รีวิวโลชัน 6 ตัวบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม กระจ่างใส น่าสัมผัส
โลชันเป็นอะไรที่เลือกยากมากในชีวิตประจำวันของเรา
มีหลายยี่ห้อหลายสูตรหลายขนาดแล้วแต่ละสูตรก็ต้องเลือกให้เข้ากับสภาพผิวของตัวเองอีก
แล้วสภาพผิวของเรานี้ก็ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาใจไม่ถูก ไหนจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศอีก
โอ้ชีวิตแม่หญิงกรุงศรีนี้วุ่นวายกับเจ้าโลชั่นเหลือเกิน งั้นเรามาเลือกโลชั่นที่เหมาะกับสภาพผิวเรากัน
แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า เรามีโลชั่นที่จะรีวิวด้วยกันถึง 6 ตัว โอ้วแม่เจ้าเยอะอะไรเบอร์นั้น
แต่เราก็ไม่ได้ทามันทั้งหมดทีเดียวนะ เราเลือกทาตามโอกาสของผิวเรา ว่าแต่จะเนยังไงตัวไหนโดนใจอะไรบ้างเรามาดูกันดีกว่า
1.Vaselineวาสลีน เฮลธี้
ไวท์ เออร์เบิน ดีเฟนซ์ เอสพีเอฟ30พีเอ +++ เซรั่ม
ช่วยปกป้องผิวดูกระจ่างใส จากแสงแดด
และ มลภาวะ สูตรปกป้องมลภาวะครั้งแรกจากวาสลีน UVB ช่วยปกป้องผิวคล้ำเสีย / UVA ช่วยปกป้องการเกิดริ้วรอย
มันดีตรงที่มี SPF 30 PA+++ และเราไม่ได้แค่กันแดดอย่างเดียวแต่เรายังสามารถป้องกันมละภาวะจากฝุ่นลมได้อีกด้วย
ซึ่งพวกมลภาวะเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิวของเราคล่ำเสีย ดังนั้นตัวนี้เหมาะมากๆ
กับคนที่ต้องเจอมลภาวะช่วงเวลาเช้ากับกลางวันที่เราต้องออกเดินทางบ่อยๆ
กลิ่น เป็นกลิ่นของโลชันวาสลีนที่เราได้กลิ่นคล้ายทุกตัวที่ผ่านมาของวาสลีน
วาสลีนนี้เขามีกลิ่นเฉพาะตัวของเขาจริงๆ กลิ่นจะเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ
พอเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกลิ่นก็หายไปแล้ว
เนื้อครีม เป็นเนื้อโลชันเซรัมสีขาวซึมเข้าผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเนอะ
ความรู้สึกหลังใช้ ทาตัวนี้เดียวๆ
พอโดนแอร์ในห้องเรียนผิวก็แห้งเหมือนเดิมเหมือนไม่ได้ทาอะไร ไม่ค่อยกันแดดมาก
เหมาะกับการทาช่วงไหน
ช่วงเช้าและกลางวัน ต้องทาซ้ำๆ ทุก 2 ชม.เพื่อให้มันกันแดดอย่างมีประสิทธิภาพ
ปริมาณ / ราคา ขนาด180 ml ราคา 179 บาท
2.NIVEA Extra White Repair &
Protect SPF30 PA++
ทางแบรนด์เขาเคลมว่าDeep White Essence ไวท์เทนนิ่งสกัดอนุภาคเล็กเข้มข้นด้วยวิตามินซีสูง
50เท่าฟื้นบำรุงผิวคล้ำเสียสะสมได้ลึกถึงเซลล์ผิว
SPF30 เห็นเขาเคลมอย่างงั้นไม่รอช้าซื้อมาเลยจ้าในราคา
179 บาทที่ร้านแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้ ณ
ตอนนั้นคิดว่าตัวเองได้ของที่ถูกและคุ้มที่สุดแล้วแต่พอเดินมาเรื่อยๆ
จนเจอร้านวัตสัน 179 บาท ชิ้นที่ 2 ราคา 1 บาท ลมแทบจับเสียดายเวอร์
