จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงวันนี้จะพามาทำความรู้จักสาวลูกครึ่งอย่าง HYBRID SUNSCREEN
พร้อมแชร์ทริคในการเลือกกันแดดที่เหมาะสมกับใบหน้าของเรากันน้า
เราจะขอเป็นตัวแทนของสาวออฟฟิศที่นั่งอยู่ในห้องแอร์และหน้าจอตลอดเวลา
สภาพผิวเบื้องต้น : ผิวค่อนข้างจะแพ้ง่าย เป็นสิว และอุดตันง่ายมาก
บวกกับอยู่ในห้องแอร์แทบจะ 24 ชั่วโมง ทำให้บางส่วนบนใบหน้าแห้งตึงมากกก
จะขอสรุปเป็นข้อๆง่าย และผสมกับความรู้เรื่องกันแดดนิดหน่อย เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะคะ ทั้งหมด 4 ขั้นตอนดังนี้
1. เลือกประเภทกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพพิวของตัวเอง
ครีมกันแดดนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภท
- Chemical Sunscreen กันแดดแบบเคมี เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ลักษณะการทำงานของกันแดด
คือดูดซับรังสียูวี ทำให้กันแดดได้ดีกว่าแบบ Physical แต่แบบเคมีส่วนใหญ่จะไม่สามารถป้องกันได้ทั้งแสง UVB และ UVA ทำให้อาจจะต้อง ใช้สารหลายตัวในการมาประกอบเป็นกันแดด จึงเสี่ยงทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย กว่าแบบอื่น * เหมาะกับคนผิวทั่วไป ถึงผิวผสม *
- Physical Sunscreen กันแดดแบบปราศจากสารเคมี เนื้อครีมเข้มข้น เกลี่ยยาก มี Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เป็นส่วนผสมหลักที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB แต่ไม่ค่อยทนกับน้ำหรือเหงื่อจึงต้องทาซ้ำบ่อยเมื่อใช้ กลางแจ้ง และต้องใช้ในปริมาณค่อนข้างเยอะ เพราะแบบ Physical
ลักษณะการทำงานคือสะท้อนหรือหักเหรังสีออกจากผิว มีโอกาสสูงที่บางจุดได้รับการปกป้องไม่ทั่วถึง
ถ้าไม่ทาปริมาณที่พอดีและการใช้ในปริมาณมาก ถ้าหากล้างไม่สะอาดก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตัน
และเกิดเป็นสิวได้ด้วยนะต้องระวัง * เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย เป็นสิว ปลอดภัยจากสารเคมี *
- Hybrid Sunscreen เป็นกันแดดที่ผสมผสานระหว่าง Chemical และ Physical ทำหน้าที่ดูดซับและสะท้อนยูวีออกจากผิว โดย Hybrid จะเอาจุดเด่นของกันแดดทั้งสองแบบมาผสม และลดจุดด้อยลงไป เนื้อกันแดดจะไม่เหนอะหนะเกลี่ยง่าย ไม่วอก ประสิทธิ์ภาพกันแดดอยู่ในระดับดี และป้องกันแสงแดดได้ยาวนาน * ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ร่วมไปถึงผิวแพ้ง่ายด้วย (แล้วแต่คุณสมบัติของแบรนด์)*
2. รู้และใช้ค่า SPF และค่า PA ได้ถูกต้อง
ครีมกันแดดคือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV ที่มาจากแสงแดด และอุปกรณ์ที่ก่อกำเนิดแสงบางชนิดซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ UVA และ UVB
UVA เป็นรังสีที่สามารถทะลุผ่านทุกชั้นผิว เป็นสาเหตุการเกิดริ้วรอยก่อนวัย กระ ฝ้า จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนังได้
ค่า Protection grade of UVA (PA) จะค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิว
จากรังสียูวีเอ (UVA)
PA ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA เริ่มต้น
PA ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA กลาง
PA ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
PA ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด
* แนะนำแดดประเทศไทยควรเลือกใช้ไม่ต่ำกว่า PA *
UVB เป็นรังสีที่สามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังกำพร้าได้ อาจจะเกิดอาการแสบ คัน ผิวหนังแห้ง และรอยคล้ำ
ค่า Sun Protection Factor (SPF) เป็นค่าการช่วยดูดซึบรังสี UVB
ค่า SPF เท่ากับ 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
ค่า SPF เท่ากับ 20 จะดูดซับ UVB ได้ 95%
ค่า SPF เท่ากับ 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
ค่า SPF เท่ากับ 45 จะดูดซับ UVB ได้ 97.8% ค่า SPF เท่ากับ 50
จะดูดซับ UVB ได้ 98%
* แนะนำให้ใช้ SPF 30 เป็นอย่างต่ำ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันที่ดี*
3. ใช้กันแดดในปริมาณที่เหมาะสม และใช้อย่างถูกวิธี
