ป้ายยา 5 อันดับครีมกันแดดหน้า ยี่ห้อไหนดี บางเบา ซึมง่าย สบายผิว จากรีวิวผู้ใช้จริง

แนะนำ 3 ไอเทมเด็ดที่ต้องมีของ AESOP เพื่อผิวสุขภาพดีแบบยั่งยืน!

สวัสดีค่ะทุกคน ใครที่เล็งๆสกินแคร์จากแบรนด์ AESOP บ้างเอ่ยยย ??

เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำ 3 ไอเทมเด็ดที่ต้องมีจากแบรนด์ AESOP ค่ะ! ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีตัวไหนบ้าง

และนี่ก็คือสกินแคร์จากแบรนด์ AESOP ทั้งสามตัวที่เราจะมารีวิวให้ทุกคนดูนะคะ อันนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเราใช้เวลาหารีวิวอ่าน หาข้อมูลนานมากกกกก กว่าจะตัดสินใจซื้อทั้งสามตัวนี้มา ด้วยความที่เค้าเป็นสกินแคร์ที่ราคาสูง เราก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกหน่อย แถมสกินแคร์ของแบรนด์เค้าก็เยอะจนไม่รู้จะตัดสินใจเลือกตัวไหนเลย 555555 นี่ก็โดนป้ายยารัวๆมาจากรีวิวของหลายๆคนเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะมารีวิวให้ดูกันทีละตัวเลย

ผลิตภัณฑ์นี้จะอยู่ในกลุ่ม Skin Care+ ที่อุดมด้วยวิตามิน C, E, B3 และ B5 มีสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นสารอาหารให้ผิว ให้ผิวนุ่ม เปล่งปลั่ง และสุขภาพดีค่ะ

ชิ้นแรก :: B & C Facial Balancing Gel ทรีทเมนต์เจลช่วยบำรุง ปรับสมดุลผิว และช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะ

ตัวนี้ต้องบอกเลยว่ามันอะเมซิ่งสำหรับเรามากๆ เพราะเนื้อสัมผัสเค้าเป็นเหมือนกับน้ำผึ้งค่ะ แต่เท่าที่อ่านมาเค้าบอกว่าเหมาะกับคนผิวมัน ผิวผสม แถมยังเหมาะกับการทาตอนเช้าด้วย ยิ่ง งง ไปใหญ่เพราะว่าเนื้อมันดูเหนียว ดูหนึบ ดูหนักมากเลยค่ะ ในความรู้สึกแรกที่เราเห็น

แต่ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เนื้อเค้าดูเหมือนน้ำผึ้งจริง แต่ตอนที่ใช้ เราต้องมาวอร์มที่มือก่อน เนื้อเค้าก็จะแตกตัวเป็นน้ำ แล้วค่อยนำมานวดบนใบหน้าให้ทั่วค่ะ

และเราก็ลองเทสหลังจากสกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวแล้ว โดยการใช้กระดาษซับมันมาซับดูค่ะ เค้าไม่ทิ้งความมัน ความเหนียว และความหนักบนใบหน้าเราจริงๆ ถึงแม้เนื้อเค้าจะดูหนักมากก็ตาม บอกเลยว่าตัวนี้เราชอบมากกกกก มันดีจริงๆ

B & C Facial Balancing Gel จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่อุดมไปด้วยวิตามนซีเข้มข้น เน้นช่วยในเรื่องให้ผิวหน้ากระจ่างใส ให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เหมาะสำหรับคนที่ผิวมัน หรือผิวผสมมากๆค่ะ สามารถใช้ได้ทั้งกลางวัน/กลางคืนเลย เพราะว่าเนื้อของเค้าเบาสบายหน้ามากๆ ยิ่งถ้าเราอยู่ในสภาพอากาศแบบร้อนชื้นยิ่งเหมาะ โดยเฉพาะถ้าใครที่ต้องไปเผชิญมลภาวะทั้งวัน ทุกวัน ตัวนี้ช่วยฟื้นผิวดีมาก คุมมันดีสุดๆ แถมเบาสบายผิว สดชื่นนนนน ^^

ขนาด 60 ml ราคา 4,050 บาท

ชิ้นที่ 2 :: Lucent Facial Concentrate เซรั่มให้ความชุ่มชื้นสูตรเข้มข้น

ชิ้นนี้เป็นเซรั่มเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เค้าจะช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยฟื้นบำรุงผิว และปรับสมดุลผิว ให้ผิวเราดูสุขภาพดี ชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน มีกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ชิ้นนี้คนที่เป็นแฟนบอยของเค้าจะเรียกว่า “เซรั่มหน้าใส” เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องฟื้นฟู ปรับสมดุลผิว ให้ผิวชุ่มชื้นแล้ว เค้ายังช่วยในเรื่องของปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ช่วยให้ฝ้า กระ ดูจางลง ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบด้วยค่ะ สามารถใช้เป็นตัวเดี่ยวๆ หรือจะใช้ผสมกับตัว Damascan Rose Facial Treatment ก็ได้เช่นกัน ใช้ได้ทั้งกลางวัน/กลางคืน เหมาะสำหรับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะคนที่ผิวผสม ไปจนถึงผิวมันค่ะ

