จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงช่วงนี้หลาย ๆ คนคง Work From Home กันมานาน การไม่ได้ออกจากบ้านในช่วงกักตัว บางทีมันอาจะทำให้ชีวิตเราห่อเหี่ยวข้าวเหนียวนึ่งกันไป แต่ไม่ว่าจะห่อเหี่ยวเพียงไหน แต่อย่าทำให้หน้าตา ผิวพรรณของเราห่อเหี่ยวตามนะครับ
ผมคิดว่า...แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปออฟฟิศ หรือออกไปข้างนอกเท่าไหร่ แต่วันหนึ่งเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว เราก็ต้องกลับไปเจอความจริงนอกบ้านอยู่ดี ดังนั้น การทำทุกอย่างให้ “เป็นปกติ” เหมือนเราออกไปทำงานออฟฟิศทุกวัน (แม้จะนั่งอยู่บ้าน) ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรา active ได้ การกิน การออกกำลังกาย ก็ยังคงสม่ำเสมอ เหมือนเดิมรวมถึง “การบำรุงหนังหน้า” ด้วยเช่นเดียวกัน มันคือการเตรียมความพร้อมออกไปเจอโลกที่สวยกว่าเดิม ด้วยสารร่างและหนังหน้าที่สวยสดใสยิ่งกว่าเดิม
ก่อนนี้ที่ผมเคยเขียนรีวิวถึง Lancôme Advanced Genifique ไปแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อน ว่าคุณคนนี้ไม่ผิดผวังจริง ๆ กู้หนังหน้าวัย 40 ได้ดีนัก
ครั้งนี้ผมกลับมาใหม่ พร้อมกับ “สูตรใหม่” ของ Lancôme Advanced Genifique Youth Activating Concentrate NEW Formula และประจวบเหมาะกับผมที่เพิ่งผ่านอายุ 41 มาได้สองเดือนเศษ ๆ ครั้งนี้เลยจัดแพคคู่ Lancôme Advanced Genifique Light Pearl มาต้านตีนกาและบำรุงหนังหน้าให้ดีไปคู่กันซะเลย
ข้อมูลหลังจากนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่เป็นเชิงลึกมากมาย แต่จะไล่เรียงไปตามความรู้สึกของผู้บริโภคคนหนึ่งที่มีต่อแต่ละผลิตภัณฑ์ตามสไตล์ผมแล้วกันครับ....เริ่มกันเลย
Lancôme Advanced Genifique Youth Activating Concentrate NEW Formula
Packaging: ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Genifique เหมือนเดิมครับ คือ เรียบ หรู ดูดี มีชาติตระกูล (ชวนให้คนมาขโมยใช้) ขวดแบบนี้แม้จำได้แน่ แม้หยิบในที่มืด...ไม่ผิดขวดแน่นอน
Texture: ไม่ได้ต่างจากสูตรเก่ามากครับ เนื้อ Serum ยังคงเป็นสีขาวขุ่น ๆ แต่หลังจากลูบบนใบหน้าแล้ว สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือ สูตรใหม่นี้มีความชุ่มชื้นกว่า แต่ซึมเข้าผิวได้อย่างรวดเร็วกว่าสูตรก่อนหน้านี้มาก ๆ ในความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นแบบสัมผัสได้ มันทำให้ผมลดปริมาณการใช้ลงได้ จากสูตรก่อนที่ผมใช้ 2 ปั๊มแบบเต็ม ๆ สูตรนี้ผมลดเหลือ 1 ปั๊มเท่านั้น ก็ชุ่มชื้นทั่วหน้าและลำคอแล้วครับ (ทา Serum อย่าลืมทาคอนะจ๊ะ)
ความรู้สึกหลังจากใช้ :
สองสามวันแรก – รู้สึกหน้าอิ่มน้ำ ฟู ชุ่มชื้น รับ Skin care ตัวอื่น ๆ ได้ดีขึ้น
ผ่านมา 2 – 3 สัปดาห์ - รู้สึกได้ว่าสึกผิวหน้านุ่มขึ้น ดูไม่โรยเท่าช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เม็ดสีผิวที่ผิดเพี้ยนเริ่มเลือนจางลง
จากระยะเวลาที่ใช้มาไม่ได้นานมาก แต่รู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทีเดียวเลยแหล่ะ....ยังยืนยันคำเดิมครับว่า Genifique เค้าเป็นตัวเปิดทางให้ผิวหน้ารับ Skin care ตัวอื่น ๆ ได้ดีมากขึ้นครับ
คุณภาพถ้าเทียบกับราคาแล้ว ผมถือว่าสมเหตุสมผล ยังแนะนำนะครับ ถ้าคุณถามว่า Serum ตัวแรกใช้อะไรดี ลอง Genifique ดูครับ
Lancôme Advanced Génifique Yeux Light-pearl™
ส่วนตัว เป็นคนไม่อินกับ Eye Serum หรือ Eye Cream อะไรนัก ออกแนวใช้บ้าง หยุดบ้าง แต่จิตใต้สำนึกก็จะบอกเสมอว่า “คุณๆ อายุใช่น้อยแล้ว ดูแลชั้นหน่อย ชั้นย่นยู่ไปถึงไหนแล้วจ้ะคุณ” ก็ได้จ้ะแม่...และช่วงที่ผ่านมา งานเยอะพอสมควร นอนไม่หลับบ้าง หลับไม่สนิทบ้าง หลับ ๆ ตื่น ๆ บ้างทำให้ขอบตาล่างมีความหลินฮุ่ยอยู่ไม่น้อย
