รวม 8 ลิปมันธรรมชาติ เน้นบำรุงริมฝีปาก ในราคาหลักร้อย

สวัสดีค่ะทุกคน มาเจอกับเจกันอีกแล้ว
วันนี้เจมาพร้อมกับลิปมันบำรุงริมฝีปากทั้งหมด 8 ชิ้น ที่เจใช้เป็นประจำ
จริงๆเจมีลิปมันอีกหลายตัวมากเลย แต่ในกระทู้นี้เจจะเน้นไปที่ลิปมันออร์แกนิค ธรรมชาติ
เน้นไปที่บำรุงริมฝีปากโดยเฉพาะ แล้วราคาไม่แรงแค่หลักร้อยเท่านั้น
ต้องบอกก่อนเลยว่า เจเป็นคนที่ปากแห้งมาตั้งแต่เด็ก ชอบเลียริมฝีปาก
วันไหนไม่ได้ทาลิปมัน ปากจะลอกเป็นลักษณะขุย บางครั้งปากแตกเลยทีเดียว
พอเริ่มทาลิปสติก ก็มีปัญหาปากคล้ำสีไม่สม่ำเสมอขึ้นมาอีก
กลายเป็นว่าต้องพกลิปมันอยู่ตลอด ขาดไม่ได้
วันไหนลืมหยิบออกจากบ้าน เป็นอันต้องแวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อใหม่อยู่บ่อยๆ
เลยเป็นที่มาที่เจรวบรวมลิปมันที่เน้นไปทางธรรมชาติมาเปรียบเทียบให้เพื่อนๆได้ดูกัน
เผื่อใครกำลังมองหาลิปมันอยู่ จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ

Lovella Mixed Berry Cheesecake Lip Treatment
ราคา 290 บาท   ขนาด 4.5 กรัม

ลิปตัวนี้เป็นตัวที่เข้ากรุมาใหม่ล่าสุด แล้วกำลังเลิฟมากกก
ด้วยความที่พอเจใช้ลิปที่มีเคมีมาเยอะ เจอยากได้ลิปที่เค้าเน้นเลยนะว่าเป็นออร์แกนิค
ตัวนี้มีส่วนผสมที่มั่นใจได้เลยว่าธรรมชาติ 100% และไม่มี paraben สีสังเคราะห์ หรือน้ำหอมสังเคราะห์
ไม่ต้องกลัวว่าจะแพ้ เพราะคอนเซ็ปต์ของแบรนด์คือ So natural all you can eat
คือ ธรรมชาติจริงๆนะ ทานได้ทั้งหมดเลย มันเริ่ดดด
คนท้องและเด็กสามารถใช้ได้ค่ะ อ่อนโยนมากจริงๆ

ลิปเค้ามาในแบบแท่ง เจเลือกกลิ่น Mixed Berry มา ตัวแท่งเป็นสีม่วงน่ารักปุ๊กปิ๊ก
จะมีอีกกลิ่นเป็นกลิ่นกุหลาบแท่งสีชมพู รุ่นนั้นเจเห็นรีวิวเยอะเลย
เอาจริงชอบกลิ่นเบอร์รี่มาก หอมอ่อนๆแต่ให้ความรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว ส่วนเนื้อลิปเค้าจะเป็นสีขาวเลยค่ะ
เห็นเป็นลิปแท่งแบบนี้บอกเลยทาริมฝีปากแล้วชุ่มชื้นสุดๆ
ทารอบเดียวแล้วอยู่ได้นาน เหมือนเค้ากักเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้ริมฝีปากของเรา
ต่างจากลิปแท่งหลายตัวที่ต้องคอยทาซ้ำอยู่ตลอด
วันไหนปากแตก ปากแห้งมาก โบกไปเลยจ้า ปากจะนุ่มนิ่มเหมือนแก้มเด็กเลย
แล้วด้วยความที่เค้าเป็นแท่งนี่แหละ ทำให้ปากเราไม่มันเยิ้ม ไม่ต้องห่วงเวลาผมปลิวแล้วจะมาติดปากจ้า
เจชอบทาก่อนลงลิปเนื้อแมทท์ เค้าช่วยให้ริมฝีปากเราดูเรียบเนียน
เวลาทาลิปแมทท์ทำให้ปากเราดูเนียนสวย สีลิปอยู่ได้นานไม่แห้งแตกระหว่างวันอีกด้วย
ตอนนี้เป็นลูกรัก พกติดกระเป๋าไปทำงานทุกวันแล้วค่ะซิส

