สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวคอสเมเนท ใครมีผิวผสมเหมือนเราบ้าง เชื่อว่าหลายคนไม่ได้มีผิวผสมมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปผิวก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นผิวผสม เป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจมาก เพราะทั้งดูแลยาก ไม่สะอาดไม่ตรงจุดผิวก็แพ้ สิวขึ้น เราลองมาหลายวิธีแล้วนะ แต่ไม่ได้ผล เลยไปปรึกษาหมอ หมอก็ให้คำปรึกษาแบบน่ารักๆ มาว่า "ผิวผสมมีหลายสาเหตุ ทั้งอากาศ มลภาวะ ความเครียด สุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ฯลฯ O_O! ลองเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้เหมากับ สภาพผิวปัจจุบันดีกว่า และควรให้ความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ"
เกร็ดการฟื้นฟูผิว
1.ผิวผสมคือสภาพผิวที่มันในช่วง T-zone และแห้งช่วงแก้ม รอบดวงตา ไม่ว่าสภาพผิวแบบไหนความชุ่มชื้นคือสิ่งสำ คัญสำหรับผิว
2.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง การแพ้ และอ่อนโยนต่อผิว
ไม่ว่าจะมีผิวผสม ผิวแห้ง ผิวมัน การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนคือสำคัญมาก!
เพราะถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไปจะไปกวนต่อมไขมันทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมานมากเกินไป
ยิ่งคนที่ชอบขัด นวดหน้า ชอบทำอะไรกับหน้าเยอะๆ นี่แหละสาเหตุของการเกิดผิวแพ้ง่าย
ผิวบาง และสภาพผิวเปลี่ยน
3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวจริง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
แต่สะอาด ใช้แล้วรู้สึกไม่ระคายเคือง ไม่คัน ไม่แห้ง ยังให้ความรู้สึกเป็นผิวอยู่
และรักษาสมดุลของผิวให้ได้มากที่สุด และไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้นมากหรือน้อยเกินไป
เพราะมีผลต่อสภาพผิวได้เช่นกัน ถ้ามากไปผิวดูดซึมไม่หมดสิวก็ขึ้น น้อยไปก็ไม่พออีก
4.พฤติกรรมอื่นๆ เลี่ยงได้เลี่ยง เช่น เลี่ยงอาหารรสจัด ของมัน เค็ม
แอลกอฮอล์ และควรดื่มน้ำให้เยอะๆ ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ (อันนี้มีสูตรในเนทนะ) ที่สำคัญวัยรุ่นจ๋าอย่าใจร้อน
ให้เวลาน้องผิวปรับสภาพนิดนึงนะ เราทำร้ายเขามาเยอะ
ให้เวลาผิวได้ฟื้นฟูตัวเองหน่อยหนา
เรามาดูไอเท็มที่เราใช้แล้วเป็นมิตรกับผิวผสมและรู้สึกว่าผิวดีขึ้นกันดีกว่า
1.Bifesta
Cleansing Lotion สูตร Acne Care จริงๆ บีเฟสต้ามีหลายสูตรรวมถึงสูตรสำหรับผิวผสม-ผิวมันด้วย
แต่ส่วนตัวเป็นคนผิวค่อนข้างแห้งและเป็นสิวเลยเลือกสูตรสำหรับคนเป็นสิว
ที่ชอบมากเลยคือ ไม่ระคายเคือง ไม่เหนอะหนะ ไม่ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น ยังรู้สึกเป็นผิวอยู่ ถ้าวันไหนแต่งหน้ามีเมคอัพกันน้ำเราจะใช้Makeup
Remover เช็ดตากับปากก่อน บางทีก็เช็ดรองพื้นออกก่อนด้วย แล้วตามด้วยคลีนซิ่งอีกที
เนื้อคลีนซิ่งเป็นน้ำใสๆ บางเบา ไม่เหนียวเหนอะ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำหอม
ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน สูตรนี้ต่างจากสูตรอื่นตรงที่ มี Anti-Bacteria
(ตัวร้ายที่ก่อให้เกิดสิวจ้า)และHyaluronate ให้ความชุ่มชื่นกับผิว (พยายามเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีHyaluronate เพราะช่วยเก็บกักความชุ่มชื่น) ไม่มีเมคอัพตกค้าง สิวอุดตันลดน้อยลง วันปกติก็ใช้ได้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเวิร์คเลยทีเดียว
ดูแลผิวเป็นสิวได้โอเคเลย สำหรับผิวผสมก็โอเคเหมือนกัน เราว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้เลย
แต่สำหรับผิวมันเราว่าสูตรสำหรับผิวมันน่าจะเหมาะกว่า
ขวดสีขาวทึบแต่ด้านในเป็นน้ำใสๆ เหมือนเดิมนะจ๊ะ
เช็ดเครื่องสำอางกันน้ำไม่ค่อยออกนะ เช็ดมาสคาร่ากันน้ำขนตามีร่วง
2. Premier Sof Foam ph 5.5เราเคยใช้โฟมตัวนี้ตอนที่เปิดตัวใหม่ๆเลย(นานมาก) ใช้แล้วรู้สึกโอเคมาก ผิวสะอาด หน้าเนียนนุ่มลื่นมาก แต่สำหรับนักเรียนเราว่าแอบแพงอยู่เลยเปลี่ยน(-.-“) แต่สุดท้ายกลับมาซบถ่านไฟเก่า
สาเหตุที่เลือกโฟมตัวนี้เพราะอยากได้โฟมที่มีค่าph เหมาะสมกับผิวหน้า เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของผิว
ที่เลือกสีฟ้าเพราะว่าสูตรนี้ช่วยเรื่องสิว ไม่มีน้ำหอม ไม่ระคายเคือง ตอนบีบเนื้อโฟมข้นมาก ออกมากองเป็นก้อนเลย บีบแค่นิดเดียว
ผสมน้ำก็ใช้ได้ทั้งหน้าแล้ว เนื้อโฟมบางเบา นุ่มละเอียด ถูวนเบาๆ ตอนล้างออกยังรู้สึกมีอะไรเคลือบหน้าอยู่นิดหน่อย ไม่เยอะ แค่พอจับแล้วลื่นนิดๆ
ทำให้หน้าไม่แห้ง ชุ่มชื่นดี ส่วนที่มันก็ชุ่มชื่นดี ไม่มีความมันตกค้าง ไม่รู้สึกว่าแห้งด้วย
ลองไล่จับผิวดูทั่วหน้ารู้สึกผิวแต่ละส่วนไม่ต่างกัน ผิวจะนุ่มๆ ลื่นๆ
หลังจากเช็ดหน้าแล้วลองเชคอีกทีคือ ผิวปกติเหมือนผิวธรรมดา
ไม่มีส่วนมันหรือแห้ง
ผิวเนียนนุ่มมาก ลดสิว ผิวไม่แห้ง ไม่ระคายเคือง
3. Aesop In Two Minds Tonerจะจบการทำความสะอาดที่สมบูรณ์ต้องจบด้วยโทนเนอร์
เอสอป อิน ทู มายด์ โทนเนอร์ อันนี้เพิ่งออกมาใหม่ แต่เกิดมาเพื่อผิวผสมที่แท้ทรู
เลยไปสอยมา(แพงนะแต่คุ้มค่าแก่การลงทุน ตอนหาหมออะเจ็บกว่านี้อีก) ตัวนี้ตอบโจทย์ผิวผสมสุดๆ และธรรมชาติมากจริงๆ ตอนแรกลองดมกลิ่นดู กลิ่นออกจะฉุนๆ
กลิ่นแบบสมุนไพรฝรั่งมากๆ แต่พอลองหยดใส่สำลีแล้วเช็ดบนหน้าคือดี
น้ำโทนเนอร์เย็นๆ สบายผิว แล้วกลิ่นสมุนไพรนี่แหละ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อโรมามาก เวลาสูดเข้าไป
รู้สึกหายใจโล่งจมูกดีชอบสุดตรงจุดนี้ สีของโทนเนอร์เป็นสีน้ำตาลแบบสมุนไพรจริงๆ ตัวน้ำเหลวและใส ตอนเช็ดรู้สึกลื่นๆดี ให้ความรู้สึกเหมือนโลชั่นสูตรน้ำกลิ่นสมุนไพรหรือถ้าใครชอบใช้ตบๆ ก็ได้นะ หลังจากเช็ดโทนเนอร์แล้วเรารู้สึกว่า ให้ความสมดุลกับผิว ผิวบริเวณที่มันก็สะอาดชุ่มชื่น ผิวที่แห้งชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ผิวเป็นธรรมชาติ ไม่ระคายเคือง/แสบผิว ไม่เหนอะ พร้อมรับการบำรุงต่อไป
ส่วนตัวชอบกลิ่นมาก กลิ่นสมุนไพรทำให้สดชื่น และให้ปรับผิวให้สมดุล
