สวัสดีค่ะทุกคน ห่างหายไปจากการเขียนบล็อกนานเลย เพราะบีกลับไปทำงานประจำที่ฮ่องกงแล้วนั่นเอง (เดี๋ยวว่างๆ มาอัพเดทเรื่องชีวิตการทำงานที่ฮ่องกงดีกว่า สนุกและตื่นเต้นมากๆ) นอกจากจะทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว แม่บ้านคนนี้ก็ยังต้องวุ่นเรื่องลูกและงานบ้านงานช่องอีกเช่นเคยค่ะ เวลาที่ใช้ในการเขียนบล็อกก็เลยหายไปเลย แหะๆ
พูดถึงเรื่องงานบ้าน วันนี้บีก็อยากมาแชร์เรื่องเสื้อผ้าค่ะ เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นหน้าฝนของฮ่องกง ฝนตกแทบทุกวันเลย ตกจนตากผ้าตรงระเบียงบ้านไม่ได้ค่ะ แต่เสื้อผ้าที่บ้านก็ไม่เคยมีกลิ่นอับเลย จนมีเพื่อนชาวฮ่องกงถามว่าบีมีวิธีซักผ้ายังไง บีเลยบอกว่าต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ลดกลิ่นอับได้ค่ะ ก็เลยแนะนำของ Fineline ไป เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ช่วยให้ผ้ามีกลิ่นหอมนานและราคาน่ารักมากกกด้วยค่ะ
จริงๆ ที่บ้านบีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มของ Fineline มานานมากเลยค่ะ แต่ล่าสุด Fineline เค้าออกสูตรใหม่มาค่ะ มันคือ ไฟน์ไลน์ ปรับผ้านุ่ม ดีไลท์ค่ะ ซึ่งถูกพัฒนามาจากสูตรมาตรฐานที่เป็นรุ่นขายดีของ Fineline ค่ะ และแตกต่างจากสูตรมาตรฐานแบบเดิมตรงที่ผ้าจะหอมติดทนนานมากขึ้น เค้ามีเทคโนโลยีแคปซูลน้ำหอม หรือ Intense Capsule ทำให้กลิ่นหอมกว่าสูตรมาตรฐานถึง 3 เท่าเลยค่ะ ชนิดที่ว่าเช้าจรดเย็น กลิ่นยังติดทนเหมือนเดิม แถมยังใช้ได้กับทุกคนในบ้านเลยค่ะ รักมากก
เดี๋ยววันนี้บีมารีวิวน้ำยาปรับผ้านุ่ม 2 กลิ่น จากสูตรกึ่งเข้มข้นดีไลท์ให้ฟังดีกว่า
Fineline Delight – PINK ตัวแรกซองสีชมพูนี้คือกลิ่น PINK BLOSSOM ค่ะ น่าจะเป็นกลิ่นยอดนิยมที่หลายๆ บ้านใช้กัน เพราะบ้านบีก็ใช้มาหลายปีทีเดียว555 น้ำยาปรับผ้านุ่มของ Fineline ทุกตัวนอกจากจะทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมติดทนมากๆ และผ้านุ่มแล้ว ยังช่วยให้รีดผ้าได้ง่ายและเรียบขึ้นด้วยค่ะ
ที่สำคัญคือเหมาะกับสภาพอากาศหน้าฝนและชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่อยู่ในคอนโดแบบบีมากเพราะมันมีเทคโนโลยี FX tech ที่จะช่วยกำจัดกลิ่นอับนั่นเองค่ะ และถ้าใครเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำหรือมีกลิ่นเหงื่อเยอะ บีก็แนะนำให้ใช้เลย เพราะมันจะช่วยดับกลิ่นเหงื่อในผ้าได้เยอะมากๆ ค่ะ
