จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลง
จนล่าสุดทาง LANCOME ได้เปิดตัวเครื่องตรวจสภาพผิว LANCOME SKIN SCREEN ที่ทางแบรนด์เคลมว่าสามารถวิเคราะห์ได้ถึง 10 มิติ แถมยังจับโป๊ะได้แม้จะแต่งหน้ามาก็ตาม เอาหละซิ๊!! ออกตัวมาแบบนี้มีหรอที่จะรอดสายตาเราไปได้ ว่าแล้วเราไปดูโฉมหน้า LANCOME SKIN SCREEN และ ผลลัพธ์ที่บูมไปลองตรวจสภาพผิวมาดีกว่าฮะ...
LANCOME SKIN SCREEN
เทคโนโลยีตรวจสภาพผิวที่แม่นยำที่สุดของ LANCOME ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีแสง Tri-Polar เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวถึง 10 มิติ และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของคุณที่สุด
Let's Try LANCOME SKIN SCREEN
อย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่าเจ้าเครื่อง LANCOME SKIN SCREEN สามารถตรวจสภาพผิวได้แม้จะแต่งหน้ามาก็ตาม โดยในวันนี้เราลง Skincare ตามปกติและลงแป้งฝุ่นเบาๆ ปิดท้าย เรียกว่าค่อนข้างจะเป็นผิวอยู่พอสมควร
ซึ่งขั้นตอนในการตรวจสภาพผิวจะเริ่มต้นด้วยการเก็บผมบริเวณหน้าผาก แสงจาก Tri-Polar Technology จะฉายทั่วใบหน้าทั้งหน้าตรง ใบหน้าด้านซ้าย และด้านขวา ด้านละ 3 รอบ (โดยในรอบสุดท้ายจะมีความรู้สึกอุ่นเล็กน้อย) จากนั้นทางพนักงานจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งสภาพผิว ปัญหาผิวที่กังวล ตลอดจนขั้นตอนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เราใช้ในช่วงนี้
เมื่อได้ข้อมูลจากเครื่อง LANCOME SKIN SCREEN รวมกับข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดระบบก็จะวิเคราะห์ผลลัพธ์ทั้ง 10 มิติที่ประกอบด้วย - ความชุ่มชื้น, จุดด่างดำ, ความเรียบเนียน, รอยแดง, จุดด่างดำที่เกิดขึ้นใหม่, ความกระชับ, ริ้วรอย, รูขุมขนกว้าง, รูขุมขนอุดตัน และผลของรังสี UV โดยจะแสดงผลของแต่ละค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 0-100% พร้อมแบ่งกราฟเป็นแถบสี 3 สีคือ แดง-ส้ม-เขียว ซึ่งแบ่งเป็นคะแนนน้อย-ไปมากตามลำดับ
ทะด๊า!! และนี่คือผลตรวจสภาพผิวของเราด้วยเครื่อง LANCOME SKIN SCREEN บอกเลยว่าแอบประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเพราะก่อนที่เราจะรู้ผลเราแอบคิดว่าความชุ่มชื้นบนผิวเราน่าจะได้คะแนนสูงทีสุด ส่วนเรื่องอื่นๆ น่าจะไม่แดงก็ส้มแน่ๆ แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์กลับตรงข้ามเลยจ้า ซึ่งพอเราได้คุยกับทางพนักงานที่ตรวจสภาพผิวจึงเข้าใจว่าส่วนนึงน่าจะมาจากแป้งฝุ่นที่เราปัดมาในวันนี้ทำให้ผิวเรา Matte ขึ้นนั่นเองขอรับ ว่าแล้วเราก็มาดูผลแต่ละมิติกันแบบชัดๆ ดีกว่าว่าเป็นยังไงกันบ้าง
เริ่มกันที่ 3 มิติแรกนั่นคือ ความชุ่มชื้น - จุดด่างดำ - ความเนียนเรียบ
- ความชุ่มชื้น : จากที่เราเคยมองว่านี่คือจุดที่เราไม่น่ามีปัญหามากที่สุด กลับกลายเป็นจุดที่เราได้คะแนนน้อยที่สุดจากทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีแป้งฝุ่นอยู่บนใบหน้าก็ตาม ทำให้เรา Aware และปรับ Skincare ให้เหมาะกับปัญหาของเราได้ตรงจุดมากขึ้นเยอะเลยหละ
- จุดด่างดำ : แม้ว่าคะแนนจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่พอเห็นภาพที่ Scan ออกมาก็แอบเป็นกังวลเล็กๆ ด้วยความที่คะแนนค่อนข้างจะปริ่มๆ แถมใบหน้าด้านซ้ายเรายังเจอปัญหาเรื่องจุดด่างดำที่เยอะกว่าด้านขวาซะอีก
- ความเนียนเรียบ : ตรงจุดนี้หากสังเกตุบริเวณหว่างคิ้วจะเห็นว่าเครื่อง Detect บริเวณนั้นได้เยอะเป็นพิเศษ จากที่เราพูดคุยกับทางพนักงานคาดว่าน่าจะเพราะเส้นขนของเรามากกว่าที่เครื่องตรวจจับได้ (มนุษย์พันธ์ขนอย่างเราไม่รอดจ้า!)
