จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงอยากรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้เราไปตำตัวไหนมาบ้าง พร้อมป้ายยาบอกต่อตัวที่เราใช้เองมาสักพักแล้วชอบ ได้มาโอกาสมารีวิวให้สักที
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าสภาพผิวเรา ; เป็นคนผิวมัน มีสิวขึ้นบ้างแต่ปัจจุบันมีเล็กน้อย แอบมีริ้วรอยอยู่บ้าง ทั้งรอยดำ และหลุมสิวแผลเป็น ส่วนสีผิวเป็นคนผิว2สี
ปัญหาผิวแบบไหนต้องใช้ตัวไหน ? ??
1. ผิวแห้ง ขาดน้ำ ต้องใช้ “Hyaluronic acid”
2. ผิวมัน รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย ต้องใช้ “ Retinol”
วันนี้เลยได้รวบรวมสกินแคร์ที่ใช้ช่วงปลายปีหลังมาจนถึงวันนี้ส่วนจะมีแบรนด์ไหนบ้างนั้นเลื่อนรูปได้เลย ใครอ่านจบมาเม้นท์ป้ายยาเราต่อนะครับ ?
เรตินอล หรือ เรตินเอ คืออนุพันธุ์ของวิตามินเอ นิยมเอามาใช้ในผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพราะมันมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดรอยแตก
ซึ่ง Retinol ที่จะมารีวิวในวันนี้มี 3 ตัวด้วยกันคือ
1 POST-PEEL 1% RETINOL CONCENTRATE
2 LA ROCHE POSAY RETINOL B3 SERUM
3 ELIZABETH ARDEN RETINOL CERAMIDE CAPSULES
1.POST-PEEL 1% RETINOL CONCENTRATE
ต้องบอกก่อนเลยว่าเราใช้ เรตินเอหรือกรดอนุพันธ์วิตามินเอมาติดต่อกันครบ 1 ปีแล้ว และตัวนี้เป็นแบรนด์แรกที่ใช้ RETINOL มากถึง 1% ซึ่งที่ได้คือลดเลือนริ้วรอยได้จริง ได้สีผิวสว่าง เรียบเนียนขึ้น เรื่องความชุ่มขื้น เค้าให้ผิวชุ่มชื้นจริง ซึ่งเราใช้ควบคู่กับ HA DENSIMATRIX ด้วยกัน เรตินอลตัวนี้เป็นสูตรเข้มข้นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ด้วยส่วนผสมของเรตินอล 1 % ช่วยลดเลือน ริ้วรอย ช่วยให้ผิวดูยืดหยุ่น และตึงกระชับ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการคงอยู่ของคอลลาเจนและอีลาสตินให้คงอยู่ตามธรรมชาติ
RETINOL มีหน้าที่สำคัญในการช่วยดูแลการทำงานภายใน fibroblast เพื่อสนับสนุนการสังเคราะห์ คอลลาเจน และ อีลาสติน
เซรั่มเนื้อเข้มขัน PH 6 mesoestetic ได้พัฒนาออกแบบเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นด้วยสูตรที่มีความอ่อนโยน และไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก
พร้อมด้วยสารสกัดที่จะช่วยลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยึดหยุ่นให้ผิว มีค่า PH อยู่ที่ 6
เราใช้น้องตัวนี้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนว่าควรใช้ถี่แค่ไหน)
2.ELIZABETH ARDEN RETINOL CERAMIDE CAPSULES
ไม่มี RETINOL ตัวไหนที่เราชอบมากที่สุดเท่าตัวนี้ เราชอบน้องตัวนี้ตรงที่เป็นแคปซูลแกะออกมาแล้วสดชื่นมาก เนื้อสัมผัสคือดีย์ไม่ไหว เรตินอลตัวนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าเรตินอลแบบไม่มีแคปซูลถึง 76%
ADVANCED CERAMIDE CAPSULES มีส่วนประกอบของ CERAMIDE 1, 3, 6 ช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูผิวให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ผลัดเซลล์ผิว และช่วยให้ผิวเรียบเนียน
ผสมผสาน FATTY ACIDS กรดไขมันจำเป็นของผิว เสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง แลดูสุขภาพดี
และ CHOLESTEROL ช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
