จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงจากที่เราทำความรู้จักกับส่วนผสมสุดฮิตอย่าง Bakuchiol และได้ปราบปลื้มกับความว้าวของ Eri Eden The Vital Serum กันไปในบทความที่แล้วจนติดใจและใช้ต่อเนื่องมาจนครบ 56 วัน ซึ่งเรียกว่าเป็น 1 ในไม่เซรั่มไม่กี่ตัวที่ทำให้เราใช้ต่อติดต่อกันได้นานขนาดนี้ (ถ้าไม่นับกลุ่ม Daily use อย่างมอยส์เจอร์ไรเซอร์และกันแดดหนะนะ) เพรางั้นวันนี้เราเลยจะมาอัพเดทผิวหลังผ่านไปเกือบ 2 เดือน พร้อมเล่าถึงความน่าสนใจที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนผสมอย่าง Bakuciol ให้ชมกันฮะ...
อย่างที่เราเคยเขียนไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ว่าเราเริ่มสังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวได้มากขึ้น เมื่ออายุแตะเลขสาม ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวที่เปลี่ยนไปจากเดิมเราเป็นมนุษย์ผิวผสมก็กลับกลายเป็นผิวธรรม-แห้งไปโดยปริยาย รวมถึงการฟื้นตัวของผิว, ปราการผิวและกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ทำงานได้แย่ลง ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อผิวของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการเกิดสิว ผิวแห้งกร้าน รวมถึงสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นเราจึงเริ่มมีการปรับเปลี่ยนสกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว, ความกังวล รวมถึงปัญหาผิวของเรามากขึ้นนั่นเองฮะ
Bakuchiol with other products
ซึ่งจากที่เราใช้ Eri Eden The Vital Serum ทำให้เราเริ่มสนใจในส่วนผสมอย่าง Bakuchiol เพิ่มมากขึ้นและได้ค้นพบว่านอกจากประสิทธิภาพในด้าน anti-aging ที่ทำได้ดีไม่แพ้ retinol แล้วนั้น Bakuchiol ยังสามารถทำงานร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ ได้อย่างลงตัวโดยไม่รบกวนการทำงานของผลิตภัณฑ์อื่น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของกันและกันได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น Bakuchiol กับ BHA หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า BHA เป็นสารกลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่ต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วยความ ซึ่งพอหลายคนเห็นเราหยิบมาใช้ร่วมกับ Bakuchiol ก็แอบสงสัยว่ามันจะเวิร์คไหม อันนี้เราขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราจากสภาพผิวของเราตอนนี้ที่มีสิวอักเสบอยู่เป็นระยะว่า สามารถใช้ร่วมกันได้ โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามมันกลับช่วยให้อาการอักเสบของสิวลดน้อยลง และการอุดตันก็ลดลงด้วยเช่นกันขอรับ แต่ส่วนตัวแล้วเราจะใช้ BHA แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งขอรับ
หรือแม้กระทั้งการใช้ Bakuchiol ร่วมกับ Retinol ก็มีรายงานว่าสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยการใช้ Bakuchiol ร่วมนั้นจะไปช่วยลดการระคายเคืองของ Retinol และยังช่วยให้ประสิทธิภาพของ Retinol ยาวนานขึ้นด้วยครับ แต่ทั้งนี้ก็คือขึ้นอยู่กับสภาพผิวเป็นหลักด้วย เช่น หากคุณเป็นคนผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่ายการใช้ทั้ง 2 ตัวควบคู่กันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนที่ผิวแห้งและระคายเคืองง่ายขอรับ
จะเห็นว่าการ Combine ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกับ Bakuchiol นั้นค่อนข้างทำได้หลากหลายและให้ผลที่ดีขึ้นในหลายมิติ แต่อย่างที่เราเกริ่นไปแล้วว่าการ Mix & Match นั้นก็ควรคำนึงสภาพผิวและผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ร่วมกันอย่างเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองขอรับ
My Skincare Routine
ก่อนจะไปถึงพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเราเลยขอเอาเนื้อสัมผัสของแต่ละไอเทมมาให้ชมกันก่อน ซึ่งต้องบอกว่ามีทั้งรูปแบบ Pads, Liquid Spray, Water-Based, Gel Based และ Cream Based ครบเลยทีเดียว แต่แม้เราจะใช้ผลิตภัณฑ์ 6-7 ตัวในแต่ละครั้งแต่ก็พบว่าการเลเยอร์ผลิตภัณฑ์ทำได้ค่อนข้างง่าย และไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิวระหว่างวัน
เอาหละหลังจากที่เกริ่นมาซะยาวเรามาเริ่มกันที่ไอเทมแรกอย่าง Peter Thomas Roth Amino Acid Exfoliating Peel Pads ที่เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่เราเคยหยิบมารีวิวให้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวรวมถึงลดการอุดตันที่อาจก่อให้เกิดสิวได้ในอนาคต
ต่อกันที่โทนเนอร์กันบ้าง ต้องยอมรับว่าการทาผลิตภัณฑ์หลายตัวทำให้เรามองผาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยร่นระยะในการทาสกินแคร์ของเรา(ไม่งั้นก็จะนั่งทาวนอยู่อย่างนั้น 10-20 นาทีเลยทีเดียวหละ) หอยเลยมาตกที่ tHermoCEUTICAL DeAC Aciderm Toner ที่เหมาะกับผิวที่มีสิวอักเสบของเราในช่วงนี้พอดิบพอดี อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบของสิว แถมยังลดความมันส่วนเกินที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย
หลังจากสเปร์ยโทนเนอร์ลงบนผิวแล้วเราจะใช้ JYUNKA Extreme Serum Hydratant ตามทันทีเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นบนผิว เพราะมีบางรายงานเคยกล่าวว่าเมื่อผิวเรามีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม จะช่วยนำพาวิตามินและสารสกัดต่างๆ เข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมเซรั่มน้ำแดงขวดนี้ยังมี QUICKLIFT® ที่ทางเบรนด์เคลมในเรื่องการเพิ่มความกระชับของผิวเข้ามาอีกด้วยขอรับ
แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้และใช้ต่อเนื่องมา 2 เดือนจนจะหมดขวดที่ 3 แล้วนั่นคือ Eri Eden The Vital Serum ที่มีส่วนผสมอย่าง Bakuchiol 1% ร่วมกับสารสกัดที่น่าสนใจอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น Licoric, 3-O-Ethyl Ascorbic Acid และ Edelweiss ที่นอกจากจะช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับ กระทุ้นการสร้างคอลลาเจนได้แล้ว ยังสามารถลดการเกิดสิวรวมถึงปกป้อง และชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิวที่ได้รับผลกระทบจากความเครียด แสงแดด รังสี ความร้อน และมลภาวะต่างๆ ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน ทำให้ผิวแข็งแรง ลดอาการแพ้ได้ดีทีเดียวหละขอรับ
และอีกหนึ่งไอเทมที่เรามักจะหยิบมาใช้เสมอในช่วงที่ผิวต้องการการเยียวยา นั่นคือ LA MER THE CONCENTRATE ที่อัดแน่นไปด้วย Concentrated Miracle Broth™ ที่เข้มข้นที่สุดของแบรนด์ ซึ่งก็คงจะจริงอย่างที่เคลมเพราะทุกครั้งที่เราหยิบมาใช้ อาการอักเสบและระคายเคืองจะหายเร็วกว่าปกติมากเลยหละครับ แถมตัวนี้เรายังเคยนำไปทารอยแผลที่เพิ่งเกิดแล้วพบว่ารอยจางลงไวมาก แถมยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ด้วยหละฮะ
สำหรับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในช่วงนี้เราก็ยังวอแวอยู่กับ ZEROID INTENSIVE CREAM MD ตัวเดิมที่ใกล้จะหมดหลอดแรกแล้ว ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เราประทับใจมากอีกตัวหนึ่งในปีนี้ ทั้งในแง่ของเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นแต่ซึมไว ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะเอาไว้บนผิว แถมยังอัดแน่นไปด้วยสารเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง MLE® ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ดีทีเดียวหละครับ
ปิดท้ายด้วยไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือกันแดด ซึ่งตอนนี้เรากำลังอินกับ IPSA Sun Shield SPF50 PA ในความเบาสบายผิว แม้ว่าเราจะเลเยอร์ 2 ชั้นก็ไม่รู้สึกเหนอะหนะผิวเลยแหละฮะ แถมกันแดดตัวนี้ยังใช้สารกันแดดทั้งในรูปแบบ Physical & Chemical Sunscreen ที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้ครบและค่อนข้างเสถียรมากๆ เลยทีเดียวหละฮะ
Result after using Eri Eden The Vital Serum 56 Days
ต้องยอมหลังจากได้ลองใช้ Eri Eden The Vital Serum มาครบ 2 เดือน การอักเสบของสิวลดลงอย่างต่อเนื่องและควบคุมไม่ให้เกิดสิวใหม่ได้ดีทีเดียว และหากอ้างอิงจากงานวิจัยในการทดลองใช้ Bakuchiol อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือนขึ้นไปจะพบว่าริ้วรอยดูตื้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือนที่ 3 และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องควบคู่กับการปกป้องผิวจากแสง UV และปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดริ้วรอย
ซึ่งเมื่อพิจารณาในกรณีของเราที่ใช้มา 2 เดือนร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นตามปกติ เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอยู่พอสมควร ทั้งในแง่การลดการเกิดสิว ผิวอิ่มฟูขึ้นและดูเรียบเนียนขึ้น แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ยังไม่ครบ 3 เดือนผนวกกับตัวเราเองอาจจะยังไม่มีริ้วรอยที่เด่นชัดเราจึงยังไม่ขอสรุปในประเด็นนี้อย่างชัดเจนครับ
ดังนั้นสำหรับเราที่ใช้ Eri Eden The Vital Serum หมดไปแล้วถึง 3 ขวดในระยะเวลา 2 เดือนก็นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราสามารถแนะนำให้คนอื่นได้อย่างเต็มปากว่าเป็นเซรั่มที่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา บรรจุภัณฑ์ดีไซน์มาค่อนข้างดี สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อย่างลงตัวและส่วนตัวแล้วเราก็ไม่พบอาการระคายเคืองที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ BHA ในปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราในขณะนี้
แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมอง เป็นความคิดเห็นและผลลัพธ์ที่ Based-on สภาพผิว, ประสบการณ์, ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล / ส่วนคำถามว่าใช่แล้วสิวจะขึ้นไหม จะแพ้หรือไม่ ? เราไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้นั่นแตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดในการจะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม คือการทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณอื่นเช่น ท้องแขนหรือลำคอก่อนใช้ลงบนใบหน้าครับ