4. Aesop In Two Minds Hydratorตามมาติดๆ หลังเช็ดโทนเนอร์ต่อด้วยไฮเดรเตอร์ เราแนะนำว่าควรใช้คู่กันกับโทนเนอร์ เพราะเข้ากันได้ดีจริงๆ เนื้อแบบฟลูอิด
รู้สึกได้ว่าเข้มข้นเหมือนเซรั่มแต่บางเบามาก ชุ่มชื่นมาก เกลี่ยๆ
ไปแป๊บเดียวก็ซึมลงผิวแล้ว และให้ความแมทไม่มัน แต่ชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งให้ความรู้สึกเย็นๆ เหมือนตัวโทนเนอร์กลิ่นก็คล้ายๆ กันและสกัดจากสมุนไพรเช่นกัน คือพอทาลงไปแล้ว ไฮเดรเตอร์ทำงานเร็วมาก ตรงจุด
คือผิวชุ่มชื่นทันที ช่วยสมานผิวพวกรอยแดงๆ
หรือที่เคยแสบๆ ผิว ระคายผิวก็หายไป ผิวเนียนนุ่ม คุมมันได้หลายชั่วโมง ช่วงแก้มรอบดวงตาก็ชุ่มชื่น ผิวเด้ง แตะๆ ผิวใต้ตารู้สึกเด้งๆฟูดี
ผิวที่แก้มก็ไม่แห้งตลอดทั้งวัน ใช้กับครีมหรือเซรั่มตัวอื่นได้ดีเลย รักษาสมดุลให้ผิวได้ดี ผิวค่อยๆปรับสภาพดีขึ้น
5. Jurlique Herbal Recovery Advanced Serumตัวเซรั่มเราขอเน้นๆ
เรื่องความชุ่มชื่นและริ้วรอย ที่สำคัญต้องอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เจอร์ลีกตัวนี้ตามชื่อเลยเขาสกัดจากพืชสมุนไพรและดอกไม้หลายชนิดมาก
กลิ่นหอมเป็นกลิ่นของดอกไม้ กลิ่นกุหลาบชัดสุด หอมละมุนมาก
เดี๋ยวนี้เขานิยมใช้ดอกกุหลาบมาผลิตเป็นสกินแคร์เพราะหอมและมีประโยชน์ต่อผิวมาก อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน
ป้องกันการเกิดริ้วรอย ต่อต้านการเกิดผิวอักเสบ เนื้อเซรั่มเป็นน้ำสีขาวขุ่น
ค่อนข้างเหลว ช่วยเรื่องให้ความชุ่มชื่น
อ่อนโยนลดความระคายเคือง ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ เสริมความแข็งแรงให้กับผิว ตัวเซรั่มบางเบามาก
ซึมเร็ว แต่เนื้อเซรั่มที่เหลวทำให้เราเกลี่ยง่ายขึ้น ทำงานไว
คือพอลงปุ๊บรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้น ผิวเด้งชุ่มชื่น เรียบเนียน ตอบโจทย์เรื่องริ้วรอยและความชุ่มชื่นได้ดี
แต่เรื่องคุมมันยังไม่เห็นผลเท่าไร ใช้ได้ทุกสภาพผิว รู้สึกผิวแข็งแรงขึ้นมาก
6.Laneige Time Freeze
Firming Sleeping Mask
ต่อมาเป็น
Sleeping Mask ทาทิ้งไว้แล้วไปนอนซะ เราชอบมาส์กตอนกลางคืนเพราะไม่อยากใช้สกินแคร์ในช่วงกลางวันมากเกินไป
มาส์กตัวนี้จะช่วยให้รอยยับบนหน้าหลังตื่นนอนให้หายเร็วขึ้น(แต่คราบน้ำลายไม่หายนะจ๊ะ)
ชะลอการเกิดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ความชุ่มชื่น(เราว่าwater bankชุ่มชื่นกว่า) เนื้อมาส์กจะนุ่มๆ
เด้งๆ คล้ายๆ เจลลี่นมหรือพุดดิ้ง(ดูน่ากินมาก)
สีขาวใส กลิ่นหอมอ่อนๆ พอนวดมาส์กลงบนผิวจะแตกตัวเหลวขึ้นแล้วซึมลงผิว
ไม่เหนียวเหนอะหนะ รู้สึกเหมือนทาอิมัลชั่น
แต่มีเนื้อมาส์กบางส่วนเคลือบผิวอยู่บางๆ ชุ่มชื่นดี ถ้าผิวแห้งมาก
ส่วนที่เคลือบอยู่จะซึมลงผิวหมดเลย แต่ยังคงความชุ่มชื่น ตื่นมาไม่รู้สึกว่าหน้ามัน
ไม่มีรอยยับ รอยแดง ผิวชุ่มชื่นอยู่ ที่สำคัญคือผิวนุ่มลื่น เด้งมาก
ก่อนลงมาส์กลงEmulsionก่อนก็ได้เพื่อล็อกผิวให้รับสารบำรุงเยอะๆแต่สำหรับผิวแพ้ง่ายเราว่าลองเทสดูก่อนนะ
