จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงพร้อมหรือยัง พร้อมหรือยัง จะป้ายยาแล้วนะ! (>_<)
สวัสดีค่า กลับมาสู่ช่วงป้ายยาแบบจัดหนักจัดเต็มไปกับไอเทมฉบับถูกและดีที่จูนแอบไปสอยมาเมื่อช่วงเกือบๆปลายเดือนที่ผ่านมานี้เอง (เงินเดือนออกก็จะราชาหน่อยๆ อิอิ-..-) ซึ่งแบรนด์ที่จูนจะมาพูดถึงกันในวันนี้ก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพดี+ราคาที่แสนจะเป็นมิตรอย่าง Beauty Cottage นั่นเองจ้า ที่พอเห็นแพ็คเกจแล้วก็แอบฟันธงอยู่ในใจลึกๆ ว่าแต่ละชิ้นของนางต้องราคาไม่ต่ำกว่า 700-800 บาทแน่นอน! ราคาแรงสุดไม่ถึง 700 บาทเด้อ และถูกสุดของไลน์นี้ก็คือ 195 บาทเท่านั้น งานนี้คงจะพลาดไม่ได้เลยขอหยิบมาลองใช้ก่อนสัก 3 ตัวเบาๆ (หื้มมมม)5555 ด้วยความอยากลิ้มอยากลองนี่แล เลยกะว่าในเมื่อเสียตังค์แล้วเลยจะมาทำรีวิวให้เพื่อนๆดูกันไปเลยดีกว่า ว่าในไลน์นี้จะมีตัวไหนที่ใช้แล้วรอดบ้าง?เราตามไปดูกันเลยจ้าาาา
โดยไอเทมที่จูนจะมารีวิวให้อ่านกันวันนี้มีทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันนั่นก็คือโทนเนอร์, โฟม และเซรั่มค่ะ จริงๆ มีตัวเดย์ครีมและก็พวกมาส์กด้วยนะ แต่ขอลองแค่นี้ก่อนแล้วกัน5555 ทั้งสามตัวนี้จัดอยู่ในไลน์เดียวกันที่มีชื่อว่า “Beauty Cottage Advanced Whitening Concentrate” ซึ่งที่มาที่ไปของไลน์นี้จากที่จูนได้ลองหาข้อมูลมาเพิ่มเติมนั้น เขาจะมีส่วนผสมหลักๆ ที่มาจากเกาะเชจู (Jeju) ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ และอย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเกาะนี้เขาค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามและมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีสารสำคัญจากธรรมชาติอีกมากมายที่อุดมไปด้วยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวของเราอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆเจ้าถึงมักจะคัดเลือกเอาส่วนผสมที่มาจากเกาะเชจูเข้ามาร่วมอยู่ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เอาหล่ะ! งั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปเริ่มกันที่ตัวแรกเลยดีกว่าครัชช
Advanced Whitening Concentrate Facial Cleanser
ตัวนี้เป็นคลีนเซอร์ที่มาในรูปแบบ 3 IN 1 คือสามารถใช้เป็นโฟมล้างหน้าก็ได้หรืจะใช้ล้างเครื่องสำอางก็ดีและยังสามารถบำรุงผิวเราไปในตัวค่ะ น้องเขามาในขนาด 100 g. ราคา 195 บาท หลอดใหญ่พอดีมือ คาดว่าใช้ได้ประมาณ 1-2 เดือนเลยยย เพราะจูนลองใช้แค่นิดเดียวผสมกับน้ำก็ทั่วหน้าแล้วนะ ที่สำคัญคือคนที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้เพราะเขาไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวอย่าง SLS, SLE, PARABEN, Colorant, MIT และ Fragrance เลยค่ะ
**MIT= Methylisothiazolinone เป็นสารกันเสียที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อราและยีสต์ เป็นสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หากเกิดอาการแพ้จะทำให้ผิวอักเสบและมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนังสำหรับในประเทศไทยค่ะ
ส่วนผสมที่น่าสนใจของโฟมตัวนี้มีอะไรบ้าง??