ผสานคุณค่าการบำรุง สัมผัสพลังมหัศจรรย์ ใน 1 แคปซูล ด้วยการเสริมปราการปกป้องผิว ให้ผิวแข็งแรง แลดูสุขภาพดี ด้วย ADVANCED CERAMIDE CAPSULES แคปซูลสีโกล์ด ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว
3.LA ROCHE POSAY RETINOL B3 SERUM
สำหรับริ้วรอย ร่องลึกและรอยย่น LA ROCHE ใช้เป็น RETINOL 2 โมเลกุล คือ RETINAL PALMITATE 0.2% (RETINOL DERIVATIVES) และ PURE RETINOL 0.1%
มีการใส่ 2 % VITAMIN B3 (NIACINAMIDE) เสริมปราการผิวให้แข็งแรง รวมถึงมี GLYCERIN ที่ทำให้ผิวชุ่มชื่นดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้านระคายเคือง
มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ผิวแพ้ง่ายควรระวังสำหรับเราใช้ได้แต่หยิบมาใช้นาน ๆ ครั้ง กลิ่นหอมมาก
ต่อไปจะเป็นกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid : HA) คือ สารสำคัญในร่างกายที่มีลักษณะคล้ายเจลลี่ พบได้ทั่วร่างกายและในชั้นโครงสร้างผิวได้มากถึง 80% คอยทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื่นให้เซลล์ผิว จึงทำให้ผิวดูอิ่มฟูแข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยให้คอลลาเจนในชั้นผิวเพิ่มจำนวนขึ้น และยังคอยช่วยยึดจับคอลลาเจนและอีลาสตินเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงรักษาประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของผิวหนัง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงความเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ของผิวพรรณให้ปราศจากริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยในการสมานแผลและฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น มากไปกว่านั้นคือสารชนิดนี้เป็นหนึ่งในสารสำคัญที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นเองได้ ! แต่ใช่ว่าร่างกายจะผลิตไฮยาลูรอนได้ตลอดไป ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาให้เห็นเสมอ
1.HA DENSIMATRIX
ต้องบอกก่อนเลยว่าน้องตัวนี้คือ The Best hya ที่เราใช้แล้วไม่แพ้และชอบมากที่สุด น้องเป็นเซรั่มที่มีกรดไฮยาลูรอนิกถึง 4 โมเลกุล เนื้อเจลน้ำสัมผัสบางเบา ซึมเร็วไม่เหนียวเท่าแบรนด์อื่น โดยรวมสำหรับคนที่กำลังมองหาเซรั่มที่ช่วยในเรื่องผิวฟูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ชุ่มชื้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และยังช่วยในเรื่องริ้วรอย ผิวดูยืดหยุ่น สุขภาพดี ใช้ทั้ง เช้า และ เย็น
ที่สำคัญยังโดดเด่นด้วย Cross-Linked Hyaluronic Acid ครอบคลุมถึงผิวชั้นบน ชั้นนอก ชั้นใน และชั้นล่าง กลิ่นของเซรั่มนี้มันดีมากๆจริงครับ และผ่อนคลายได้ดีด้วย
มีสาร Anti-Aging Pro Complex มากถึง 2% และโดดเด่นด้วยสารสกัดจากแร่มาลาไคต์ (Malachite) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยก่อนวัย พร้อมกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ
**** ใครที่ฉีดฟีลเลอร์มา จะชอยน้องตัวนี้แน่นอนเพรามันมีความสามรถที่จะคงสภาพฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้นอีกด้วย
มี Anti-Hyaluronidase Complex ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของไฮยาลูโรนิกธรรมชาติในผิว
ผลลัพธ์หลังจากใช้ : ที่ชอบมากที่สุดของน้องตัวนี้เลยก็คือ
