จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลง/) /) (\ (\
( • . •) (• . • )
( づ ♡ ⊂ )
Helloo - สวัสดีค่า ทุกๆคนนน
ปีนี้เป็นปีที่เรารู้สึกว่าเวลาเดินไวมากๆ
ผ่านแป๊บเดี๋ยวก็จะหมดเดือนมิถุนากันอีกแล้ว
เราก็เลยอยากจะมาอัพเดท Skincare Routine
เรียกได้ว่าเป็น Favorites Skincare สำหรับครึ่งปี 2023 เลยก็ได้ค่ะ
เพราะแต่ละตัวเป็นตัวที่เราใช้ทุกวัน และซื้อซ้ำบ่อยมากๆเลยค่ะ
เดี๋ยวเราไปเริ่มดูกันเลยดีกว่าค่า ว่า Skincare Routine ของเรา
ใครครึ่งปีแรกนั้นมีตัวไหนกันบ้างง แต่ขอกระซิบอีกหน่อยนะคะว่า
ใช้จริงรีวิวโนสปอนเซอร์
ก่อนอื่นเลย เราต้องขอบแกสภาพผิวหน้าของเราก่อนเลยนะคะ
เราเองเป็นคนที่ผิวหน้ามันมากๆ แบบที่นั่งอยู่ในห้องแอร์เฉยๆ
หน้าเราก็มันเยิ้มได้เลยค่ะ แต่จะมันเฉพาะช่วงประมาณทีโซนค่ะ
และก็เป็นคนที่เป็นสิวง่าย รอยจากสิวก็หายยากมากๆค่ะ
เพราะฉะนั้น Skincare ของเราจะเป็นเกี่ยวกับคนผิวมัน ผิวมันขาดน้ำ
และ Skincare ที่เกี่ยวกับสิว ลดรอยสิวเป็นส่วนใหญ่นะคะ
เรามาเริ่มที่ตัวและกันก่อนเลยค่า
โทนเนอร์ Klehl’s เป็นโทนเนอร์ในตำนานและเป็นลูกรักของเรามากๆค่ะ
จริงๆโทนเนอร์ตัวนี้เขาดังมานานมากๆ แต่เราเองพึ่งได้มีโอกาสลองใช้
เมื่อปีที่แล้วนี่เองแต่พอได้ลองแล้วก็คือขาดไม่ได้เลยค่ะ
รู้ตัวอีกทีก็ซื้อซ้ำมาขวดที่ 3 แล้ว ที่ชอบเลยก็คือ เขาช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีมาก
ใครที่ผิวอ่อนแอ ผิวแพ้ง่าย หรือว่ามีชีวิตประจำที่ต้องเจอฝุ่นและมลภสวะทุกวัน
โทนเนอร์ตัวนี้ตอบโจทย์ผิวเราได้ดีสุดๆเลยค่า
น้ำตบ Biothem เราจะใช้เป็นตัว Clear Essence ค่ะ
น้องคนนี้ก็พึ่งขึ้นขวดที่ 2 มาหมาดๆเลย หลังจากที่เช็ดผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว
เราก็ใช้น้ำตบ Biothem Clear Essence ต่อเลยค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนผิวมัน
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนที่ผิวชุ่มชื้นนะคะ เราเลยต้องมีน้ำตบเป็นตัวช่วย
ให้ผิวเราได้รู้สึกสดชื้น ซึ่งน้ำตบตัวนี้ตอบโจทย์คนที่ผิวขาดน้ำสุดๆ
เพราะเขาช่วยให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มขื้นได้ดี ไม่ทำให้ผิวเรามันเพิ่ม
และที่ชอบมากก็คือเขาช่วยให้ผิวเรากระชับขึ้น เราใช้มาขวดที่ 2 แล้ว ชอบมากๆค่ะ
ตัวที่ 3 ใครที่ผิวแห้งควรค่าแก่การตำแบบสุดๆค่ะ
