จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงเมื่ออายุเราผ่านเลข 3 มาเราเริ่มสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ชัดเจนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อย่างการเป็นสิวแบบไม่มีที่มาที่ไป การทิ้งรอยแดง-รอยดำของสิวไว้นานกว่าปกติ ไหนจะปัญหาฝ้า-กระจุดด่างดำ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในสเกลใหญ่ๆ อย่างสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เราเป็นมษุนย์ผิวผสม กลับกลายเป็นผิวธรรมดาไปโดยปริยาย ทำให้เราต้องปรับสกินแคร์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับผิวเรามากที่สุด จนลงตัวและได้เป็นสกินแคร์เซทนี้เราเลยถือโอกาสนี้หยิบมาแชร์ให้ฟังทั้งวิธีคิดและเล่าถึงสกินแคร์แต่ละไอเทมไปในตัวเลยแล้วกันฮะ
Skin and Age
ก่อนจะไปพูดถึง Skincare Routine ของเราในตอนนี้ เราอยากให้เพื่อนๆ เข้าใจก่อนว่าในแต่ละช่วงอายุของมนุษย์เรานั้นล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว ความสามารถในการผลิตน้ำมันบนใบหน้า การผลิตคอลลาเจน-อิลาสติน รวมไปถึงปัญหาผิวต่างๆ ที่มาพร้อมกับช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เมื่ออายุเราเข้าเลข 3 ผิวเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งในเรื่องของการผลิตน้ำมันที่น้อยลง ทำให้จากเดิมที่เราผิวผสม-มัน กลายเป็นผิวธรรมดา รวมถึงกระบวนการต่างๆ ของผิวก็ช้าลงไม่เว้นแม้แต่กระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดความหมองคล้ำ หรือแม้กระทั้งปัญหาสิว และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาเราก็ย่อมต้องมีปัญหาเรื่องริ้วรอยเข้ามาอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมดาขอรับ
Skincare Category
เราได้จัดหมวดหมู่ Skincare ที่เราใช้ในตอนนี้ โดยแยกตามจุดประสงค์ของการทำงาน ภายใต้ความเข้าใจของเรา ซึ่งเราแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้ :
- Exfoliate : กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ใช้เพื่อเร่งกระบวนการในการผลัดเซลล์ผิว ให้ทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เราจะใช้แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากจนเกินไป
- Anti-Inflammatory/Depigmentation : กลุ่มนี้เราเอามาช่วยลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากผลกระทบจากแสงแดด และมลภาวะต่างๆ รวมถึงสิวอักเสบ รวมถึงการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอและชะลอการเกิดริ้วรอย
- Moisturizer : การมอบความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหน อายุเท่าไหร่ มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมปราการผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- Sun Protection : กลุ่มสุดท้ายที่ขาดไม่ได้นั่นคือผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด รังสี UV และในปัจจุบันยังต้องปกป้องผิวจาก HEV เพื่อชะลอความเสื่อมของเซลล์รวมถึงลดการเกิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอนั่นเองฮะ
Texture
ในแง่เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวที่เราหยิบมาใช้ใน Routine ก็จะมีตั้งแต่กลุ่มที่เป็น
- Water-Based ไม่ว่าจะเป็น JYUNKA A3 Concentrate และ Eri Eden The Vital Serum
- Gel-Based อย่าง Heliocare 360 Water Gel กันแดดที่ครบเครื่องตัวโปรดของเรา
- Cream-Based ที่เนื้อไม่หนักมากแต่มอบความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีอย่าง Zeroid Intensive Cream MD รวมถึง Spot Treatment อย่าง tHermoCEUTICAL Tyroderm Cream ที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอเฉพาะจุด
แต่ที่ดูจะพิเศษขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นในรูปแบบ Pad อย่าง Peter Thomas Roth ที่ช่วยมอบความสะดวกในการลดขั้นตอนการใช้ Toner ไปได้เยอะทีเดียว / ปิดท้ายด้วย tHermoCEUTICAL Tyroderm Patch ที่เราเคยพูดถึงไปก่อนหน้านี้ซึ่งทางแบรนด์ใช้เทคโนโลยี Polymer Matrix Patch ในการส่งผ่าน Active Ingredients เข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ว้าวมากนะสำหรับเรา
Active Ingredients
มาต่อกันที่ Active Ingredients ของแต่ละไอเทมกันบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละไอเทมนั้นใส่มาเหมือนการเปิดศึก Avenger End Game อย่างไงอย่างนั้นเลยหละ แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถอธิบายทุกส่วนผสมได้หมดเพราะมันเยอะมากเลยทีเดียวเอาเป็นว่าเราจะอธิบายคร่าวๆ ถึงส่วนผสมที่เรามองว่าน่าสนใจในแต่ละไอเทมก็แล้วกันนะครับขอรับ