ขนาด 60 ml ราคา 3,950 บาท

ชิ้นที่ 3 :: Damascan Rose Facial Treatment เซรั่มเนื้อออยล์มอบความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างล้ำลึก

ชิ้นนี้เป็นเซรั่มเนื้อออยล์ ช่วยในเรื่องให้ผิวเปล่งปลั่ง นุ่ม ฟู ให้ผิวดูมีชีวิตชีวา มีส่วนประกอบของ essential oil (น้ำมันสกัดจากพืชพรรณ) กว่า 11 ชนิด เป็นเซรั่มที่สูตรเข้มข้น มีกลิ่นกุหลาบมักส์อ่อนๆ ตอนใช้คือเหมือนผิวผ่อนคลายขึ้นมากๆ

เนื้อเซรั่มตัวนี้จะค่อนข้างหนัก ด้วยความที่เค้าเป็นออยล์อะเนอะ แต่ก็ไม่ได้หนักมากขนาดหน้าเยิ้มนะคะ ตัวนี้เราแนะนำให้ใช้ตอนกลางคืนพอ สามารถใช้เป็นตัวเดี่ยวๆทาบำรุง หรือจะใช้คู่กับ Lucent Facial Concentrate ผสมกันทาก็ได้ค่ะ จริงๆถ้ามีครีมบำรุงตัวอื่นก็สามารถใช้ตัวนี้หยดผสมทาได้เช่นกันน้า แต่ถ้าผสมกับสกินแคร์ของ AESOP ด้วยกันก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ เหมาะกับคนที่ผิวแห้งและผิวอ่อนล้า แต่คนผิวมัน ผิวผสมใช้ได้น้าาาาา

ขนาด 25 ml ราคา 2,500 บาท

สิ่งนึงที่ชอบมากกกกก ของแบรนด์ AESOP ก็คือ สามารถนำ สกินแคร์ในไลน์ Skincare+ มา Mix&Match ผสมกันใช้ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นนี่แหละค่ะ ก่อนนอนเราก็จะใช้ตัว Lucent Facial Concentrate กับ Damascan Rose Facial Treatment ผสมกัน โดยใช้ Damascan Rose Facial Treatment เพียงแค่ 2-3 หยด ผสมเท่านั้น!

วอร์มเซรั่มทั้งสองตัวที่มือให้เข้ากันก่อน แล้วนำมาทา นวดๆให้ทั่วใบหน้าและลำคอค่ะ มันฟินมากกกกก

แต่ถ้าตอนเช้าเราจะไม่ใช้ตัวออยล์ค่ะ เพราะเราเป็นคนผิวผสม กลัวจะหนักไป แต่สองตัวนี้ทาตอนกลางคืน ตื่นมาหน้าเด้งสุดๆ มันดูอิ่มๆ ฉ่ำๆเลย หรือใครจะใช้ตัว B & C Facial Balancing Gel ปิดท้ายก็ได้นะคะ เป็นการทำทรีทเมนต์ผิวไปอีกขั้นตอนเลย

แนบรูปเปรียบเทียบมาให้ดูค่ะ บอกเลยว่าถ้าใช้เป็น routine ละก็ glass skin อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ฮ่าาาาาาา

และสุดท้ายยยยย ใครที่สนใจเราแนะนำให้ไปลองเล่น ลองดูเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เคาเตอร์ดีกว่านะคะ ให้พี่ๆ BA คอยแนะนำดีกว่าว่าเราเหมาะกับสกินแคร์ตัวไหน เนื้อสัมผัสบางตัวเราชอบ แต่คนอื่นอาจจะไม่ชอบ บางตัวเราไม่แพ้แต่คนอื่นอาจจะไม่เหมือนเราเนอะ เพราะสภาพผิวเราต่างกันค่ะ อยากให้ทุกคนได้ลองเทสดู ไหนๆก็ลงทุนแล้ว ก็อยากให้เลือกสกินแคร์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับผิวเราค่ะ ^^

วันนี้เราขอตัวไปก่อนนะคะ รับรองว่าครั้งหน้า ถ้ามีของดีจะแอบมาป้ายยาเพื่อนๆอีกแน่นอน บายๆค่า xoxo