- ปริมาณกันแดดสำหรับที่แจ้งเป็นสัดส่วนสำหรับ 1 ใบหน้า (คอแยกเป็นอีก1ส่วน)
- กันแดดแบบน้ำ ควรทาในปริมาณ เหรียญ 10 บาท 2 เหรียญ (แยกทารอบละ1ก็ได้)
- กันแดดแบบเนื้อครีม เจล ควรทาในปริมาณ 2 ข้อนิ้วเต็มๆ (แยกทาทีละ1ข้อนิ้ว สองรอบได้เช่นกัน)
ทริคการใช้เพื่อประสิทธิ์ภาพที่ดี
- กันแดดควรก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที
- กันแดดสำหรับหน้า อย่าลืมทาที่คอและบริเวณใบหู
- เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับประเภทของกันแดด)
- หากเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง เหงื่อออกเยอะ หรือว่ายน้ำ ควรใช้แบบ Water-resistant ที่จะรักษาค่า
SPF ไว้ให้คงประสิทธิภาพเดิมหลังโดนน้ำไป 40 นาที (โดยประมาณ) แล้วควรทาซ้ำอย่างน้อย
ทุก2ชั่วโมง
4. อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
กันแดดที่ perfect กับผิวเราแบบพอดีเป๊ะนั่นหายากมาก! ไม่ว่าจะเลือกดีเท่าไรก็ไม่สามารถ ป้องกันผิวเราจากแสงแดดประเภทไทยได้ทุกระเบียบนิ้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาออกแดด อย่าลืม ร่ม หมวก แว่นกันแดด เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด ที่เป็นไอเท็มเสริมในการป้องกันแดดได้ดียิ่งขึ้น
จบไปกับพาร์ทให้ความรู้ ต่อมาจะเป็นพาร์ทรีวิวกันบ้าง
ขอแนะนำเป็นของแบรนด์ TRYLAGINA เป็นกันแดดที่เรามีติดไว้ที่บ้างอยู่แล้ว บวกกับล่าสุดเขาได้ปรับปรุงสูตรใหม่ ปรับเปลี่ยนทั้งขนาด แพคเกจ และคุณสมบัติในการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น จนออกมาเป็น Trylagina Collagen UV Expert SPF 50 PA เป็นกันแดดแบบ Hybrid Sunscreen มาพร้อมกับสารสกัดจากคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่นตลอดเวลาอีกด้วย
ถามว่าทำไมผิวแพ้ง่ายเป็นสิว ถึงไม่ใช้ Physical Sunscreen ก็เพราะว่า ด้วยความที่มันต้องใช้ในปริมาณที่ค่อนข้างมากกว่าปกติ ทำให้แม้ว่าเราจะพยายามล้างหน้าสะอาดแค่ไหน ก็น่าจะยังหลงเหลือเนื้อครีมอยู่บนหน้า ทำให้เกิดการอุดตันบ่อยมาก กลายเป็นว่าเราใช้แล้วสิวอุดตันขึ้นแทน (อันนี้แล้วแต่ผิวแต่ละคนด้วยนะ เพราะเราค่อนข้างจะรูขุมขนกว้างพอสมควร) ลองใช้มาสักพักถึงสังเกตเหตุความผิดปกตินี้ เราหันมาเลือกใช้แบบ Hybrid ที่เป็นกันแดดลูกผสมของทั้งแบบ เคมีและไม่เคมี ปลอดภัยต่อผิว และมีประสิทธิภาพป้องกันแสงแดดเทียบเท่ากับ Chemical ในปริมาณที่น้อยลง
ดียังไง? Trylagina Collagen UV Expert SPF 50 PA สูตรใหม่ นอกจากเพคแกจและปริมาณที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีจุดเด่นเรื่อง blue-light protection หรือแสงสีฟ้าที่มาจากพวกจอคอม หรือมือถือได้อีกด้วย หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องนี้แต่จะบอกว่าแสงสีฟ้าพวกนี้บางที่ก็ลงไปทำลายชั้นผิวได้ลึกว่า แสงUVทั่วไปซะอีก บวกกับแหล่งที่มาเป็นสิ่งที่แทบจะอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา แทบตลอด24ชั่วโมง
คิดดูสิว่ามันจะมีพลังทำลายล้างขนาดไหน!
ทางแบรนด์ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม ในเรื่องนวัตกรรมกันแดดในรูปแบบแคปซูลที่ทำให้กันแดดมีความเสถียรและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้าง Collagen ให้ผิวหน้าแข็งแรงชุ่มชื่นไปในตัวด้วย ในส่วนของ texture ก็ยังคงคุณภาพดีเหมือนเคย เนื้อครีมสีขาวขุ่นเกลี่ยง่าย ซึมค่อนข้างไว ไม่ค่อยทิ้งคราบเหนียวและมันไว้บนผิว สามารถทาทับระหว่างวันได้ หน้าไม่วอกไม่ลอยจ้า ผิวแพ้ง่ายชอบเป็นสิวอุดตันแบบเรายังคงรอดจนถึงทุกวันนี้ มันเลิศ
แต่อยากให้ทุกคนๆได้ลองด้วยตัวเองนะ เพราะผิวคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับนาวแล้ว Trylagina Collagen UV Expert SPF 50 PA
ตัวนี้เหมาะกับสภาพผิวตัวเองมากๆเลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลสาระทั้งหมดนี้จากเพจต่างที่ได้อ่านมาตั้งแต่นมนาม
สำหรับวันนี้ขอทิ้งประโยคเตือนใจส่งท้ายไว้สัก 2 ข้อนะคะ
- ขี้เกียจแค่ไหนก็ห้ามลืมทากันแดด ถ้าไม่อยากหน้าเหี่ยว!
- แม้ว่าทากันแดดแค่ตัวเดียว ก็อย่าลืมใช้ cleansing ก่อนล้างหน้าด้วยนะตัว!