือหน้าดูผ่องค่ะ ถึงหน้าจะดูมัน ก็ดูมันแบบสวย ผิวผ่องสุขภาพดีค่ะ อธิบายไม่ถูก แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าถึงจะไม่ได้ให้ผิวที่ดูสวยเนียนกริบ กลบร่องรอยอารยธรรมได้มิด แต่ก็ให้ลุคส์ผิวสวยอีกแบบหนึ่งค่ะ ส่วนเรื่องความติดทน บีว่าทำได้ดีเลยนะคะ 4 ชั่วโมงแป้งแทบไม่หลุดเลยค่ะ
สรุปเลยนะคะ
- เหมาะกับคนผิวแห้ง - แห้งมาก และอาจไม่เหมาะกับคนผิวผสมค่ะ เพราะแป้งไม่คุมมันเลย แต่ถ้าคนผิวแห้งแบบบี ชอบค่ะ หน้าไม่แห้งผาก แป้งไม่ตกร่อง ผิวไม่ทะเลทรายเลย
- ระหว่างวันหน้าจะมัน แต่มันจะมันแบบเนียนผ่องค่ะ ไม่ใช่มันแบบเยิ้ม ซึ่งถ้าใครชอบผิวฉ่ำจะถูกใจมากค่ะ
- ปกปิดได้น้อยมากกก ถ้าคิดว่าจะใช้แป้งตัวนี้แทนรองพื้นไปเลยในวันรีบๆ บีว่าไม่รอดค่ะ ยังไงก็ต้องมีตัวช่วยพวกคอลซีลเลอร์หรืออะไรก็ว่าไป แต่ถ้าจะทาน้องเดี่ยวๆ บีว่ารอดยากมากค่ะ น้องจากคนที่เป็นลูกรักพระเจ้า มีผิวดีๆ จริงๆ
คุ้มค่าแก่การซื้อมั้ย
ถ้าเอาเรื่องราคามาตัดสิน บีก็ยังรู้สึกว่าแป้งไม่ได้ดีเด่นควรซื้อขนาดนั้น เพราะไม่ได้ทำให้ผิวเราสวยขึ้นเลย นอกจากคนที่ผิวดีจริงๆ แต่ถ้าไม่พูดเรื่องราคาก็ถือว่าถูไถได้ค่ะ ใช้ได้ในวันที่ชิลๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน เน้นบางๆ เบาๆ สบายผิว เหงื่อออก หน้ามัน แต่ผิวยังฉ่ำสวยค่ะ
วันนี้ก็หวังว่าสาวๆ จะได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ (สำหรับคนที่อยากสอย) ไปบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนวันนี้บีขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ บ๊ายๆ ค่ะ