โดยรวมให้ 5/5 ไปเลยค่ะ ชอบความออร์แกนิคของแบรนด์ และความชุ่มชื้นของลิป
แถมยังกลิ่นหอมทำให้หยิบมาใช้บ่อยด้วย
หาซื้อได้ที่ Eveandboy , stardust , Castle C , COSMOBEAUTE , Punsuk Organic

Carmex Moisturising Lip Balm #Classic
ราคา 135 บาท    ขนาด 10 กรัม

ลิปบาล์มแบบหลอดกลิ่นคลาสสิคช่วยปกป้องริมฝีปากยาวนาน
เพื่อช่วยในการดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้นและผ่อนคลาย
มีส่วนผสมของการบูรและเมนทอล มอบเรียวปากสุขภาพดีเนียนนุ่ม ไม่แห้ง แตก ดำ
เป็นแบรนด์ลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก ที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา

ตัวนี้เจซื้อมา เพราะก่อนหน้านี้เคยใช้รุ่นที่เป็นกระปุกกลิ่น Cherry คือหอมมาก
แต่ด้วยความที่เป็นกระปุกแบบลึกทำให้ควักนิ้วลงไปลำบาก
พอหมดกระปุกนั้นเลยเปลี่ยนมาซื้อแบบหลอด และเปลี่ยนเป็นกลิ่น Classic
ข้อดีของลิปตัวนี้คือเค้ามี SPF 15 ที่ช่วยป้องกันให้ริมฝีปากของเราไม่ให้คล้ำจากแสงแดด
มีส่วนผสมของของการบูรและเมนทอล ใครแพ้อาจจะต้องระวังนิดนึงนะคะ

เนื้อเค้าจะเป็นสีขุ่นออกเหลืองนิดนึง เวลาเจใช้จะชอบโบกไปที่ปากเยอะๆเลย
ให้ความชุ่มชื้นได้ดีทีเดียวค่ะ เนื้อเค้าค่อนข้างเหลวเลยทำให้ทาง่าย
ช่วงหน้าหนาวเจทาตัวนี้ติดกันทุกวัน ปากไม่แห้งเลยจ้า ให้ฟีลปากเย็นอวบอิ่มด้วย
แต่กลิ่น #Classic คือไม่หอมเลย เหมือนเอายาหม่องมาทาปาก ไม่ปลื้นกลิ่นอย่างแรง
คิดว่าหมดหลอดนี้ จะกลับไปซื้อกลิ่น Cherry เหมือนเดิมแล้วค่ะ

โดยรวมคือให้ 4/5 คะแนน ติดทื่กลิ่นไม่หอม ไม่ถูกใจ มีการบูรและเมนทอล บางคนอาจจะแพ้
หาซื้อได้ที่ Watsons , Boots , Tesco Lotus , Konvy , Beautrium

Himalaya Lip Balm
ราคาในไทย 150  บาท ฝากหิ้วจากอินเดีย 25-50 บาท   ขนาด 10 กรัม

ลิปบาล์มเนื้อครีม อุดมไปด้วยวิตามินอี
และส่วนผสมจากธรรมชาติที่อ่อนโยนนานาชนิด
ปกป้องริมฝีปากจากรังสี UV ด้วย Carrot Seed Oil
ลดความหยาบกร้าน ฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้ง แตก ลอก เป็นขุยได้เป็นอย่างดี
ส่วนประกอบสำคัญ
Carrot Seed Oil, Castor, Coconut, Wheatgerm

ตัวนี้มีคนหิ้วมาขายจากอินเดีย แล้วราคาคือถูกมาก
ซึ่งแบรนด์ Himalaya เค้าเน้นส่วนผสมไปทางธรรมชาติอยู่แล้ว
เจเลยลองซื้อมาใช้ดู ถ้าไม่ดีก็ทิ้งได้ไม่เสียดาย

เนื้อเค้าจะเป็นสีขาวขุ่น เนื้อลิปเหลวกำลังดี ไม่เหนียวริมฝีปาก
เจชอบหลอดแบบนี้มาเลย เค้าออกแบบมาให้โค้งรับกับปากของเรา
สามารถบีบออกมาแล้วทา โดยที่มือไม่เลอะ ไม่สกปรก
กลิ่นหอมอ่อนๆเย็นๆ ให้ฟีลกลิ่นสมุนไพร แต่ไม่ใช่แบบ Carmex นะคะ อันนี้เบากว่าเยอะ
ทาลงบนริมฝีปากแล้ว เหมือนเค้าไปเคลือบริมฝีปากของเราอ่ะ
คือให้ความชุ่นชื้นในระดับนึง แอบมีความมันเยิ้มอยู่ บางทีทามากไปเหมือนกินไก่ทอดมา ฮ่าฮ่า

