จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงยังคงยืนยันว่า “ความชุ่มชื้นเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพผิวที่ดี”
ทั้งกลไกกระบวนการการทำงานต่างๆ ของผิวและการแก้ไขปัญหาผิวส่วนใหญ่ล้วนต้องการความชุ่มชื้นมาเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เราถึงต้องคอยดูแลรักษาน้ำและน้ำมันในผิวให้อยู่ในระดับที่สมดุลอยู่เสมอ ตั้งแต่การทำความสะอาดผิวด้วยคลีนเซอร์อ่อนโยนไม่ให้ผิวเสียสมดุล ไปจนหาตัวช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว อย่าง Sa.Cha Horse Placenta Hyaluron Serum ไฮยา 3 โมเลกุล รกม้า
(บอกก่อนว่า ถึงแม้เราจะรู้จักกับพี่เจ้าของแบรนด์เป็นการส่วนตัว แต่จะรีวิวตามจริงแน่นอน)
ทำความรู้จักกับแบรนด์ Sa.Cha
Sa.Cha เป็นแบรนด์ไทยที่ขายมานานหลายปี แต่ไม่ค่อยทำการตลาดเท่าไหร่ ซึ่งพี่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำตั้งแต่เป็น R&D คิดสูตร ติดต่อนำเข้าส่วนประกอบจากต่างประเทศ (ส่วนใหญ่ใช้เกรดยุโรป ญี่ปุ่นตัวที่ได้รางวัล) ทำเองแทบทุกขั้นตอน มีทำงานร่วมกับองค์กรของรัฐบ้างบางโอกาส และจุดเด่นของแบรนด์นี้คือ ใส่ส่วนประกอบมาในระดับที่แอคทีฟกับผิว ผ่านเทคโนโลยี Nano Encapsulation มีการผลิตที่ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สังกัด สวทช เพราะงั้นก็มั่นใจในความปลอดภัย และความสม่ำเสมอของตัวสินค้าได้เลย
Sa.Cha Horse Placenta Hyaluron Serum
ส่วนเซรั่มไฮยารกม้า Sa.Cha ตัวนี้ เป็นเซรั่มตัวฮิตสุด (ถึงขั้นของหมดเป็นบางช่วง) เน้นส่วนประกอบของรกม้า ฮอกไกโด ที่ผ่านการสกัดแบบพิเศษ ทำให้ได้ Super Amino Acid และ Growth factor ทำงานร่วมกับ Hyaluron 3 ชนิด (ในปริมาณที่ Maximum Dose ที่ผู้ผลิต Hyaluron กำหนดเกือบทุกตัว) B3 และ Omega 3 ช่วยทั้งเรื่องฟื้นฟูผิวให้อิ่มฟู กระจ่างใส เติมร่องลึก ลดสิว และฝ้ากระ ทาแป้งติดนาน
ในเรื่องของส่วนประกอบ
สารแอคทีฟตัวชูอย่าง Saccharomyces/Black Strap Powder/Placental Extract Ferment Filtrate รกม้าของเขา เป็น SA amino acid จาก Fermentation ใส่มาลำดับ 2 รองจากน้ำถือว่า ค่อนข้างเข้มข้นคาดหวังผลตามที่เคลมได้ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวร่วมกับไฮยา 3 ขนาดโมเลกุล คือ Sodium Hyaluronate ไฮยาขนาดใหญ่ , Hydrolyzed Sodium Hyaluronate ไฮยาขนาดเล็กลงมาหน่อย, Hydrolyzed Hyaluronic Acid ขนาดจิ๋ว Niacinamide ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น อย่างที่บอกไปแล้วว่า สารแอคทีฟในแบรนด์นี้ผ่านการทำ Nano Encapsulation (เหมือนเก็บล็อคในแคปซูล) ทำให้ปล่อยสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ สารแต่งสี แต่งกลิ่น พาราเบน ฯลฯ และสารอันตรายอื่นๆ
เนื้อสัมผัส : ซา.ช่า Horse Placenta เนื้อเซรั่มใสค่อนข้างเข้มข้น เกือบจะกึ่งเจลนิดๆ ให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างดี และซึมไวมากๆ ไม่เหนอะหนะ ลงตอนเช้าก่อนแต่งหน้า-ก่อนนอนได้ สบายผิว เมคอัพติดผิวมากขึ้น ใครที่ปกติใช้สกินแคร์ตัวอื่นๆ ด้วยสามารถใช้ตัวนี้เป็นพรีเซรั่มก่อนตัวอื่นได้ และไม่มีกลิ่นค่ะ (สำหรับคนผิวมันช่วงกลางวันทาเพียวๆ และตามด้วยกันแดดได้เลย ใช้ไปสักพักจะรู้สึกว่าหน้ามันระหว่างวันน้อยลง และหน้าจะนุ่ม เรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆ)
สำหรับคนผิวแห้ง หรือคนที่อายุ 40 แนะใช้คู่
SA.CHA Whitening&Repair Cream
ครีมบำรุงผิวหน้า Sa.Cha เพื่อความชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ และกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ด้วยไฮยาลูรอน 6 ชนิด เพิ่มความกระจ่างใสด้วย Ascorbyl Glucoside (Vitamin c), Alpha Arbutin, Niacinamide (Vitamin B3) สารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ จากญี่ปุ่นและเกาหลีอีก 4 ชนิด เน้นเรื่องฟื้นฟูผิว และผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน แน่นอนว่า สารเหล่านี้ มาในรูปแบบ nano-encapsulation ที่ผ่านการชนะรางวัลประกวดนวัตกรรมที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ด้วย (มาใน Concept เดียวกับ serum คือ ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่มีสารอันตรายใดๆ เช่นกัน)
.
