รีวิวเปรียบเทียบเจลลดรอยแผลเป็น 2 ยี่ห้อดัง Puricas Advanced VS Hiruscar ตัวไหนปัง...ตัวไหนพัง!! มาดูกันจ้า

พอพูดถึงรอยแผลเป็น ทุกคนต้องกุมขมับแน่ๆ เพราะขึ้นชื่อว่าหายยากกก แต่ถ้าเราดูแลรักษาดีๆ มันก็หายได้นะทุกคน เพราะฉะนั้นอย่าท้อค่ะ วันนี้เรามีไอเท็มเด็ดที่ใช้จริงมาแนะนำสำหรับคนที่มีปัญหารอยแผลเป็น จากประสบการณ์จริงของคนที่เคยผ่าตัด!! จะรีวิวเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ เลยว่าเจลลดรอยแผลเป็น 2 แบรนด์สุดฮิต ตัวไหนใช้แล้วเป็นยังไง

คือเรามีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด จึงเป็นที่มาของแผลเป็นใต้รักแร้ทั้งสองข้าง เห็นเป็นเส้นยาวๆ สีคล้ำๆ จับแล้วจะรู้สึกถึงความนูนและมีความแข็งเล็กน้อย ด้วยความที่เราเป็นคนน้ำเหลืองไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย ทำให้แผลเป็นค่อนข้างฟื้นตัวช้าค่ะ

ตั้งแต่มีรอยแผลเป็น เราก็ขาดความมั่นใจ ไม่ค่อยกล้าใส่เสื้อแขนกุดหรือสายเดี่ยวเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะกลัวว่าเวลายกไม้ยกมือแล้วจะเห็นรอยแผลเป็นอันไม่พึงประสงค์ เลยต้องหาเจลที่ช่วยลดรอยแผลเป็นมาใช้ ก่อนหน้านี้ลองใช้มาหลายยี่ห้อแล้ว ตัวไหนที่ใครว่าดีเราตามหมด บางตัวเห็นผล บางตัวไม่เห็นผลก็มีค่ะ วันนี้เราเลยคัด 2 ตัวที่ใช้แล้วเวิร์คจริงๆ มาเป็นตัวเลือกให้เพื่อนๆ ที่กังวลใจกับรอยแผลเป็นเหมือนเราค่ะ เทียบกันแต่ละหัวข้อไปเลยระหว่าง PURICAS PLUS ADVANCED DRAGON’S BLOOD C&E SCAR GEL กับ HIRUSCAR SILICONE PRO ตัวไหนปัง…ตัวไหนพัง!! มาดูกันค่ะ

เนื้อสัมผัส >> ก่อนอื่นมาเทียบกันในเรื่องของเนื้อสัมผัส และกลิ่นกันค่ะ

PURICAS ADVANCED: เนื้อเป็นแบบเจล สีออกน้ำตาลใส ไม่มีกลิ่น เรื่องความเกลี่ยง่ายต้องยกให้เลย เกลี่ยง่ายสุดๆ ทาแล้วซึมลงสู่ผิวทันที ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้เลย สามารถแต่งตัวต่อได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นคราบติดเสื้อผ้าค่ะ

HIRUSCAR: เนื้อเป็นแบบเจลเหมือนกัน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เกลี่ยไม่ยาก แต่เนื้อสัมผัสมีความเหนียวข้นมากกว่า ทาแล้วเหมือนเนื้อเจลเคลือบอยู่บนผิว ค่อนข้างแห้งเร็ว แต่ไม่ได้ซึมทันทีเหมือนตัวแรก ถ้าจะใส่เสื้อผ้าอาจต้องทิ้งไว้แปบนึงก่อนค่ะ

ส่วนผสม >> มาดูส่วนผสมของแต่ละแบรนด์กันต่อเลยค่ะ

PURICAS ADVANCED: ตัวนี้นำเข้าจากสเปน ที่ชอบมากเลยคือส่วนผสมเป็นดราก้อนบลัดออร์แกนิก 100% สูตรเข้มข้น มีส่วนผสมหลักอย่าง VITAMIN C และ E ที่ช่วยสมานผิว ลดเลือนให้รอยแผลเป็นจางลง เรียบเนียน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ความดีงามอีกอย่างนึงของเจ้าตัวนี้คือ ไม่มีส่วนผสมที่เป็นสารเคมีอย่างพาราเบน / แอลกอฮอล์ / ซิลิโคน / สเตียรอยด์ รวมถึงน้ำหอมด้วย ที่สำคัญคือไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวด้วย เราใช้ตัวนี้มาสักพักนึงแล้ว คอนเฟิร์มเลยว่าปลอดภัย ไม่แพ้แน่นอนค่ะ