เพราะถ้ารับสารบำรุงมากเกินไป ผิวอาจจะแพ้ได้
เนื้อมาส์กเป็นเจลลี่ พอเจอความร้อนที่ผิวจะแตกตัวเหลวขึ้น ใช้ง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักหน้า ไม่ตึงผิว
7.The Body Shop Drops of Youth Bouncy Eye Maskสุดท้ายละมาส์กหน้าแล้วมาส์กตาก็สำคัญ เพราะตามีต่อมไขมันน้อย บอบบางมากที่สุด และใช้งานเยอะที่สุด ผิวรอบดวงตาก็ไปเร็วที่สุด
เพราะเราต้องกระพริบตาและใช้สายตาตลอด
ช่วงที่ล้ามากๆ มากันหมดทั้งริ้วรอยใต้ตา
ขอบตาคล้ำ ปวดบริเวณเบ้าตา ยิ่งอายุเยอะขึ้นร่องรอยอ่อนหล้าพวกนี้หายช้ามาก เราไม่ค่อยใช้อายส์ครีมเพราะ
บางทีทำให้เมคอัพไหลมากองเป็นเส้นๆ ใต้ตา เลยเลือกเป็นมาส์กตาก่อนนอนดีกว่า เราชอบตัวนี้เพราะส่วนผสมของมาส์กเป็นสเต็มเซลล์ที่สกัดจากพืชที่สร้างความแข็งแรงและความชุ่มชื่นให้ผิว
ฟื้นฟูผิวที่อ่อนหล้า เหี่ยว เฉา ให้เอิบอิ่มฟูขึ้น มาส์กทาแล้วเย็น สบายตามาก
ทาทิ้งไว้ก่อนนอนสบายมาก ได้พักตาพร้อมบำรุงไปด้วย ฟินเฟร่อออ~.~ ตัวมาส์กเป็นเนื้อเจลใสๆ กลิ่นเขาจะหอมอ่อนๆ
อโรมา สดชื่น ตื่นมาเนื้อมาส์กซึมลงผิวไปหมด
รอยคล้ำ ริ้วรอยตื้นขึ้น ไม่มีริ้วรอยเกิดใหม่ ผิวอิ่มฟูแข็งแรงขึ้น ชอบมากตาชุ่มชื้น ได้พักผ่อน แต่อย่าใช้เยอะมันจะเย็นเกินTips: ผลิตภัณฑ์หลายตัวที่เรานำมารีวิวมีส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ ทั้งสมุนไพร ดอกไม้ หลายคนได้ยินคำว่า "น้ำมัน" ก็กลัวหน้าจะมันเลยไม่กล้าใช้ แต่จริงๆแล้วน้ำมันจากพืชมีไม่ทำให้ผิวมัน แต่กลับช่วยรักษาระดับน้ำมันในผิวตามธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา ถ้าเป็นผลิตภัณฆ์ทำความสะอาดจะช่วยเจือจางความมันบนผิว ทำความสะอาดรูขุมขนและแบคทีเรียที่ตกค้าง
ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ช่วยเรื่องปกป้องกันแสงแดดไม่ให้ผิวอักเสบ
ให้ความชุ่มชื่น ปกป้องผิวจากมลภาวะ อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ลดการระคายเคืองของผิว
ชะลอการเกิดริ้วรอย ยืดอายุเซลล์ ซ่อมแซมฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้ามันนะจ๊ะ ใช้ได้สบายใจเลย7 สิ่งมหัศจรรย์นี้ช่วยปกป้อง บำรุง ปลอบประโลม
และฟื้นฟูผิวเราให้แข็งแรงขึ้นต่อสู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ทำร้ายผิวเราได้ แก้ไขปัญหาผิวผสม
ขาดน้ำที่มีทั้งทะเลทรายและบ่อน้ำมันบนหน้าของเราได้ตรงจุด แบบค่อยเป็นค่อยไป
อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ผิวผสมอยู่
ลองรับไปพิจารณาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจดูนะจ๊ะ เพิ่มเติมลองเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทbalancing
และEmulsion (เข้มข้นน้อยกว่าครีม แต่มากกว่ากว่าโลชั่น)
ซึ่งเหมาะกับผิวผสม-ผิวมัน
แต่สำหรับเราที่ใช้อยู่นี้คือโอเคมากๆ และเข้ากับผิวเรามากๆ เลยอยากจะมาแนะนำกันจ้า
อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวจริงกันนะ และพักผ่อนเยอะๆ
ดื่มน้ำมากๆ ติดงาน-ติดซีรีย์ก็วางลงก่อนนะจ๊ะ บัยยย
ตอบกระทู้