1.สิว : จะเห็นได้ชัดว่าสิวมีความอักเสบรอบวงปากแต่ความอักเสบนั้นจะทุเลาลงเพียงแค่ 2 วันหลังจากใช้เซรั่มด้วยนี้
2.รอยสิว/ริ้วรอย : จากการอักเสบของสิวรอบบริเวณวงปากจะทิ้งรอยดำ รอยแดงเอาไว้เป็นวงกว้างพอสมควร ส่วนริ้วรอยบนหน้าก็มีไม่น้อยทั้งรอยจากหลุมสิว ริ้วรอย แผลเป็น เมื่อสังเกตุบริเวณรอบวงปากลรูขุมขนบนหน้าจะเห็นได้ชัดว่ารอยจางลง รูขุมขนดูกระชับขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ได้ใช้ตัวนี้อย่างโดด ๆ แน่นอนเพราะเราใช้คู่กับตัว Retinol เป็นคู่กัน
3.ความกระจ่างใสของใบหน้า/ลำคอ : สังเกตจากรูป Before After จะเห็นว่าใบหน้าดูสดใส มีชีวิตชีวา มีความเรียบเนียน เวลาที่แสงกระทบกับผิวจะดู Glow มากขึ้น ซึ่งสำหรับเราชบอสุดในเรื่องของการลดหน้าหมองได้ดีในระดับหนึ้งเลย
4.ความชุ่มชื้น : ให้ลองย้อนดูภาพรุปแรกที่จะดูโทรม ดูมีอายุ เหี่ยวแห้งพอสมควร แต่หลังจากใช้เป็นประจำทุก ๆ วันไม่ขาดรู้สึกได้ถึงความที่ผิวดูอิ่มน้ำ และชุ่มชื้นขึ้นหลังจากใช้ไปสักระยะ
สรุป : เป็นอีกตัวที่คุ้มค่าแก่การลงทุน อีกทั้งตัวนี้ได้ผ่านงานวิจัย ค้นกว้า และทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อันนี้จะเป็นส่วนผสมของแบรนด์ Mesoestetics ทั้ง 2 ตัว
ผลลัพธ์จะเห็นได้สำหรับเราหลังจากใช้ครบ 1 เดือน :
1.สังเกตุจากรูปภาพ Before ของเราจะเห็นได้ว่าหน้าดูเป็นคนมีอายุพอสมควรทั้ง ๆ ที่เราอายุ 22 ปีเอง หลังจากใช้รู้สึกได้ถึงความกระชับของผิว ใครที่อยากหน้าอ่อนเยาว์ ไม่อยากแก่ สวยใสนาน ต้องใช้ Retiol/ Retin A อย่างต่ำ 6 เดือนก็เริ่มเห็นผลแล้ว ส่วนตัวเราใช้กรดวิตามินเอมาครบปีละหวังผลได้ชัวร์
2.ผิวหน้าที่ขรุขระ ๆ เหมือนถนนคอนกรีตบนหน้าของผมดูมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น รูขุมขนกระชับทุกตัวที่เราใช้หวังผลได้หมดยิ่งใช้ Retinol Hya ยิ่งเสริมประสิทธิภาพดีขึ้นไปอีก
3.อย่าลืมเสริม moisturizer ร่วมด้วยเวลาใช้กรดมาทาบนหน้าเรา ส่วนตัวใบหน้าเราเองเคยผ่านยา Tretinoin มาแล้วไม่มีอาการลอก แสบ แดง หรือเอฟเฟคใด ๆ
4.แน่นอนว่าบนหน้าเราไม่ได้ใช้แค่ 5 ตัวนี้ที่ลงรีวิวแน่นอน ยังมีวิตามินซีเพื่อหวังผลเรื่องความหมองคล้ำและต่อต้านอนุมูลอิสระ (เราใช้ตัวไหนมาบ้างไว้จะทยอยรีวิวให้ฟัง)
5.ที่ขาดไม่ได้เลยคือกันแดดจำเป็นมาก แม้แต่หลบในห้อง ไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องใช้ !
#Retinol เราขอมอบมงประจำปี 2021 ได้แก่ ELIZABETH ARDEN RETINOL CERAMIDE CAPSULES
#Hya ที่ได้รับมงประจำตำแหน่งนี้ได้แก่ Ha Densimatrix
ขอแสดงความยินกับน้องทั้ง 2 คนด้วย เย้ !!!
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่อ่านรีวิวมาจนจบถึงตรงนี้นะครับ ข้อมูลที่ลงไปมีถูกมีผิดตรงไหนสามารถคอมเม้นท์เข้ามาได้นะครับ หรือใครมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมก็สามารถพิมพ์บอกได้เลย นี่ถือว่าเป็นโพสต์แรกที่ลงรีวิว พร้อมภาพกราฟฟิกที่ลงทุนทำเองไม่ได้รับค่ารีวิวสักบาท ยังอีกหลายตัวที่อยากป้ายยานะแต่ขอเทสผลลัพท์ก่อน วันนี้ขอแนะนำแค่ RETINOL กับ HYA ก่อน ซึ่งทุกตัวเป็นแบรนด์ที่เราใช้จริงแล้วชอบจริง ๆ เพราะมีคนป้ายยาเราไว้ ไอ้เราก็บ้าจี้ซื้อตามทุกตัว..ไว้ว่าง ๆ มีเวลาแต่งรูปรีวิวตัวอื่นที่เราใช้ แล้วชอบมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ นะครับ ฝากตัวด้วยนะฮะ