แต่ก็ช่างมันเถอะ55555( ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่ ) มาเข้าเรื่องกันดีกว่าเขาเคลมแรงขนาดนี้เราใช้แล้วเป็นอย่างไรมาดูกันน
กลิ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ เปรี้ยวๆ
เหมือนวิตามินซี แต่ก็หอมดีนะ กลิ่นติดไม่ทนนานไม่กี่ชม. กลิ่นก็หายไปแล้ว
หายไปในอากาศ ปล่อยไปกับสายลม ถุ้ยย ไม่ใช่
เนื้อครีม สีขาวบางเบา ซึมเข้าผิวเร็ว เหนียวหน่อยๆ
ความรู้สึกหลังใช้ ทาแล้วผิวเบาสบาย ชุ่มชื่นจริงอะไจริง
ทำไมใช้แล้วไม่คิดว่ามันกันแดดให้ รู้สึกไม่ได้กันแดดเท่าไหร่ถึงจะมีSPF30 PA++ ก็ตาม
เหมาะกับการทาช่วงไหน เหมาะกับทาเมื่ออยู่ในห้องแอร์เพราะมันให้ความชุ่มชื่นกับผิว
กันแดดแค่แสงในห้องแอร์ห้องทำงานถ้าไปลุยแดดจริงๆ ตัวนี้ไม่เหมาะ
เพราะมันไม่ได้กันแดดขนาดนั้น แถมจะเหนียวผิวเกินไปด้วย
ปริมาณ / ราคา ขนาด 350ml / ราคา 179 บาท
3.จอห์นสันเบบี้ โลชั่น มิลค์+ไรซ์
ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นโลชั่นบำรุงผิวสูตรอ่อนละมุน
จริงๆ มันเป็นโลชันเด็ก แต่นี้แม่ซื้อให้ใช้ก็ใช้ตามที่แม่สั่ง55555
คุณประโยชน์ที่ทางแบรนด์เคลมอยู่ตลอดๆ คือ ถ้าขึ้นว่าโลชั่นจอห์นสัน
มันจะทำให้ผิวเราเนียนนุ่มชุ่มชื่น ทาแต่ละครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นเกราะกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิว
ทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุย นอกจากจะทาผิวเด็กได้แล้วยังทาผิวผู้ใหญ่อย่างเราๆ
ได้อีกด้วย ทาได้ยันผิวผู้เฒ่าผู้แก่บอกเลยยย
กลิ่น หอมอ่อนๆ แบบกลิ่นเด็ก
โอ้ยฟินกับกลิ่นนี้กลิ่นไม่แรงไม่ฉุด กลิ่นแบบมิลค์+ไรซ์ ที่แท้ทรูจริงๆ ทาตอนนอนตื่นมากลิ่นยังอยู่
ทาออกไปข้างนอกกลิ่นหายเหมือนเดิม
เนื้อครีม เป็นสีขาวขุ่น
บางเบามาก ไม่หนักผิว ทาแล้วฟิน หลับสบาย
ความรู้สึกหลังใช้ ผิวนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใช้ครั้งแรกผิวก็นุ่มเลย ยิ่งใช้ก็ยิ่งนุ่มน่าสัมผัส
เนื้อครีมไม่หนักผิว
เบาสบายผิวมากยิ่งทาตอนนอนนี้ยิ่งหลับสบายเพราะมันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของ มิลค์+ไรซ์ ฟินอ้ะ พูดเลย
เหมาะกับการทาช่วงไหน ช่วงกลางก่อนนอนคือ
หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้วเช็ดผิวให้หมาดๆ ทาตัวนี้แล้วซึมเข้าผิวดีมาก ไม่แนะนำให้ทากลางวันลุยแดดเพราะมันไม่กันแดด
ปริมาณ / ราคาขนาด 200 ml / ราคา 99 บาท
4.babi mild natural’n mild Ultra Mild
มาต่อกันที่ตัวbabi mild natural’n mildUltra Mild ขึ้นชื่อว่าเบบี้มายมีผลิตภัณฑ์หลายตัวของเขาที่ดีงๆ เลยก็จะมี แป้ง สบู่
แล้วตัวนี้เราเห็นว่าแปลกจึงไปสอยของแม่มาลองใช้เล่นๆ