เนื้อสัมผัส : เนื้อครีมเข้มข้นสีเหลืองอ่อน (เข้มข้นในขนาดที่คว่ำกระปุกแล้วไม่หกเลย) ช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี แต่ไม่เหนอะหนะหรืออุดตัน หลังทาจะมีความชุ่มชื้นคลุมที่ผิวอยู่บางๆ ไม่ได้ซึมแห้งจนหายไป ส่วนตัวผิวผสมใช้ได้ทั้งเช้า-ก่อนนอน แต่ถ้ากลัวหนักผิวระหว่างวัน อาจจะทาแค่ตอนกลางคืนอย่างเดียวก็ได้ค่ะ กลิ่นสะอาดแบบสกินแคร์ที่ไม่ได้ผ่านการแต่งกลิ่น
ความเห็นส่วนตัว : เท่าที่ลองใช้มา 2 สัปดาห์ เนื้อสัมผัสถือว่า ชุ่มชื้นดี แต่สบายผิว โดยเฉพาะตัว Sa.Cha Horse Placenta Hyaluron Serum ใช้ต่อเนื่องไม่นานก็จะรู้สึกเลยว่า ผิวนุ่มชุ่มชื้น และอิ่มฟูมากขึ้น ยิ่งใช้ควบคู่กับตัว Whitening&Repair Cream ผิวยิ่งดูสุขภาพดี สีผิวมีความสม่ำเสมอ และเปล่งปลั่ง สัมผัสได้ว่า กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี เพราะนอนห้องแอร์แล้ว ผิวยังนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง
.
ส่วนตัวเรา(ผิวผสม)ชอบตัวเซรั่มไฮยารกม้า เพราะดีเกินราคา หยิบไปปรับในรูทีนง่าย ใช้เสริมสกินแคร์ตัวอื่นแล้วผิวดีขึ้นได้อีก ส่วนครีม Whitening&Repair แม้จะราคาสูงกว่าไลน์อื่น แต่เทียบกับส่วนประกอบ ผลลัพธ์ก็ถือว่าคุ้มค่ะ
.
ส่วนคุณแม่(ผิวมัน อายุ 55 ปี) ที่ได้ลองด้วย รู้สึกว่า ผิวมีความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และยืดหยุ่น ดูผิวยับน้อยกว่าก่อนใช้ เรื่องรูขุมขนยังคงเห็นชัดอยู่ตามพื้นฐานผิวเดิมแต่ดูดีขึ้น สีผิวดูความสม่ำเสมอมากขึ้น คุณแม่แอบชอบทั้งคู่เหมือนกันแต่ชอบตัว ครีม Whitening&Repair มากกว่า เซรั่มเล็กน้อยค่ะ เพราะลงตัวเดียวจบได้เลย
สำหรับใครที่สนใจตัวสกินแคร์ หรืออยากลองปรึกษาปัญหาผิวก็ลองทักไปคุยผ่านทาง Official เพจของแบรนด์ได้เลยนะคะ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองกัน เพราะพี่เขาอาจจะไม่ได้เน้นทำการตลาดมาก แต่เท่าที่เราได้มีโอกาสลองโปรดักซ์ถือว่า โอเคใช้ได้เลย ยังไงก็ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า รักรักรัก <3