ต่อด้วยมิติที่ 4-6 : รอยแดง - จุดด่างดำที่เกิดขึ้นใหม่ - ความกระชับ
- รอยแดง : เป็นตามที่เราคาดไว้ไม่มีผิด เพราะจากที่ LANCOME SKIN SCREEN ตรวจผิว ปัญหาของเราอยู่บริเวณจมูกซะเป็นส่วนใหญ่ ก็แน่หละเพราะคืนก่อนจะไปตรวจผิวเราเพิ่งกดสิวไปเอง (เป็นเศร้า หลอกเครื่องไม่ได้จริงๆ)
- จุดด่างดำที่เกิดขึ้นใหม่ : จุดนี้จะแสดงทั้งจุดด่างดำที่กำลังก่อตัวขึ้น เพื่อให้เราเตรียมรับมือ และดูแลก่อนที่น้องจะตั้งรกรากไม่ยอมย้ายออกจาใบหน้าของเราอย่างถาวร
- ความกระชับ : นี่เป็นอีกจุดที่ทำให้เราอดชื่นใจไม่ได้ เพราะช่วงนี้กำลังลองเทสต์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่อง Lifting อยู่ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นตัวการันตีอีกหนึ่งตัวที่แสดงให้เห็นว่า Item นั้น Effective กับผิวเราจริงๆ
มิติที่ 7-9 : ริ้วรอย - รูขุมขนกว้าง - รูขุมขนอุดตัน
- ริ้วรอย : ด้วยความที่ใบหน้าด้านซ้ายของเราเจอกับแสงแดดมากกว่าใบหน้าด้านขวา ทำให้ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าด้านซ้าย ชัดเจนกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหละ
- รูขุมขนกว้าง : เป็นไปตามคาดว่าบริเวณที่น่ามีปัญหามากที่สุดคงไม่พ้นจมูก และหน้าแก้ม ซึ่งจากผลวิเคราะห์ก็เป็นจริงตามนั้นทุกประการเลยแฮะ
- รูขุมขนอุดตัน : เหมือนโดนตอกย้ำอีกรอบด้วยเรื่องการอุดตันของรูขุมขนซึ่งก็เป็น Area เดิมคือจมูกและใบหน้าด้านซ้าย แต่ก็ทำให้เราดูแลผิวได้เหมาะสมมากขึ้นเลยทีเดียวหละ
มาถึงผลลัพธ์มิติที่ 10 คือ ผลของรังสี UV ซึ่งเราทำคะแนนแซงทุกมิติด้วยคะแนน 97% แน่นอนว่าการที่จะได้ผลลัพธ์แบบนี้ย่อมมาจากการเลือกใช้ Sunscreen ที่มีประสิทธิภาพ ในปริมาณที่เพียงพอ ที่เราพยายามทำมาโดยตลอด เรียกว่าไม่เสียแรงจริงๆ แหละขอรับ
เมื่อแสดงผลวิเคราะห์ปัญหาผิวทั้ง 10 มิติแล้ว ระบบก็จะแนะนำปัญหาหลักของผิว ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหานั้นๆ ในแบบฉบับของ LANCOME ซึ่งเราแอบเห็น 2 ไลน์ไอเทมที่น่าลองมากๆ อย่าง CLARIFIQUE และ GENIFIQUE Sensitive ที่น่าจะปัญหาผิวบางประการของเราได้ เอาไว้เรามีโอกาสได้ลองเล่นแล้วจะมาอัพเดทให้ฟังกันอีกทีแล้วกันฮะ
เป็นอย่างไรบ้างครับ ตอนนี้เราเชื่อว่าหลายคนแอบกังวลแล้วหละซิ แต่เราอยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะการที่เรารู้ว่าผิวเรามีปัญหาตรงจุดไหนบ้าง ทำให้การดูแลผิวและการเตรียม Skincare ทำได้ง่ายขึ้นเยอะเลยแหละ แถมหลังจากที่ปรับ Skincare และ Life Style ไปแล้วเรายังสามารถกลับมาตรวจผิวด้วย LANCOME SKIN SCREEN ได้ตลอดเวลาเลยหละครับ แต่ส่วนตัวแล้วเราแนะนำให้ Re-Check เดือนละ 1 ครั้งน่าจะกำลังเน้อ
เอาเป็นว่าใครไปลองแล้วก็มาเม้าท์มอยให้ฟังบ้างนะครับว่าเป็นยังไงบ้าง ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เราคิดไว้ก่อนตรวจหรือเปล่า หรือใครที่ลองแกล้งเครื่อง LANCOME SKIN SCREEN ด้วยการแต่งหน้าแบบจัดเต็มไปเทสต์ แล้วผลเป็นอย่างไรบ้างมาเล่าให้เราฟังบ้างนะค๊าบ