โดยรวมคือให้ 4/5 คะแนน เฉยๆค่ะ ใช้ได้ในระดับนึง แต่ไม่ว้าวมาก มีดีคือราคาถูกเวอร์ถ้าเทียบกับตัวอื่น
หาซื้อได้ที่ Watsons , Boots , Tsuruha , Vitamin Club , ICARE

DHC Lip Cream
ราคา 385 บาท   ขนาด 1.5 กรัม

ลิปบำรุงริมฝีปาก ยอดขายอันดับ 1ในญี่ปุ่น
ช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มน่าสัมผัส และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น
ป้องกันปัญหาริมฝีปากแห้งและแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้ง แตก เป็นขุย ช่วยให้ริมฝีปากเป็นสีชมพูสวยใสเป็นธรรมชาติ
มีส่วนผสมหลักของ Olive Virgin Oil และ Aloe Vera จากพืชธรรมชาติ
และยังช่วยให้ริมฝีปากได้รับการบำรุง รู้สึกได้ว่าริมฝีปากนุ่มขึ้น และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องริมฝีปากจะชุ่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อันนี้เจซื้อเป็นแท่งที่สองแล้วค่ะ ล่าสุดคือเป็นลาย star war ได้มาจากญี่ปุ่น
เจชอบความออกแพคเกจน่ารัก ลิมิเต็ด อยู่ตลอด
บางทีก็ไม่ได้อยากได้ลิปไง แต่แพคเกจมันน่ารัก อดใจไม่ไหวทุกที

เนื้อลิปจะเป็นแท่งสีเหลือง เค้าทำลิปออกมาเป็นแท่งแบบเรียวเล็กกว่าลิปทั่วไป
เจว่ากลิ่นเค้าแปลกๆ ไม่หอม ดมใกล้ๆแอบมีกลิ่นน้ำมันหืนๆ
เนื้อค่อนข้างจะบางเบา แอบมีความเหนียวนิดนึง
เจชอบใช้ในวันที่ปากไม่ได้แห้งมาก แค่อยากเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก
ข้อดีของลิปตัวนี้คืออากาศร้อนแค่ไหนก็ไม่ละลายจ้า พกติดไว้ในรถโลด
เค้าให้ความชุ่มชื้นได้ปานกลางค่ะ ต้องเติมระหว่างวันบ่อยหน่อย

โดยรวมคือให้ 3.8/5 ชอบแพคน่ารักๆ แต่ลิปให้มาน้อยมาก ใช้แปปเดียวหมด กลิ่นแอบเหม็นหืนนิดนึง
หาซื้อได้ที่ Watsons ,  tsuruha ลายลิมิเต็ดซื้อที่ญี่ปุ่น

Nivea Creme Care Lip Balm Vanila&Lemon Flavor
ราคา 200-300 บาท   ขนาด 7 g

ลิปบาล์มติดอันดับรางวัล @Cosme มีทรีฮาโลสสารให้ความชุ่มชื้นปกป้องเซลล์ผิว
และรอยัลเจลลี่ให้การบำรุงชุ่มชื้นแก้ไขปัญหาแตกลอก ร่อน ทาทุกวันริมฝีปากจะเนียนลื่นค่ะ
ตัวนี้เจไม่แน่ใจว่ามีขายที่ไทยมั้ยนะคะ เจซื้อมาตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นเพราะลืมลิปมันนี่แหละ
เค้าจะมี 3 กลิ่นค่ะ เจเลือก Vanila&Lemon เพราะชอบลิปหอมๆ
เห็นชื่อ Nivea แถมยังติดอันดับ Cosme เลยจัดมาลองซักหน่อย

เนื้อลิปเป็นสีใสขุ่นๆ มาในกระปุกแบนๆ
เนื้อลิปเค้าค่อนข้างเหนียวเลยค่ะ สังเกตหลายชิ้นแล้วที่เป็นของญี่ปุ่น
เค้าชอบทำลิปเหนียวๆแบบนี้ แต่กลิ่นหอมวนิลา เลมอนมาก กลิ่นเข้ากันได้ดีไม่เลี่ยนเลย
ข้อดีคือเค้าไม่เยิ้มเลยค่ะ อากาศร้อน น้องบอกสบายๆ
เจเลยชอบพกติดกระเป๋าไปข้างนอก