เพราะโดยส่วนตัวชอบกลิ่นของเบบี้มาย เราใช้แล้วเฉยๆ
มันไม่ค่อยได้ทำให้ผิวนุ่มเหมือนโลชั่นจอห์นสัน
แต่เราชอบกลิ่นไงเลยทาสลับกับตัวโลชั่นจอห์นสัน
กลิ่น หอมกลิ่นซากุระมากๆ กลิ่นออกเปรี้ยวนิดๆ
เนื้อครีม เนื้อโลชั่นสีขาว เนื้อโลชั่นมันซึมเข้าผิวเร็วแต่เนื้อมันหนืดๆ
หน่อยๆ แต่ไม่หนักผิวนะ
ความรู้สึกหลังใช้ เริ่มตั้งแต่บีบแอบบีบยากต้องเขย่ามันก่อนบีบ เหมือนบีบมายองเนส
ทาแล้วไม่ชุ่มชื่นมากนะ
ปล่อยซักพักในห้องแอร์ผิวก็แห้งเหมือนเดิมต้องทาซ้ำมันถึงจะชุ่มชื้นให้
หรือถ้าใครชอบกลิ่นหอมซากุระก็ซื้อมาเป็นโลชันน้ำหอมได้นะ มันหอมแบบกลิ่นเด็กๆ
เหมาะกับการทาช่วงไหน ทำงานในห้องแอร์
ต้องทาซ้ำเพราะมันไม่ค่อยเก็บความชุ่มชื่นเท่าไหร่ คนที่ผิวแห้งมากต้องทาซ้ำจริงๆ
แนะนำ หรือช่วงกลางคืนทาก่อนนอนก็ได้ ไม่แนะนำให้ทากลางวันลุยแดดเพราะมันไม่กันแดด
ปริมาณ / ราคา ขนาด 180ml / ราคา 93 บาท
5.เภสัชเอ็กซ์ตร้าไวทเทนนิ่งโลชัน
หรือที่เรียกกันว่าเภสัชสีเขียวโดยสาเหตุที่เราซื้อมานั้นเพราะได้เห็นชื่อเสียงอันล่ำลือของโลชันเภสัชสีเขียวในโลกโซเชียลของเรานั้นเอง
ซึ่งปกติเราเป็นคนที่ใช้เภสัชเกือบทุกสูตรแล้วนะ ใช้แล้วรู้สึกขนยาวขึ้นจริง
เราใช้หมดไปประมาณ 2 ขวดต่อ1 สูตร ถึงจะเห็นว่าผิวเรากระจ่างใสขึ้น
ตัวนี้เขาเคลมข้างขวดว่าช่วยปกป้องแสงแดดด้วย
แต่พอเราทาแล้วนั้นเป็นยังไงกันเรามาดูรีวิวกัน ว่ามันจะดีจริงสมคำล่ำลือไหม
กลิ่น หอมอ่อนๆ
โดยส่วนตัวชอบกลิ่นตัวนี้ในบรรดากลิ่นของโลชั่นเภสัชทุกตัววว
เนื้อครีม สีขาว บางเบา ใช้เนื้อโลชั่นนิดเดียวก็กระจายเนื้อครีมได้ทั่วบริเวณที่ทาแล้ว
แอบซึมยากนิดหนึ่งต้องรอมันเซตตัว
ความรู้สึกหลังใช้ ทาไปช่วงเช้ามันก็ชุ่มชื่นดีอยู่นะ
แต่พอเวลาผ่านไปจนถึงบ่ายแล้วผิวก็เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย กลับมาแห้งเหมือนเดิม
ต้องทาซ้ำเวลาอยู่ในห้องแอร์ ช่วยเรื่องความกระจ่างใสอยู่นะตัวนี้ แต่ไม่ถึงกับบำรุงผิวให้ขาวเลย
โดยรวมก็โอเคดีนะถือว่าถูกและดีอยู่ ปล.โลชั่นทุกตัวขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย
เราเป็นคนดื่มน้ำน้อย ผิวเลยไม่ค่อยชุ่มชื่นด้วยละ เพราะฉะนั้นเราแนะนำให้ดื่มน้ำบ่อยๆ
ไม่ว่าจะเราหรือใครก็ตามผิวจะได้ชุ่มชื่นนะจ้ะ
เหมาะกับการทาช่วงไหน แนะนำทาช่วงก่อนนอน หรือไม่ก็ช่วงกลางวัน
วันที่อยู่บ้านไม่ตากแดดมาก
ปริมาณ / ราคา ขนาด 150ml / ราคา 49 บาท
6.ซิตร้า เนเชอรัล ไวท์ ยูวี ออร่า หรือ
ซิตร้าสูตรทานาคา
มาต่อกันที่ตัวสุดท้ายแล้วว
ตัวนี้เรียกสั้นๆ ง่ายๆ ก็ ซิตร้าสูตร ทานาคานั้นเอง
ตัวนี้เขาออกสบู่สูตรทานาคามาด้วย
เห็นเขามีสบู่ทานาคาแล้วเราก็ต้องมีโลชั่นของซิตร้าสูตรทานาคากันบ้าง เป็นคนที่คิดว่าถ้าใช้สินค้าอะไรที่ใช้คู่กันต้องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก
ที่สำคัญมันเป็นสูตรทานาคาด้วย พอขัดผิวแล้วมาทาโลชั่นสูตรทานาคาเพิ่มอีก
มันจะได้ขาวๆ ขึ้นไปอีก เป็นคนที่มโนเก่งมาก
แต่เราต้องมาดูผลกันว่าเรามโนเองไปเองจริงไหม ไม่รอช้ามาดูรีวิวกัน
กลิ่น กลิ่นหอมมากๆๆๆ แล้วกลิ่นติดทนพอสมควรนะ โดยส่วนตัว กลิ่นออกเปรี้ยวๆ
หน่อยๆ ถึงกลิ่นจะเปรี้ยวแต่โลชั่นก็ไม่ได้บูดนะจ้ะเนื้อครีม สีขาวเลย ดูไม่บางเบานะ แต่พอทาลงที่ผิว เอ่อออ มันบางซึมเข้าผิวเลย
เกลี่ยง่ายมาก
ความรู้สึกหลังใช้ต้องบอกว่ากลิ่นหอมจริงๆ พอทาแล้วรู้สึกว่ามันปรับสภาพผิวให้เราดูกระจ่างใสขึ้น
1 ระดับทำไม ทาแล้วรู้สึกขาวขึ้น นี้ก็ชอบไง เลยทาออกแดดเลย มันกันแดดด้วยนะแต่ไม่มากนะ
เรื่องความชุ่มชื่นก็พอตกเย็นผิวก็เริ่มแห้งแล้ว
เพราะโดยส่วนตัวผิวเราแห้งง่ายด้วยปกติทาเช้าถึงแค่เที่ยงผิวก็แห้งแต่ตัวนี้อยู่ยันเย็น
ความชุ่มชื่อมันดีอยู่อ่ะ คือดีย์ แต่กลิ่นมันไม่ได้อยู่ด้วยนะ คือต้องทาซ้ำทุก 2
ชม. จริงๆ มันถึงจะกันแดด+ความชุ่มชื้น+หอม นี้เห็นข้างขวดว่าบำรุงมือกับเท้าไปด้วยในตัว
ไม่รอช้าทาตั้งแต่คอจรดปลายเท้าเลย
รู้สึกว่าใช้คู่กับสบู่ทานาคาแล้วผิวกระจ่างใสขึ้นเนียนขึ้น คือฟินนน
เหมาะกับการทาช่วงไหน ทาได้เช้าเย็น ทาบำรุงเท้ามือได้ด้วย
ถ้าขัดผิวใหม่ๆ แนะนำเลยตัวนี้มันบำรุงผิวจากธรรมชาติด้วยเราชอบบ
นี้ถ้าทาออกไปข้างนอก แนะนำว่าต้องทาวันที่ไม่ตากแดดจัด หรือถ้าตากแดดมากก็ต้องทาซ้ำทุก
2 ชม.
ปริมาณ / ราคา ขนาด 150ml / ราคา 55 บาท
ผลสรุปของแต่ละตัว
เอาจริงๆ ชอบทุกตัว
แต่บางตัวมันทาได้แค่บางโอกาสเท่านั้น
และผลลัพธ์ที่ใช้แต่ละตัวมันขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ไม่ใช่ว่าคนนี้ทาแล้วขาว พอเรามาบ้างจะขาวแบบเขามันก็ไม่ใช่ จริงๆ
ถ้าอยากผิวกระจ่างใสเนียนนุ่ม มันขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองในแต่ละวันด้วย ต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ
6-8 แก้ว ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์
เราต้องบำรุงผิวให้ดีตั้งแต่ภายในควบคู่ไปกับการดูแลภายนอกการเลือกโลชั่นและทาโลชั่นเป็นสิ่งที่สำคัญและเราไม่ควรมองข้าม
ที่สำคัญควรใช้โลชั่นหรือสบู่ที่ไดด้จากธรรมชาติดีกว่าได้จากสารเคมี เพราะมันจะไม่ทิ้งสิ่งตกค้างในร่างกายของเราด้วย เทคนิคการทาโลชั่นของเราคือ
พออาบน้ำเสร็จ เราจะเช็ดตัวให้หมาดๆ และรีบทาโลชั่น
หรือออกแดดก็จะทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารกันแดดอยู่ด้วยเสมอ
และที่สำคัญถ้าอยากกันแดดได้ดีจริงๆ ต้องทาซ้ำทุก 2 ชม. เวลาออกแดดนานๆ อยากผิวสวยต้องมหมั่นทาครีมบ่อยๆ
นะจ้ะ