จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงสำหรับตัวพลอยนั้นก็มีสภาพผิวแบบผสม ค่อนข้างมันง่าย และมีปัญหาเป็นสิว แพ้ได้ง่าย ดังนั้นสกินแคร์ที่พลอยเลือกใช้เสียส่วนใหญ่จึงเป็นสกินแคร์แบบเนื้อครีมเจล เนื้อโซลูชั่น เป็นต้น และใช้แล้วต้องไม่เสี่ยงอุดตัน ไม่มีสารก่อระคายเคืองผิวนั่นเอง
ซึ่งในวันนี้พลอยก็มีสกินแคร์เพื่อผิวกระจ่างใส ลดปัญหาสิว ลดรอยดำแดง แบรนด์คนไทยราคาย่อมเยาที่พลอยใช้แล้วชอบมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ...
“มะลิ”
เซ็ตสกินแคร์เพื่อผิวกระจ่างใส ลดสิว สูตรอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว ที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิว มอบความชุ่มชื้น ลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และกระชับรูขุมขน
:: ส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ::
Jasmine Extract - สารกลุ่ม Flavonoid หรือ Vitamin P ที่พบในดอกมะลิ มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
Scutellaria baicalensis - สารสกัดจากพืชสมุนไพรรากสคิวลาเลีย ไบคาเลนซิส มีคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดระคายเคืองจากอาการแพ้ของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังผสานการทำงานร่วมกับสารสกัดอื่นๆเช่น Vitamin C, Vitamin B3, Rosemarinus officinalis, Camellia sinensis, Polygonum cuspidatum และ Rainbow Algae Extract เป็นต้น ที่ช่วยลดปัญหาสิว ลดการระคายเคืองผิว รวมถึงลดรอยสิว รอยดำ รอยแดง จุดด่างดำให้ดูจางลง ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีขึ้น
จุดเด่นของสกินแคร์แบรนด์มะลิ คือ ปราศจากแอลกอฮอล์ สี พาราเบนและสารอันตราย จึงค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
สกินแคร์มะลิจะประกอบไปด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ คือ บูสเตอร์เซรั่ม และบูสเตอร์ครีม ซึ่งแค่ใช้เพียงทั้ง 2 ตัวร่วมกันเป็นประจำทุกวันหลังทำความสะอาดผิวหน้าตอนเช้ากับตอนเย็นก็เพียงพอต่อการดูแลผิวแล้วล่ะ เพราะในอากาศร้อนๆแบบนี้ถ้าบำรุงผิวด้วยสกินแคร์มากมายหลายขั้นตอนมากเกินไป อาจจะทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะผิวได้ (ซึ่งพลอยเป็นคนผิวมันง่ายช่วงทีโซนจึงไม่ค่อยชอบทำสกินแคร์หลายตัวในช่วงนี้ค่ะ)
อีกทั้งยังเป็นสกินแคร์แบรนด์คนไทยที่ราคาเพียงเซ็ตละ 290 บาท ที่นักเรียน วัยทำงาน หรือมีงบน้อยก็สามารถซื้อใช้ได้แบบสบายกระเป๋า และยังสามารถใช้ได้นานประมาณ 2 - 3 สัปดาห์
:: เนื้อสัมผัสของบูสเตอร์เซรั่ม ::
เนื้อเซรั่มใส ไร้สี หอมกลิ่นมะลิอ่อนๆ มีความเหลวแต่ไม่ถึงขั้นเหลวเป็นน้ำ ตัวนี้เกลี่ยแล้วซึมเข้าผิวได้ไวทันที หลังทาจึงรู้สึกเบาสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะผิวเลย ทั้งยังทำให้ผิวหลังทารู้สึกชุ่มชื้นขึ้น
:: เนื้อสัมผัสของบูสเตอร์ครีม ::
ครีมเนื้อสัมผัสแบบเจล ไม่มีสี มีความเข้มข้นแต่บางเบา และยังเกลี่ยง่าย ซึมไวไม่แพ้กันกับตัวเซรั่ม และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของมะลิที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยล่ะ พอทาลงบนผิวแล้วก็ยังช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นแต่ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะด้วย
:: วิธีใช้ ::
หลังทำความสะอาดผิวตอนเช้า - ตอนเย็น และหลังจากเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์ที่ใช้เป็นประจำแล้ว ก็หยดเซรั่มมะลิลงบนฝ่ามือประมาณ 2 - 3 หยดแล้วลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ จากนั้นก็แต้มครีมมะลิลงบนผิวหน้า 5 จุด ได้แก่ หน้าผาก แก้ม 2 ข้าง จมูก คาง แล้วทาให้ทั่วจนถึงลำคอ
:: ผลลัพธ์และความรู้สึกหลังใช้ ::
ถึงแม้จะเป็นสกินแคร์แบรนด์คนไทยที่ราคาย่อมเยา แต่พลอยบอกเลยว่าใช้ดีไม่แพ้แบรนด์ที่มีราคาสูงเลย อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่บางเบาซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แถมทาแล้วไม่ทำให้ผิวของพลอยนั้นมันเยิ้มเพิ่มในระหว่างวัน และเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็รู้สึกเลยว่าผิวที่ดูเคยดูโทรม มีรอยสิว ก็ค่อยๆแลดูสุขภาพดีขึ้น จุดด่างดำค่อยๆลดเลือน อีกทั้งยังไม่รู้สึกระคายเคืองผิว หรือ มีสิวอุดตันเกิดขึ้น
ที่สำคัญแพคเก็จก็มีขนาดน่ารัก น้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการสะดวกพกพาเวลาที่ต้องเดินทางไปธุระมากๆเลยล่ะ
ซึ่งเพื่อนๆคนใดที่สนใจ และกำลังมองหาสกินแคร์บำรุงผิวที่ราคาย่อมเยา ใช้แล้วไม่แพ้ระคายเคือง ไม่ทำให้เกิดการอุดตันผิว แล้วยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆของเมืองไทยตอนนี้พลอยแนะนำ “Malii” ทั้ง 2 ตัวนี้เลยค่ะ
หวังว่ารีวิวของพลอยจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวของพลอยกันน้า :)
โลโก้ดูละมุนมากค่ะ