HIRUSCAR: ตัวนี้นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ มีส่วนผสมหลักๆ 2 ตัว คือ GLYCOSAMINOGLYCANS (MPS) และ VITAMIN C ที่มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นให้สีดูจางลง แผลเป็นอ่อนนุ่มขึ้น และช่วยบรรเทาอาการคันที่แผลด้วยค่ะ คนที่มีแผลเป็นจะรู้เลยว่าบางครั้งจะมีอาการคันที่เกิดจากความแห้งตึงของแผล ซึ่งตัวนี้ใช้แล้วอาการลดน้อยลงจริงๆ ค่ะ ชอบมาก

วิธีใช้

เราใช้ทาบริเวณที่มีรอยแผลเป็น 2 เวลา เช้า-เย็นตามปกติค่ะ และทั้งสองตัวใช้ได้กับแผลเป็นประเภทต่างๆ เหมือนกัน เช่น แผลเป็นจากอุบัติเหตุ แผลเป็นจากการผ่าตัด แผลคีลอยด์ แผลนูน แผลเป็นบนใบหน้า หรือรอยขีดข่วนต่างๆ แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่การใช้กับรอยแผลใหม่ค่ะ

PURICAS ADVANCED: ตัวนี้สามารถใช้กับแผลใหม่ได้ตั้งแต่ก่อนที่แผลจะตกสะเก็ด หรือเวลาที่เรามีแผลสด หลังทำความสะอาดแล้วก็ทาตัวนี้ได้เลย จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและสมานแผลให้หายเร็วขึ้นค่ะ

HIRUSCAR: ตัวนี้จะใช้ได้หลังแผลเป็นตกสะเก็ด ก็คือใช้ได้กับแผลเป็นเท่านั้นค่ะ

ผลลัพธ์ >> หลังจากใช้มาประมาณครึ่งเดือน มาดูความเปลี่ยนแปลงของรอยแผลเป็นทั้งสองข้างกันค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้างงง

PURICAS ADVANCED: เราให้ 4.8/5 คะแนนค่ะ ผลลัพธ์ถือว่าประทับใจมากกก เห็นชัดเลยว่าสีของแผลเป็นดูจางลงไปเยอะ ลองสัมผัสที่แผลเป็นแล้วรู้สึกว่าเรียบเนียนขึ้นมาก และไม่รู้สึกแห้งตึงด้วยค่ะ เมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ได้ทา

HIRUSCAR: ตัวนี้ให้ 4/5 คะแนนค่ะ สีของรอยแผลเป็นจางลงเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่ากับตัวแรก และรู้สึกว่าข้างนี้แผลเป็นอ่อนนุ่มขึ้น สัมผัสแล้วไม่แข็งเหมือนทีแรก ที่สำคัญคือทาแล้วไม่คันจริงๆ ค่ะ 555 อันนี้คอนเฟิร์มเลย

ความคุ้มค่า

ใครที่อยากลองใช้สองตัวนี้ หาซื้อไม่ยากค่ะ มีขายตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา และช่องทางออนไลน์ต่างๆ แต่ถ้าถามถึงความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาและผลลัพธ์ มาดูสรุปกันค่ะ

PURICAS ADVANCED: ขนาด 9 กรัม ราคา 380 บาท ถือว่าคุณภาพสมราคาค่ะ คุ้มค่าแน่นอนเพราะผลลัพธ์คือยืนหนึ่ง!! เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้ ใครที่มีรอยแผลเป็นควรค่าแก่การซื้อติดกระเป๋าไว้เลยค่ะ

HIRUSCAR: ขนาด 4 กรัม ราคา 310 บาท ถ้าเทียบกับตัวแรกก็แพงกว่าเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ และต้องใช้เวลานานกว่าด้วยถึงจะเห็นผล แต่ถ้าใครมีปัญหาเรื่องคันบริเวณแผลเป็น ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ

จบกันไปแล้วนะคะสำหรับการรีวิวเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบชัดๆ ในแต่ละหัวข้อของเจลลดรอยแผลเป็น 2 ตัวดัง หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกใช้ตัวช่วยดีๆ ในการรักษารอยแผลเป็นสำหรับเพื่อนๆ ที่มีปัญหาเดียวกันนะคะ ส่วนเรามีตัวเลือกในใจแล้วว่าจะไปต่อกับตัวไหนดี ตอนนี้รอยแผลเป็นเริ่มจางลง เราก็มั่นใจมากขึ้นค่ะ กล้าใส่เสื้อผ้าที่โชว์รักแร้บ่อยขึ้นด้วย อิอิ หากมีไอเท็มอื่นๆ ที่ว่าเด็ด เราไม่พลาดที่จะมารีวิวให้รับชมกันอีกแน่นอนค่า