จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงเราเชื่อว่าทุกแบรนด์จะมีไอเทมเปิดใจเพื่อเป็นประตูสู่ไอเทมอื่นๆ ในแบรนด์ แต่แบรนด์ที่เราเพิ่งได้เปิดใจและค่อยๆ ลองผลิตภัณฑ์ของเขาไม่นานนักอย่าง IPSA แต่กลับสร้างความประทับใจให้เราอย่างล้นหลาม และที่สำคัญเรากลับรู้สึกว่ามีไอเทมที่เป็นตัวเปิดใจอยู่หลายตัวทีเดียว แต่วันนี้เราขอหยิบ 2 ไอเทมที่กำลังทดลองใช้อยู่ในช่วงนี้อย่าง IPSA The Time Reset Aqua & ME 2 มาป้ายยาให้ชมก่อนแล้วกันฮะ
มาเริ่มกันที่ไอเทมแรกอย่าง IPSA The Time Reset Aqua(200ml./1,750.-) โลชั่นเนื้อบางเบาและอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บความชุ่มชื้นไว้บนผิวด้วยเทคโนโลยี AQUA Presenter III ที่ทางแบรนด์เคลมว่ามีประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้มากขึ้น
ต่อกันที่ไอเทมเปิดใจชิ้นที่ 2 อย่าง IPSA ME 2(175ml./2,400.-) อิมัลชั่นในตำนานจากแบรนด์ IPSA ที่ตอนนี้พัฒนามาถึง Generation ที่ 9 อย่างสวยงามด้วยแนวคิดที่เน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง Oxygen ภายในผิว กับระดับการผลิตน้ำมัน ซึ่งได้ส่วนผสมเฉพาะของแบรนด์อย่าง OX-ME FORMULA A ที่เคลมว่าสามารถมอบความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น แน่นกระชับ ความกระจ่างใสและฟื้นบำรุงผิวได้อย่างอ่อนโยน และที่สำคัญคือมีให้หลากหลายสูตรให้เลือกใช้ตามสภาพผิว
ถึงจะเป็นการป้ายยาแต่ไหนๆ เขียนแล้วก็ขอเล่าถึง Active Ingredients ซักเล็กหน่อยพอกรุบกริบ โดยขอเริ่มจาก IPSA The Time Reset Aqua ซึ่งจริงๆ แล้วมีส่วนเยอะกว่านี้มากแต่เราขอหยิบส่วนที่น่าสนใจมา 2 ส่วนอย่าง Hydration(ความชุ่มชื้น) ที่ได้ส่วนผสมอย่าง Sodium Acetylated Hyaluronate, Tocopherol,
Glycerin และ Sorbitol เข้ามาเติมเต็มความชุ่มชื้น และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้บนผิวให้ยาวนานขึ้นนอกจากนี้ยังมี Brightening Agent ตัวท็อปอย่าง Tranexamic acid ที่ช่วยลดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นเพิ่มเข้ามาด้วย
ส่วน IPSA ME 2 ได้สารในกลุ่ม Soothing(ปลอดประโลมผิว) อย่าง Dipotassium Glycyrrhizinate ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติจากชะเอมเทศที่ช่วยลดอาการระคายเคือง ต้านการอักเสบ และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินได้เป็นอย่างดี แถมยังได้สาร Antioxidant เข้ามาเสริมเรื่องการต้านอนุมูลอิสระของผิวอยู่หลายตัว อาทิ Tocopherol, Potassium Ascorbyl Tocopheryl Phosphate จึงไม่แปลกที่อิมัลชั่นขวดนี้จะสามารถปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองและมอบผิวที่กระจ่างใสสุขภาพดีได้อย่างลงตัว
ในด้านของเนื้อสัมผัสเรายอมรับเลยว่า IPSA เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องการทำเนื้อสัมผัสเป็นอันดับต้นๆ ของสกินแคร์ทั้งหมดที่เราเคยใช้มา ด้วยความละเอียดและใส่ใจถึงความแตกต่างของสภาพผิวของผู้ใช้อย่างในช่วงนี้ที่เรามีผิวผสม บวกกับอากาศที่เย็นลงทำให้ความชุ่มชื้นในผิวลดลง
เราจึงเลือกเป็น IPSA The Time Reset Aqua & ME 2 เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงในผิว เพิ่มออกซิเจนในผิวเพื่อปรับสมดุลของระดับน้ำมันในชั้นผิว ซึ่งเนื้อสัมผัสของ IPSA The Time Reset Aqua จะเป็นโลชั่นใสๆ บางเบาและแทบจะไม่มีความหนืดอยู่เลย ในขณะที่ IPSA ME 2 จะเป็นอิมัลชั่นเนื้อเจลใส ที่มีความเข้มข้นและหนืดขึ้นมาอีกระดับ
โดยทางแบรนด์แนะนำให้เราใช้ IPSA The Time Reset Aqua & ME 2 ร่วมกับสำลีของแบรนด์อย่าง IPSA SILK COTTON เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายตัวของผลิตภัณฑ์ให้ทั่วใบหน้า ซึ่งการใช้ 1 ครั้งเราจะไม่เขียม ไม่งกผลิตภัณฑ์และใช้วิธีการ Tap-Tap เบาๆ ลงบนผิวหน้ารวมถึงบริเวณลำคออย่างทั่วถึง ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาซักเล็กน้อยแต่รับรองว่ามันเวิร์คกว่าการปาดๆ ถูๆ แน่นอนฮะ
เมื่อผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวซึมเข้าสู่ผิวเป็นที่เรียบร้อยก็จะได้ผิวที่นุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมที่จะรับสารบำรุงต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยไม่มีความรู้สึกเหนอะหนะ ไม่สบายผิวเลยแม้แต่น้อย ผิวดูโกลว์สุขภาพดี เล่นแสงแบบไม่ต้องพึ่งเมคอัพใดๆ มันเป็นความฟินที่แท้ทรูจริงๆ ฮะ
แต่อย่างที่เราบอกไปตอนต้นแล้วว่าทาง IPSA มีผลิตภัณฑ์หลากหลายสูตรดังนั้นก่อนซื้อเราแนะนำให้ไปตรวจสภาพผิวและเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวในขณะนั้น เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่คุณต้องการจะเป็นทางเลือกที่เวิร์คที่สุด
และแน่นอนว่าผลลัพธ์ดังกล่าวนี้ Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง ไลฟ์สไตล์และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล / ส่วนคำถามว่า...ใช้แล้วจะแพ้ไหม สิวจะขึ้นหรือไม่ ? เราไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้-ระคายเคืองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม เราแนะนำให้ทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอ แล้วสังเกตุอาการแพ้ก่อนค่อนใช้ลงบนใบหน้าขอรับ
Thanks