เนื้อครีมตอนบีบออกมามีความเข้มข้น+หนืดๆ นิดๆ พอผสมกับน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นเนื้อโฟมอย่างที่เห็นในรูปเลยค่ะ ตัวฟองมีความละเอียด+นุ่มดี กลิ่นจะออกแนวเย็นๆ พอล้างแล้วจะรู้สึกว่าพวกรูขุมขนดูกระชับขึ้นเลย
สิ่งที่รู้สึกได้หลังใช้เลยก็คือหน้าดูสะอาดและใสขึ้น ดูละเมียดๆ พวกรูขุมขนดูกระชับไปเลย และตอนที่จูนใช้ส่วนตัวยังไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองใดๆ นะ ถือว่าผ่านในระดับนึงเลย แต่หลังจากล้างหน้าในครั้งแรกจูนแอบรู้สึกว่าผิวมันจะมีความตึงนิดๆ แต่ไม่ได้มากจนทำให้รู้สึกว่าผิวแห้งค่ะ เลยคิดว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนผิวผสม-ผิวมันจะโอเคกว่า ผิวแห้งตอนล้างอาจจะรู้สึกว่าผิวจะดูแห้งตึงเกินไปเพราะปกติจูนเป็นคนผิวมันก็ยังมีแอบตึงๆนิดๆ แต่ไม่ได้มากจนรู้สึกไม่ดีนะ (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวงับ555)
Advanced Whitening Concentrate Toner Essence
หลังจากล้างหน้าเสร็จเรามาต่อกันที่โทนเนอร์เลย จะบอกว่าตัวนี้จูนขอ Recommend ไม่ได้อวยนะนะแต่ชอบมาก ใช้ครั้งแรกคือชอบเลย55555 ตัวนี้เขามาในขนาด 100 ml. ราคา 435 บาท ใช้ได้ประมาณ 1 เดือน นี่ใช้จนจะไม่เหลือรีวิวแล้วนะ5555 เลยต้องหยิบมาถ่ายก่อน และแน่นอนว่าตัวนี้ก็ปราศจาก Alcohol, Fragrance เช่นเดียวกันและมีค่า pH อยู่ที่ 5.5 ซึ่งมีความอ่อนโยนกับผิว ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวค่ะ คุณสมบัติหลักๆของตัวนี้คือเขาจะช่วยปรับสภาพผิว พร้อมกับช่วยกระชับรูขุมขนไปในตัว เหมาะกับทุกสภาพผิว หรือคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้างค่ะ
ส่วนผสมที่น่าสนใจของโทนเนอร์ตัวนี้มีอะไรบ้าง??
สิ่งที่ชอบในตัวนี้คือตอนเช็ดผิวจะเย็นๆ แบบผ่อนคลายดี ได้ฟีลกู๊ดแบบจริงจัง หลังจากใช้มาประมาณ 1 อาทิตย์คือรู้สึกได้เลยว่าสิวไม่ค่อยขึ้น และรูขุมขนดูเล็กลงแบบงงๆ เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ด้วย เมื่อก่อนเคยใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอลฮอล์หน้าจะแห้งมาก และบางทีก็รู้สึกผิวระคายเคืองด้วย ตัวนี้คือสอบผ่านทั้งในเรื่องของรูขุมขนและไม่ทำให้ผิวระคายเคืองด้วย ถ้าใครที่กำลังเล็งๆโทนเนอร์ไว้ในครอบครองจูนแนะนำว่ามันต้องมีต้องโดนเลยตัวนี้ 10/10
Advanced Whitening Concentrate Serum
มาต่อกันที่ตัวสุดท้ายแล้ววว ตัวนี้เป็นเซรั่มที่เน้นช่วยในผิวกระจ่างใส+ลดเลือนริ้วรอย โดยขวดของเขาจะมาในรูปแบบขวดปั๊ม เวลาใช้จูนใช้ประมาณ 2 ปั๊มก็ทาทั่วหน้าแล้วครัช มาในขนาด 80 ml. ราคา 695 บาทค่ะ ถือว่าราคากลางๆ แต่ได้ปริมาณที่เยอะอยู่นะ คุ้มอยู่ค่ะ แพ็คเกจอย่างที่บอกทำออกมาได้สวยหรูหราอลังการมากๆ แค่ตั้งไว้บนโต๊ะก็ดูมีสง่าราศีขึ้นทันตา5555 โดยส่วนผสมของเขาจะไม่ค่อยแตกต่างจากตัวโทนเนอร์ที่จูนพูดไปก่อนหน้านี้มาก แต่จะมีเพิ่มในส่วนของสารสกัดจากสาหร่าย (Hydranov P) และVitamin B3 ที่มีอยู่ในตัวโฟมเข้ามาเพิ่มด้วยเหมือนกัน
ส่วนผสมที่น่าสนใจในตัวเซรั่มขวดนี้มีอะไรบ้างนะ??
