จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงสวัสดีค่ะทุกคน ตื่นเต้นจังเลย เพิ่งได้มีโอกาสมาตั้งกระทู้ครั้งแรกบน Cosmenet
จ๋าขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนไว้ด้วยกระทู้นี้นะคะ
สองสามเดือนมานี้จ๋าแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ (เชื่อว่าหลายคนก็คงคล้ายกัน) หมกตัวอยู่บ้านทั้งวัน ทำงานก็ Work from home วนไปวันแล้ววันเล่า
กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางก็ลดลง.. สำหรับคนที่เก็บเงินเก่ง ๆ จ๋าว่าใช้โอกาสนี้ในการออมเงินได้เลยนะคะ แต่ไม่ใช่สำหรับจ๋าค่ะ!! ช่วงที่ผ่านมานอกเหนือจากทำงาน กิจวัตรอีกอย่างของจ๋าก็คือ การไถ Feed ใน Social Media ไปเรื่อย จ๋าก็ไปเจอรีวิวของเหล่าพี่น้องชาวเน็ตกล่าวขานถึงเจ้า Skincare ที่จ๋าก็โดนป้ายยามาเรียบร้อย จนท้ายที่สุดก็ลองสอยตามเค้ามา แล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้การละ ฉันขอมาป้ายยาคนอื่นต่อบ้าง เพราะเราจะไม่เสียทรัพย์คนเดียว ฮี่ ๆๆๆ
โฉมหน้าตัวการในการเสียทรัพย์ครั้งใหญ่ในรอบหลายเดือนของจ๋า นั่นก็คือน้อง ๆ Aesop 2 กระปุกนี้ค่ะ
ก่อนจะอวยยศ ต้องบอกก่อนว่า Aesop เป็นแบรนด์ที่ผ่านตาจ๋ามาตลอด ผลิตภัณฑ์ของเค้าก็มีหลากหลายมากกก ซึ่งจ๋าก็ไม่เคยศึกษาอะไรเพิ่มเติม จนกระทั่ง... นั่นแหละค่ะ ความเป็นมิสเงินเหลือ เสียงลือเสียงเล่าอ้างของชาวเน็ตทำให้เราได้เจอกัน
ขอเล่าถึงสภาพผิวของจ๋าก่อนนะคะ
- จ๋าเป็นคนผิวแห้ง มีลอกเป็นขุยบ้างตามสภาพอากาศและการพักผ่อน
- ความกระชับของรูขุมขน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการผักผ่อนอีกเช่นกัน
- จุดด่างดำ รอยสิว ช่วงนี้มีน้อยมาก มีแต่ใต้ตาดำ ๆ ที่น่าจะรักเรามาก และดูเหมือนเค้าจะอยากอยู่กับเราตลอดไป T__T
น้องคนแรก Aesop B & C Facial Balancing Gel (ขนาด 60ml. ราคา 4,050บาท)
เค้าเป็น Moisturizer สูตรเจลใส ๆ แต่เนื้อสัมผัสมีความหนืดคล้ายน้ำผึ้งค่ะ ส่วนตัวจ๋าชอบกลิ่นของเค้า เปิดมาดมก็คือฟินน
คุณสมบัติของเค้า
หลักๆคือช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส มีวิตามินแบบจุก ๆ ทั้ง B, C มีส่วนช่วยให้รอยสิวต่าง ๆ จางลง และที่สำคัญ (อันนี้จ๋าชอบสุด) เค้าทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำค่ะ มิสผิวแห้งแบบจ๋าเลิฟมากกก ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น ไม่แห้ง ไม่มัน เป็นผิวค่ากลางมีสมดุลที่ดีย์!! เท่าที่จ๋าหาข้อมูลมาเพิ่มเติม น้องคนนี้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยนะคะ
อย่างที่จ๋าบอกไปว่าเนื้อสัมผัสของเค้าค่อนข้างหนืด ถ้าเราแตะขึ้นมาแล้วทาไปบนหน้าเลย โอ้โหทุกคน หยุดค่ะ อย่าพลาดแบบจ๋า เพราะจ๋าแตะปุ๊บปาดบนหน้าปั๊บมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนืดซะ! และนั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะ
วิธีใช้คุณเค้า เราจะต้องทำการปลุกน้องเค้าก่อน ด้วยการวอร์มด้วยมือเรานี่แหละค่ะ วน ๆๆ สักประมาณหนึ่ง จนเนื้อเจลหนืด ๆ ที่ว่านี้ กลายสภาพเหลวขึ้นประหนึ่งเนื้อ Essence แล้วก็ค่อย ๆ แตะ ๆ แปะ ๆ ไปบนผิวหน้าเรา เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ
คนต่อมาก็คือ Aesop Sublime Replenishing Night Masque (ขนาด 60ml. ราคา 4,300บาท)
เค้าเป็นมาส์กวิตามินเข้มข้น มีคุณสมบัติฟื้นบำรุงผิวแบบจัดเต็ม! ชนิดที่ว่าผิวดีข้ามคืน
โดยเราสามารถใช้เป็น Overnight Mask ทาแล้วนอนยาว หรือใครที่อยากให้การบำรุงจบลงตอนที่เรายังมีสติ ก็สามารถนำมาทาพอกหน้าไว้แปบ ๆ อย่างน้อย 15 นาทีก็ได้นะคะ
ส่วนตัวจ๋าชอบแบบแรกค่ะ โบกไปแล้วหลับยิงยาว ตอนเช้าค่อยว่ากัน 55555
เนื้อมาส์กมีสีนวลๆ เปิดกระปุกมาทีไร แค่ได้กลิ่นก็ฟินนนค่ะ
ความดีงามของน้องคนนี้หลังจากได้ใช้มาสักพักใหญ่ ๆ จ๋าสังเกตว่า พอตื่นมาตอนเช้า มาส์กที่เราทาไว้ตอนก่อนนอน ยังอยู่บนหน้าค่ะทุกคน น้องเค้ายังเคลือบผิวเราไว้ได้ตลอดคืน ทำให้จ๋ารู้สึกอุ่นใจว่าน้องเค้าได้บำรุงหน้าเราจริง ๆ ไม่ได้จบอยู่ที่ปลอกหมอน T__T
น้อง ๆ ทั้ง 2 กระปุกนี้ แพกเกจเค้าเป็นแก้วนะคะ หากใครจะต้องพกพาไปไหนอาจจะต้องเพิ่มพื้นที่กระเป๋า และต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นนิดนึงน้า
และก็มาถึงช่วงของการอวยยศ ทุกคนคะจ๋าค่อนข้างประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวเราหลังผ่านการบำรุงจากน้องสองคนนี้
สรุปประสบการณ์ที่จ๋าได้รับหลังใช้
- ผิวจ๋าแข็งแรงขึ้น ช่วงก่อนประจำเดือนไม่มีสิวขึ้นมากวนใจเลย
- ผิวไม่แห้งไม่ลอกเป็นขุย ซึ่งก็น่าจะมาจากปัจจัยหลายอย่าง โดยที่น้องสองคนนี้ก็อาจจะมีส่วนช่วยคงความชุมชื้นในผิวด้วย
- รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวบริเวณช่วงหน้าแก้มเรียบเนียนขึ้น (แม้ในยามที่จ๋านอนดึก หรือพักผ่อนน้อย)
- รอยต่าง ๆ บนหน้าจางลงประมาณนึง กระจ่างใสขึ้น (แต่รอยใต้ตายังคงเดิม T____T 55555)
- กลิ่นดีทั้ง 2 ตัว เปิดใช้ทีไรก็ผ่อนคลาย ถือเป็นการจบวันที่ดีมาก จ๋าเลิฟมากกก ๆ
(แถมรูปให้อีก)
(อีกสัก1)
ถือว่าสำหรับการได้ลองใช้ ผลิตภัณฑ์ Aesop ครั้งแรกนั้น จ๋าค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ
จ๋าอยากบอกว่านี่เป็นประสบการณ์ที่จ๋าได้เจอมาและนำมาบอกเล่า หลังจากได้ใช้กับสภาพผิวของจ๋าเอง ซึ่งประสบการณ์ที่แต่ละคนได้เจอก็อาจจะแตกต่างไปตามสภาพผิวรวมถึงปัจจัยต่าง ๆ
และในยุคเศรษฐกิจที่หลาย ๆ คนอาจจะต้องรัดเข็มขัดทางการเงิน (มากน้อยต่างกันไป) ความที่ค่าตัวน้อง ๆ เค้าก็ไม่เบาเท่าไหร่.. (ในมุมมองของจ๋า 5555) หลายคนอาจจะอยากใคร่ครวญก่อนตัดสินใจ จ๋าก็หวังว่ารีวิวของจ๋าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากเสียทรัพย์ไม่มากก็น้อยนะคะ
สำหรับใครที่เป็นมิสเงินเหลืออยากลองตำน้อง ๆ เค้ามีเคาน์เตอร์ตามห้างใหญ่ ๆ หลายที่เลยนะคะ แต่ในช่วงนี้ จ๋าว่าออกนอกบ้านน้อยครั้งที่สุดอาจจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยกับเรามากกว่าเนอะ.. ทุกคนสามารถช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ Central Online ได้เลยค่ะ
ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนะคะ จ๋าจะพยายามหาเรื่องราวมาเล่าให้ทุก ๆ คนได้อ่านกันอีกนะคะ
แล้วเจอกันใหม่นะคะ บ๊ายบายค่าา