Clinique Moisture Surge 100H ตัวนี้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
ได้ถึง 100 ชั่วโมง อาจจะดูเวอร์ไปหน่อยแต่บอกได้เลยว่าคำเคลมนี้ไม่เกินจริงเลยค่ะ
ด้วยที่เราเป็นคนผิวมัน เราจะใช้ตัวนี้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น
ตื่นเช้ามาก็คือผิวฉ่ำแบบ glass skin สุดๆ ผิวดูสุขภาพดีเหมือนได้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
และเขายังช่วยลดรอยสิวที่หายยากๆ ให้ดูจางลงได้ด้วยค่าา
ตัวที่ 4 ก็คือ L'Occitane Immortelle Reset เราพึ่งลองใช้มาประมาณเกือบๆ 1 เดือน
เป็นไอเท็มที่เราได้มากจากงาน Event จากบ้านจีบันค่ะ คือเขาตอบโจทย์เรื่อง
ปัญหาผิวโทรมของเราได้ดีมากๆ ใครที่เป็นสาวบ้างานมากๆต้องเข้าใจคำว่า
นอนดึกตื่นเช้า ซึ่งทุกวันนี้เราได้นอนประมาณวันละ 4 ชั่วโมงเท่านัั้นเอง
คือไม่แปลกเลยที่ผิวเราจะโทรมมากๆ แต่พอได้ลองใช้ L'Occitane Reset ตัวนี้เลย
รู้สึกว่าผิวตื่นขึ้นมากๆ จากผิวที่โทรมก็ดูผิวสว่างขึ้น เขาช่วยให้ผิวเราเฟรชขึ้นจริงๆค่ะ
เดี๋ยวตัวนี้เราได้แอบทำ รีวิวแบบเต็มๆแยกไว้ด้วย แล้วจะมาป้ายยากันแบบเต็มๆ
ในบล็อคถัดไปนะค้า ฝากติดตามด้วยน้า
และตัวสุดท้าย น่าจะเป็นสกินแคร์ที่ถูกและดีที่สุดของเราแล้วจริงๆค่ะ
เพราะตัวนี้เขาใช้ซ้ำและหมดไปหลายซองมากๆ BK Acne Expert Fille
เป็นครีมซองที่ทำให้เรารู้สึกว่าผิวเรามีความกระชับขึ้น เพราะเขาช่วยในเรื่องของ
กาารเติมร่องลึก ช่วยให้รคิ้วรอยของเราดูตื้นขึ้น และใครที่ชอบแกะสิว
ผิวมีปัญหาเรื่องหลุมสิว ตัวนี้เขาก็ช่วยให้หลุมสิวของเราดูตื้นขึ้นด้วย
แถมยังทำให้รอยดำจากสิวดูจางได้ดีมากๆ
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⣠⣶⣶⣶⣦⠀⠀
⠀⠀⣠⣤⣤⣄⣀⣾⣿⠟⠛⠻⢿⣷⠀
⢰⣿⡿⠛⠙⠻⣿⣿⠁⠀⠀⠀⣶⢿⡇
⢿⣿⣇ ⠀⠀⠀ ⣶⢿⡇
⠀⠻⣿⣷⣦⣤⣀⠀⠀⠀⠀⣾⡿⠃⠀
⠀⠀⠀⠀⠉⠉⠻⣿⣄⣴⣿⠟⠀⠀⠀
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⣿⡿⠟⠁⠀⠀⠀⠀
ทั้งหมดนี้ก็จะเป็น Favorites Skincare Routine ที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน
ในตลอดครึ่งปีแรกเลยค่ะ เราเป็นคนที่ใช้สกินแคร์ไม่ค่อยเยอะมาก
แต่ถ้าตัวไหนใช้แล้วถูกกับผิวหน้าเราจริงๆ ก็จะใช้ซ้ำๆแบบต่อเนื่องจริงๆค่ะ
หวังว่าทุกคนจะ enjoy กับบล็อค Favorites Skincare Routine วันนี้ของเรานะค้า
วันนี้เราต้องไปก่อแล้วค่ะ ไว้เจอกันใหม่ บล็อคหน้านะค้า
รับรอบว่า เราจะกลับมาป้ายยาเพื่อนๆกันแบบจุกๆไปเลย
see u. ka
good bye