และสารสกัดตัวอื่นๆ ที่คล้ายกันก็จะเป็นสารสกัดจากดอกไม้ดงเบก (Jeju Dongbaek) ที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว อีกตัวนึงคือ Jeju Prunus Serrulata Flower Extract (Cherry Blossom) ซึ่งตัวนี้เขาก็มีการทดสอบด้วยว่าสารสกัดจากดอกซากุระตัวนี้มันมีปริมาณของสารกลุ่ม Flavonoid , Vitamin C และ Phenolics ในปริมาณที่สูงกว่าสารสกัดจากดอกไม้อื่นๆ มาก และจัดว่ามีฤทธิ์เป็น Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพดี
มาดูที่เนื้อเซรั่มเขากันบ้าง ตัวนี้เซรั่มจะมีสีขาวขุ่น เนื้อบางเบา เกลี่ยง่ายดี แต่ถามว่าซึมไวไหมสำหรับจูนยังกลางๆนะ เพราะจากที่ใช้มาใช้เวลาประมาณนึงน้องเขาถึงจะซึมเขาผิวหมดแบบหมดจริงๆ
ผลลัพธ์หลังจากใช้ในเรื่องของความกระจ่างใสถือว่าโอเคแต่ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรเลย เพราะจูนเริ่มรู้สึกว่าพวกรอยแดง รอยสิวดีขึ้นจากที่ใช้มาประมาณสัปดาห์ที่ 2 ถึงจะเริ่มรู้สึกแบบจริงๆจังๆ ส่วนเรื่องริ้วรอยสำหรับจูนยังไม่ค่อยเห็นผลค่ะ ในเรื่องของอาการแพ้ระคายเคืองต่างๆ ก็ไม่มีนะ ถือว่าอ่อนโยนในระดับนึงเลยค่ะ
สรุปแล้วทั้งสามตัวเชียร์ตัวไหนมากที่สุดจูนแนะนำว่าให้ลองเป็นตัวโทนเนอร์เขาก่อนก็ได้ค่ะ เพราะส่วนตัวชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลย หน้าสะอาดขึ้น พวกรูขุมขนก็ดูเรียบเนียนขึ้นด้วย ยิ่งตอนเช็ดนี่นะฟีลมันได้มากกก เย็นๆผิวดีค่ะ คือหมดแล้วก็ยังจะซื้อต่อนะ55555 ส่วนอีกสองตัวก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป แต่เอาจริงๆ คือในส่วนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลยค่ะ เพราะสภาพผิวของทุกคนก็มีความแตกต่างกันไอยู่แล้ว จูนอาจจะใช้ดีกับตัวนี้แต่บางคนอาจจะชอบอีกตัวก็ได้ เพราะฉะนั้นจูนแนะนำว่ายังไงก็ลองไปTester ดูที่หน้าร้านเขากันก่อนก็ได้นะครัช รีวิวครั้งนี้ถือว่าจูนได้มาเบิกทางให้ทุกคนก่อนแล้ว สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์หรือเพจของแบรนด์เพิ่มเติมได้เลยจ้า สำหรับวันนี้จูนต้องขอตัวลาไปก่อนนะงับ บ๊ายบายและสวัสดีค่า♥
ขอบคุณค่ะ