จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงวันนี้เรามาในเรื่องของงานผิว
ใครเป็นเหมือนเราบ้าง ที่ผิวเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ
บางช่วงผิวแห้ง บางช่วงผิวมัน ซึ่งบางทีเมคอัพหรือสกินแคร์ที่เราเคยใช้
บางทีก็ไม่ตอบโจทย์ผิวเราในช่วงนั้นเฉยเลย
วันนี้เราเลยอยากมาเทียบช็อตต่อช็อต
กับคุชชั่นที่เราใช้ประจำ ซึ่งก็มีทั้ง 2 รุ่นที่เราสลับใช้ไปมา
คิดว่าใครๆก็ต้องรู้จักแบรนด์นี้ เพราะ เมคอัพของแบรนด์นี้
ส่วนใหญ่แล้วจะติดโทนเหลืองสไตล์สาวเอเชียแบบเราๆ
บอกตามตรงเลยว่าพอได้ลองแล้วก็ยกให้เป็นนัมเบอร์วัน
เพราะ หน้าไม่เทาเลยจ้าแม่ เอาล่ะ เกริ่นมาเยอะแล้ว
มาเริ่มกันเลย
Essential Skin Nuder Long Wear Cushion
คุชชั่นสำหรับผิวผสม-ผิวมัน จะมีความเนื้อกำมะหยี่
ไม่แมตและไม่วาวจนเกินไป แนว Velvet matte
ซึ่งปกติแล้วโทนผิวเราออกแนวขาวเหลือง เราใช้สี #Mediem
จะเป็นโทนเดียวกับผิวเราเลย แต่ล่าสุดเรามีไปอาบแดดมาผิวเข้มขึ้นนิดหน่อย
แต่พอใช้โทนนี้ก็ยังถือว่า ยังเข้ากับสีผิว ไม่ลอย
มาด้วยตัวพัฟรูปแบบกลมๆ
จิกสีตัวคุชชั่นได้ดี และนุ่มนิ่มไม่บาดหน้า
เกลี่ยบนผิวได้ง่าย ไม่เป็นคราบ
สำหรับเราแล้วตัวนี้ให้การปกปิดแบบ Medium Coverage
ให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะดี ส่วนไหนที่อยากปกปิดมาขึ้น
สามารถใช้คอลซีลเลอร์ช่วยได้ แต่งานผิว คือ มีความผ่องเป็นธรรมชาติ
ไม่หนาโบ๊ะ แต่เน้นแนวงานผิว ดูสุขภาพดีมากกว่า
ส่วนตัวเราชอบนะ ใช้ได้กับ Everyday look จะเหมาะมากๆ
หรือจะใช้กับออกงานก็อาจจะต้องมีบิ้วพวกรอยดำเพิ่มนิดหน่อย
แต่สำหรับเราแล้ว น้องทำออกมาได้ดีเลยเป็นงานผิวธรรมชาติ
พวกรูขุมขนเบลอหาย มีความแมตต์ แต่ไม่เยอะเกินคนผิวแห้งเป็นคราบ
ไม่หนา ไม่โป๊ะ ซึ่งก็เหมาะกับเทรนด์ช่วงนี้พอดีด้วย
ทั้งยังสบายผิว ไม่เหนอะหนะอีกด้วย อาจจะมีหน้ามันบ้างระหว่างวัน
แต่สามารถทัชอัพ ด้วยทิชชู่ ผิวก็กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว
มาต่อที่ตัวต่อไปกันเลย
JSM Masterclass Radiant Cushion
คุชชั่นเนื้อฉ่ำโกลว์แบบสาวเกาหลี ใช้แล้วผิวปังมากก
มีความผิวฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดีฝุดๆ ใครๆที่กำลังมองหาคุชชั่น
แนว Glas Skin ตัวนี้ตอบโจทย์มากๆ
เราใช้สี #Y4 Sand ความรู้สึกส่วนตัว
เรารู้สึกว่าเข้ากับผิวของเราตอนนี้ได้พอดีเป๊ะเลย
ไม่ต้องเฉดผิวเพิ่ม แต่ถ้าเทียบแล้วจะมีความเข้มกว่าตัว Skin Nuder
เนื้อเกลี่ยง่าย เนียนกลืนกับผิวเลย
ตัวพัฟเป็นมุมสามเหลี่ยม สามารถเกลี่ยช่วงซอกจมูก
และบริเวณซอกมุมที่ใบหน้าได้ง่าย ส่วนตัวแล้วเราคิดว่า
ตัวนี้เน้นความปกปิดมากกว่าตัว Skin Nuder นะ
สังเกตจากพวกรอยกระ และจุดด่างดำต่างๆ หายกริบเลย
วิธีใช้ที่แบรนด์แนะนำ คือ แท้ป 1 ทีและเกลี่ยทั่วใบหน้า
บอกเลยว่า ให้ลุค Glass Skin ผิวเนียนฉ่ำวาวมาก รูขุมขนเบลอ
พวกรอยดำรอยแดงเล็กๆ คือ เก็บได้หมดเลย
ถ้าส่วนไหนที่อยากเน้นปกปิดสามารถ เติมเพิ่มได้เลย
สำหรับเราคิดว่าตัวนี้เหมาะกับวันธรรมดา สบายๆที่ไม่ต้องออกแดดมาก
เพราะตัวนี้มีความฉ่ำ สำหรับใครที่อยู่ห้องแอร์ทั้งวันก็ไม่ต้องห่วงเลย
แต่ส่วนตัวเราถ้าหน้าวาวมากเกิน จะทัชอัพด้วยแป้งของ
JSM Jung Saem Mool Skin Nuder Pact #Satinnude
นอกจากจะช่วยลดความมันยังช่วยให้ผิวดูโกลว์เป็นธรรมชาติอีกด้วย
เทียบสีแต่ละรุ่น
ถ้ามองด้วยตาเปล่าแทบแยกกันไม่ออกเลยค่ะว่าแตกต่างกันยังไง
แต่พอมาเทียบกับผิวหน้ารู้สึกได้เลยว่าสีแทบไม่ต่างกันเลย
สำหรับเรา ทั้งสองรุ่นสีเหมาะค่อนข้างเหมาะกับสาวเอเชีย
เพราะสีติดโทนเหลือง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวในแต่ละช่วงมากกว่า
ช่วงไหนผิวมันแนะนำให้ใช้ตัว Skin nuder แต่ถ้าช่วงไหน
รู้สึกผิวแห้งให้ใช้ตัว Masterclass แต่ทั้ง 2 ตัว การันทีเลย
ไม่ตกร่องแน่นอน เราให้คะแนน 10/10 นะ ต้องตำ
แนะนำให้ไปเทสสีคุชชั่นที่ชัอปก่อนน้า
ตำได้เลยที่ JSM ทุกสาขา
สำหรับวันนี้เราขอตัวลาไปก่อน
บ๊ายบายยย