เริ่มกันที่กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอย่าง Peter Thomas Roth AMINO ACID EXFOLIATING PEEL PADS ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ Salicylic Acid หรือที่เรารู้จักกันดีอย่าง BHA เข้ามาใช้ในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แล้วเสริมความชุ่มชื้นและปราการผิวด้วย NMF อย่าง Amino Acid ที่ใส่เข้ามาแบบไม่เว้นวรรคให้หายใจกันเลยทีเดียว
หลังจากที่เราผลัดเซลล์ผิวกันไปแล้วเราก็จะใช้เซรั่ม 2 ตัวนั่นคือ JYUNKA A3 Concentrate ที่มีจุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสบางเบาและอุดมไปด้วย Marrubium Vulgare Extract ที่ช่วยลดผลกระทบการมลภาวะ แสงแดด และการอักเสบได้เป็นอย่างดี / ควบคู่ไปกับ Eri Eden The Vital Serum ที่มีส่วนผสมที่เราเลิฟอีกหนึ่งตัวอย่าง Bakuchiol 1% เพื่อช่วยชะลอวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และมี Licorice ช่วยลดการอักเสบและเป็น Brightening Agent ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย
มาถึงคิวของ Moisturizer กันบ้างในขั้นตอนนี้เพื่อนๆ น่าจะเห็นแล้วว่าเรามีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ถึงสองตัว โดยเราจะใช้ Zeroid Intensive Cream MD ที่มีส่วนผสมอย่าง MLE และ Defensamide ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันให้ผิวให้แข็งแรง / ส่วน tHermoCEUTICAL Tyroderm Cream ที่มีส่วนผสมอย่าง Tranexamic Acid, Nicacindmide และ Vitamin Peptide เน้นในบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นรอยแดง-ดำจากผิว รวมถึงฝ้า-กระ จุดด่างดำต่างๆ เป็นหลัก
แล้วตามด้วย Heliocare 360 Water Gel ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่ทางแบรนด์อัดสารกัดแดดมาแบบไม่มีกั๊ก กันได้ครบทั้ง UVA UVB HEV และ IR แถมความเสถียรก็ค่อนข้างสูงทีเดียวหละ ที่สำคัญคือเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ไม่หนักผิว ไม่ทำให้ผิวขาวลอย
ปิดท้ายด้วย tHermoCEUTICAL Tyroderm Patch ซึ่งส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างว้าวกับไอเทมนี้มากๆ ด้วยนวัตกรรมของ Polymer Matrix Patch ที่ดีไซน์มาในรูปแบบ Patch ได้อย่างเรียบเนียน แนบสนิทไปกับผิว ติดผิวได้ดี ไม่หลุดง่ายทำให้สามารถติดระหว่างวันหรือในตอนนอนได้อย่างสบายใจว่าจะไม่หลุด แถมยังได้รับการฟื้นฟูผิวจาก Tranexamic Acid, COS-VCE, Alpha-melight และ MakeWhiteTM อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าเมื่อใช่รวมกับ Tyroderm Cream แล้วสามารถลดความเข้มของฝ้าให้จางลงได้จริง
Result...
เอาหละเราเชื่อว่าเล่ามาขนาดนี้เพื่อนๆ น่าจะอยากเห็นกันแล้วว่าผลลัพธ์ที่เราได้จาก Skincare Routine เซทนี้เป็นอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ...
เราเริ่มใช้สกินแคร์เซทนี้ประมาณ 1 เดือนก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เรามีปัญหาสิวอักเสบอย่างต่อเนื่อง นี่ยังไม่นับถึงรอยแดง-รอยดำจากสิว รวมถึงผิวเสียที่สมดุลจากการรักษาสิว ความแห้งกร้านและหมองคล้ำให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงปัญหาฝ้าที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ บนผิว
แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือนปรากฏว่าผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้น ความชุ่มชื้นบนผิวกลับสู่สภาพปกติอย่างน่าประหลาดใจ สิวอักเสบแทบจะไม่เหลือบนผิวแล้ว จะมีก็แต่รอยสิวบ้างประปราย ในแง่ของรอยแดงจากการอักเสบของสิวก็ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีทีเดียวหละฮะ แถมเรายังแอบรู้สึกว่าผิวเราอิ่มฟูและดูกระชับขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับในช่วงเดือนที่แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวนั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช่ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขอรับ / ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่ ? เราไม่สามารถตอบให้ได้เนื่องจากอาการแพ้ ระคายเคืองนั่นมีปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่คน ทางที่ดีที่สุดในการจะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เราแนะนำให้เทสต์อาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอ ก่อนใช้จริงบนใบหน้าขอรับ