จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงช่วงนี้ใบหน้าเราเหมือนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก สิวขึ้นสลับกันวนลูปแบบไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจากที่เราได้ปรึกษาคุณหมอก็ได้ข้อสรุปว่าเกิดจากฝุ่นละออง และมลภาวะต่างๆ จนเราต้องเริ่มใช้ยาในการรักษาสิว แน่นอนว่าผลลัพธ์ด้วยการใช้ยาก็ดีขึ้นตามระเบียบ แต่สิ่งที่ตามมาคือผิวที่เสียสมดุลไม่ว่าจะเป็นความแห้งกร้านที่เห็นได้ชัด รวมถึงอาการระคายเคือง แต่เหมือนสวรรค์ทรงโปรดเพราะทาง innisfree ได้ส่ง Green Tea Seed Serum มาให้เราได้ลองใช้พอดี เลยถือโอกาสนี้หยิบมาฟื้นฟูปราการผิว ซ่อมผิวที่แห้งกร้านระคายเคืองกันดูฮะ
innisfree Green Tea Seed Serum (80ml./1,000.-)
The Claim : Green Tea Seed Serum เจเนเรชั่น 4 ที่พัฒนาส่วนผสม โดยเน้น Green Tea Biome ซึ่งทางแบรนด์ระบุว่าเป็นกรีนทีไบโอม ไมโครไบโอติกส์ 3 ชนิด และกรดไฮยาลูรอนถึง 5 ชนิด ช่วยเสริมเกราะป้องกันความชื้นที่ดูแลความเสียหาย มอบความชุ่มชื้นและลดปัญหาที่เกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นบนผิว และให้ผิวผ่อนคลายโดยไม่แห้งกร้าน อีกทั้งยังช่วยลดผลกรทบจากการกระตุ้นจากภายนอก
Texture / Scent / Packaging
- Texture : เนื้อสัมผัสในรูปแบบเจลที่ค่อนข้างบางเบา ซึมไว เมื่อเซทตัวแล้วไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะเอาไว้บนผิว
- Scent : กลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ซึ่งแน่นอนว่าเซรั่มขวดนี้มีส่วนผสมของ Fragrance Component แต่จากที่เราลองใช้มายังไม่พบอาการแพ้/ระคายเคืองครับ
- Packaging : บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบขวดปั๊มพลาสติกที่สามารถหมุนส่วนหัวเพื่อทำการเปิด-ปิด ไม่ให้เผลอไปกดโดน ถือว่าดีไซน์ออกมาได้ดีทีเดียว
Active Ingredients
อันที่จริง innisfree Green Tea Seed Serum ขวดนี้มีส่วนผสมที่มีประโยชน์กับผิวค่อนข้างเยอะ แต่จะให้เราลิสต์ออกมาทั้งหมดก็คงจะยาวเกินไปแน่ๆ ดังนั้นเราเลยลิสต์ตัวที่เราคิดว่าน่าสนใจออกมา 3-4 ตัวแล้วกันฮะ
- Camellia Sinensis Seed Oil : จากที่เราหาข้อมูลพบว่านอกจากจะมี Oleic acid ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีแล้ว ทางผู้ผลิตยังเคลมในเรื่องการใช้รักษา atopic skin dermatitis (หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง) ได้อีกด้วย
- Lactobacillus Ferment Lysate : จุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการหมักบ่ม ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่ามันช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวระดับ DNA (แต่ยังไม่มีข้อมูลใดมารับรองครับ) และยังช่วยกระตุ้นการสร้าง anti-microbial peptides เพื่อป้องกันผิวจากเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
- Hydrolyzed Hyaluronic Acid : เท่าที่เราทราบทางแบรนด์ใส่ Hya เข้ามาถึง 5 ขนาดด้วยกัน ซึ่งอย่างที่เรารู้อยู่แล้วว่ามันทำหน้าที่เป็น Humectant ปกป้องโครงสร้างของเซลล์ผิวโดยเมื่อเรามีอายุมากขึ้น Hyaluronic Acid จะมีปริมาณลดลงทำให้ผิวเริ่มขาดน้ำและเกิดริ้วรอยขึ้น การใช้ Hyaluronic Acid บนผิวสามารถเสริมสร้างให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น และลดริ้วรอยที่อาจเกิดขึ้นได้
- Camellia Sinensis Leaf Extract : สารสกัดจากใบชาเขียว ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยลดการระคายเคืองบบผิว และลดการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย
Applied...
เราได้ลองใช้ innisfree Grean Tea Seed Serum ประมาณ 5 วันหลังจากที่ได้มา โดยทาทั่วใบหน้าและลำคอเป็นประจำเช้า-ก่อนนอน และจะเน้นเป็นพิเศษบริเวณที่มีการอักเสบของสิวพบว่า...
อาการระคายเคือง และอาการอักเสบที่เกิดจากสิวดูเหมือนว่าจะค่อยๆ ลดลง แต่ทั้งนี้ก็อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าช่วงนี้เราใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นยารักษาสิวร่วมด้วยดังนั้นจึงไม่อยากฟันธงซะทีเดียวว่าผลลัพธ์ดังกล่าวมาจากเซรั่มตัวนี้อย่างเดียว แต่ที่รู้สึกได้แน่ๆ คือ ความแห้งกร้านบนผิวที่ควรจะมีเมื่อใช้ยารักษาสิวนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเมื่อใช้ร่วมกับเซรั่มขวดนี้ แถมในช่วง 5 วันที่ผ่านมานี้เรายังไม่พบสิวใหม่บนผิวเลย ซึ่งหากเป็นช่วงก่อนหน้านี้ด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะจากการก่อสร้างแถวบ้านขนาดนี้ จะมีสิวอุดตัน/อักเสบผุดขึ้นมาโบกไม้โบกมือทักทายเราแล้ว นับว่าค่อนข้างเป็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจทีเดียวแฮะ
โดยรวมเรามองว่า innisfree Grean Tea Seed Serum เป็นเซรั่มอีกหนึ่งตัวที่นอกจากจะช่วยมอบความชุ่มชื้นได้ดีแต่ไม่หนักผิวแล้ว เมื่อพิจารณาจากส่วนผสมที่ใส่เข้ามายังสามารถคาดหวังผลในเรื่องการลดการระคายเคือง ลดการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระและที่สำคัญคือช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นเพื่อรับมือกับมลภาวะและปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามากระทบผิวได้ค่อนข้างดีทีเดียวขอรับ
แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