กลิ่น PINK BLOSSOM เป็นกลิ่นที่บีใช้มาหลายปีมากค่ะ แต่ใช้เป็นสูตรมาตรฐานนะคะ ตัวกลิ่นจะมีความหอมแบบ Floral เป็นโทนดอกไม้หวานๆ แบบชัดเจนเลยค่ะ สำหรับสูตรใหม่ดีไลท์ บีรู้สึกว่ากลิ่นจะเป็นโทนเดิมเลย คือหอมแบบสดชื่น เฟรชมากๆ แต่กลิ่นหอมจะชัดกว่าสูตรมาตรฐานและกลิ่นมันติดทนนานมากกว่าค่ะ
Fineline Delight – VIOLET
ต่อมาทางฝั่งขวา ซองสีม่วงนี้เป็นอีกกลิ่นยอดนิยมของ Fineline ค่ะ มันคือ VIOLET DREAM นั่นเอง เป็นอีกกลิ่นที่บีได้ลองใช้แล้วรู้สึกจึ้งมากกก! กลิ่มหอมอโรม่ามากค่ะ มีความละมุน ให้ความผ่อนคลาย เหมือนอยู่ในสปาเลย และเด็กๆ อย่างเจคอปก็ชอบมากด้วย
ส่วนเรื่องการรีดผ้า บีว่าผ้ามันรีดง่ายมาก และรีดเรียบกว่าผ้าที่ไม่ได้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มของ Fineline ค่ะ เดี๋ยวเอารูปมาเทียบกันให้ดูดีกว่าค่ะ
ฝั่งซ้ายคือผ้าที่ไม่ได้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มนะคะ รีดยากกว่าพอสมควรเลย และผ้าไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ค่ะ
ฝั่งขวาคือที่บีใช้ Fineline Delight – PINK ค่ะ นอกจากผ้าจะรีดง่าย ลื่นนน และสะดวกแล้ว ผลลัพธ์ของผ้าก็ออกมาดีมากเลยค่ะ เรียบและดูคลีนมาก
เดี๋ยวจะมาแนะนำกลิ่นที่เหลือที่บีเคยลองใช้ในสูตรมาตรฐานดีกว่า เผื่อเป็นไกด์ไลน์ให้สาวๆ ที่ยังไม่เคยลองใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มของ Fineline ค่ะ
ซองสีขาว (กลิ่น เจนเทิลไวท์)
เป็นกลิ่นที่บ้านบีใช้มาอย่างยาวนานมากกกค่ะ จะเป็นกลิ่นแนว Powdery มีความหอมแป้งๆ เหมือนแป้งเด็ก หอมละมุน และอ่อนโยนมาก
ซองสีฟ้า (กลิ่นแคร์ริ่งบลู)
กลิ่นนี้จะสดชื่นแบบสบายๆ ให้ความรู้สึกสะอาด ให้ความรู้สึกเย็นๆ เบาๆ มีความนุ่มลึกของกลิ่น และกลิ่นไม่ซ้ำใครด้วยค่ะ
ซองสีชมพูดำ (กลิ่นมิราเคิลพิ้งค์)
กลิ่นนี้จะดูหอมแบบแพงๆ ดูหรูหราขึ้นมาค่ะ จะเป็นกลิ่นโทน Floral ที่มีความฟุ้งมากกว่ากลิ่นพิ้งค์บลอสซั่ม เป็นอีกกลิ่นที่ให้ผ้ามีความหอมหวานค่ะ
ซองสีแดง (กลิ่นเรดโรแมนซ์)
จะมีกลิ่นหอมแบบพวกน้ำหอมยอดนิยมที่เราเคยได้กลิ่นกันค่ะ บีว่ากลิ่นมันแอบคล้าย Bombshell ของ Victoria’s secret ค่ะ หอมหวานๆ โทนดอกไม้แบบชัดเจนค่ะ
สำหรับบี บีว่ากลิ่นหอมทุกกลิ่นเลยค่ะ แต่จะเป็นคนละแนวๆ กันไป ใครชอบกลิ่นไหนก็ลองเลือกที่ชอบมาลองใช้กันดูค่ะ แล้วจะรู้ว่านอกจากผ้าจะหอมฟุ้ง นุ่มฟู ไร้กลิ่นอับแล้ว ผ้ายังรีดง่ายขึ้นด้วย สะดวกต่อการใช้ชีวิตมากค่ะ ^___^
ส่วนวันนี้บีต้องขอตัวก่อนแล้ว แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ บ๊ายๆ ค่ะ