โดยรวมให้ 3.8/5 คะแนน ชอบกลิ่นหอมวนิลาเลมอน แต่ไม่ชอบเนื้อเหนียว แถมยังต้องควักกระปุกเลอะมืออีกค่ะ
หาซื้อได้ที่ญี่ปุ่น และร้านพรีออเดอร์ต่างๆ

Kiehl's Lip Balm #1
ราคา 390 บาท   ขนาด 17 ml. (ของเจเป็นหลอดเล็ก 3 ml.)

Lip balm สูตรคลาสสิคนี้ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกให้กับลูกค้าของคีลส์ ในปีค.ศ. 1969
และได้รับความนิยมมากว่า 40 ปี อุดมด้วยวิตามินเพื่อช่วยบำรุงริมฝีปาก โดยไม่ทำให้รู้สึกมันเยิ้ม
ปกป้องและช่วยบรรเทาอาการริมฝีปากแห้งแตกชั่วคราว ช่วยปกป้องริมฝีปากจากลมและอากาศหนาว
ลิปมันเนื้อนุ่ม ลื่น ทาง่ายเป็นพิเศษนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องริมฝีปากของคุณ
จากสภาพอากาศที่รุนแรง และช่วยให้ริมฝีปากนุ่มเนียนเปล่งปลั่ง...และเย้ายวนใจ!

เนื้อลิปเป็นเจลใสออกเหลือง เนื้อเหลวคล้ายกับตัว Himalaya เลยค่ะ

ตัวที่เจซื้อมาเป็นแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่จริงเค้ามีอีกหลายกลิ่นให้เลือกนะคะ

ทารอบเดียวให้ความรู้สึกชุ่มชื้นปากมาก เจใช้ติดต่อกันริมฝีปากคือเรียบเนียน นุ่มนิ่มมาก

ช่วงไหนปากแห้งลอก โบกตัวนี้เอาอยู่ คิดว่าหมดหลอดนี้จะซื้อกลิ่นอื่นมาลองบ้าง

โดยรวมคือให้ 5/5 ดีงามสมคำร่ำลือ เนื้อลิปเหลวแต่ให้การบำรุงปากได้ดี ราคาถ้าเทียบกับปริมาณไม่แพงเลยค่ะ

หาซื้อได้ที่ Kiehl's ทุกสาขา

Eucerin Aquaphor Soothing Skin Balm
ราคา 520 บาท ขนาด 110 ml.

บาล์มฟื้นบำรุงอันดับ 1 ในอเมริกา Eucerin Aquaphor
เคลือบปกป้องผิว คืนความชุ่มชื้น ให้ออกซิเจนผ่านลึกถึงเซลล์ผิว ฟื้นบำรุงผิวแห้งแตกชั่วข้ามคืน
ช่วยให้ผิวแห้ง แตก ระคายเคือง ได้รับการดูแล โดยการสร้างเกราะปกป้องแบบ semi-occlusive
ที่ช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำ แต่ขณะเดียวกันก็ให้ออกซิเจนผ่านเพื่อให้ผิวได้หายใจ
สูตรผสมกลีเซอรินซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นโดยการดึงน้ำเข้าสู่ผิว
และทำงานร่วมกับแพนทีนอล ซึ่งช่วยเร่งการสร้างผิวใหม่

ตัวนี้เจซื้อมาเพราะช่วงนั้นคนรีวิวเยอะมาก บวกกับวาสลีนกระปุกที่ห้องนอนหมดพอดี
เลยตัดใจซื้อกระปุกใหญ่ คิดว่าเป็นปีก็ไม่หมดแน่นอน คุ้มม
ซึ่งหลักๆตัวนี้เค้าเป็นบาล์มอเนกประสงค์ค่ะ ทาได้ทุกจุดในร่ายกายที่รู้สึกว่าผิวเราแห้งกร้านไม่ไหวแล้ว
ทาได้ทั้ง ข้อศอก หัวเข้า ขนตา จมูกเล็บ
แล้วที่สำคัญเค้าปลอดภัยใช้ได้แม้กระทั่งเด็กทารก เพราะปราศจากน้ำหอมและสารกันเสียนั่นเอง