ต้องบอกก่อนว่าประมาณกลางปีที่แล้ว ผมมีไป Botox เก็บริ้วรอยบ้าง อายุปูนขนาดนี้แล้วเนอะ มันก็ต้องทั้งทา ทั้งฉีดแหล่ะครับ ซึ่งการฉีด Botox มันก็ช่วยให้ริ้วรอยมันเลือนไปได้บ้างอ่ะแหล่ะ แต่ตอนนี้ อันเนื่องมาจากพี่โค(วิด) ทำให้การนัดไปเพิ่มเติม series ใหม่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคลินิกปิดทุกหย่อมหญ้า...ผมเองก็เลยตัดสินใจ “ประวิงเวลา” ด้วยการจัดคุณ Light-pearl มาคู่กันไปเลย
Packaging: เรียบ หรู ดูแพง ตามสไตล์ตระกูล Génifique ครับ แต่สีขวดจะชัดเจนเลยว่าเป็นสีเทา ๆ เหลือบมุก สมชื่อ Pearl จริง ๆ (ของเค้าคิดมาแล้วอ่ะเนอะ)
Texture: สำหรับอันนี้เปิดออกมาเค้าจะมี Applicator ให้นะครับ ทรงมน ๆ คล้ายไข่มุก ที่คุณสามารถเอาไปวนที่ใต้ตาได้เลย เนื้อ Serum เป็นสีขาวขุ่น มีความเข้มข้นมากกว่า Serum นะครับ แต่ไม่หนัก เมื่อบวกกับความเย็นจาก Applicator ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาในวันที่คุณอาจจะต้องตกเป็นทาสโปรแกรม Zoom หรือ Google meet มาทั้งวันได้เป็นอย่างดี
ตอนแรกผมก็ลง Serum ที่ดวงตาตรง ๆ เลย แต่ด้วยหัว Applicator ที่ค่อนข้างใหญ่ มันเลยทำให้ได้ Serum ออกมาเยอะไปหน่อย หลัง ๆ ผมเลยลองเอามาป้ายที่นิ้วนาง แล้วค่อยเอาไปกดเบา ๆ ที่ตา ค่อยรู้สึกว่ามันโฟกัสส่วนได้มากกว่า แต่ถ้าคุณเอาผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะเกินไป ให้เอามาป้ายแถว ๆ ร่องแก้ม ร่องจมูก ร่องหน้าผากก็ได้ไม่ผิดกติกาครับ ผมว่ามันดีกว่าป้ายคืนลงไปในขวดเนอะ
ความรู้สึกหลังจากใช้:
อย่างที่บอกไปตอนแรก ผมใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาแบบใช้ ๆ หยุด ๆ ทำให้สองสามวันแรกยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอใช้มาสองสัปดาห์ ก็เริ่มเห็นผลในทางที่ดี เช่น ใต้ตาดูคล้ำน้อยลง รู้สึกว่าผิวรอบดวงตาชุ่มชื้นมากขึ้นครับ สำหรับตัวนื้ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ถ้าคุณอยากหา Skin care ดี ๆ ตัวช่วยดูแลผิวให้ดูดี และปลอบประโลมจิตใจไปในคราวเดียวกัน อยากให้พิจารณาตระกูล Genifique และรับเค้าไว้ในอ้อมใจอีกสักตัวนะครับ
เพิ่มเติมก่อนจาก.....
ต้องบอกว่าสำหรับ Serum ก่อนหน้าที่จะได้คุณทั้งสองนี้กลับมาใช้ ผมได้มีการหยับจับสลับไปสลับมาหลายตัวครับ ก็ของมันมีในท้องตลาดเยอะอ่ะเนอะ มีเปลี่ยนไปมาบ้าง ตามอารมณ์ แต่หลักสำคัญที่ผมใช้ในการพิจารณาว่าจะหยิบอะไรมาใช้วันนี้ คือ เช็คสภาพผิวของตัวเองครับว่า วันนี้แห้งมาก วันนี้เหนอะหน้า วันนี้รู้สึกกระด้าง หรือวันนี้อยากได้เบา ๆ ก็จะหยิบ Skin care ที่แก้ปัญหาที่ต้องการมาใช้ในวันนั้น ๆ ครับ
สิ่งที่ได้เขียนไป เป็นมุมมอง ความรู้สึก จริง ๆ ที่มีต่อผลิตภัณฑ์หลังจากที่ได้ใช้ไปแล้ว และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี ส่วนตัวคือจากสูตรก่อนหน้านี้ถึงสูตรใหม่ก็ไม่เคยผิดหวัง เลยเอามาแชร์ต่อ
ผลของการใช้แล้วแต่บุคคลนะครับ มันมีหลายปัจจัย รวมถึง Skin care routine ของแต่ละคน รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ผลที่ออกมาแต่ละคนมันก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวหรอกและที่สำคัญ ความพึงพอใจ ในผลิตภัณฑ์ใด ๆ มันก็อยู่ที่ว่าสิ่งที่ใช้ มันตอบโจทย์คุณหรือเปล่ามากกว่า ผมก็หวังแค่ว่า ข้อมูลนี้จะเป็นส่วนหนึ่งให้คุณอ่านเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกซื้อครับ
ที่สำคัญช่วงนี้ นอกเหนือจากผิวหน้า ดูแลสุขภาพจิตกันดี ๆ นะครับ เชื่อว่าทุกอย่างมันจะผ่านไป ถ้าเจอกันแถว ๆ Beauty Hall ก็อย่าลืมทักทายกันนะ....แล้วพบกันใหม่ครับ ^_^
ขอบคุณค่ะ