8 รองพื้นเนื้อบางเบา ได้งานผิวเล่นแสง คุมมัน ไม่หยาไม่อุดตัน

navigate_beforeย้อนกลับ

0 

ทำไมออกกำลังกายทุกวันแต่ก็ยังอ้วนเหมือนเดิม

มีหลายคนต้องการออกกำลังกายเพื่อที่จะหุ่นดีและลดน้ำหนัก แต่มีปัญหาบางอย่าง คือ ไม่ว่าจะออกกำลังกายยังไงก็ยังอ้วนเหมือนเดิม น้ำหนักก็ยังไม่ลดเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ก็ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ที่เป็นเช่นนี้ อาจจะเกิดจากการออกกำลังกายของเรา ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่ก็เป็นไปได้

ช่วงที่ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีนั้น เรียกว่า Fat Burn Zone ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายของคนเราสามารถเผาผลาญพลังงานต่างๆ ได้มากที่สุดนั่นเอง

ถ้าหากว่า เราเคยปั่นจักรยาน จะสังเกตเห็นว่าเวลาที่เราปั่นแบบสบายๆ ปั่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร กับอีกกรณีหนึ่ง ที่เราปั่นจักรยานแบบเต็มที่ แบบสุดแรง เราจะรู้สึกว่า ความเหนื่อยของทั้งสองกรณีนี้จะไม่เท่ากัน และมีความแตกต่างกันเยอะมาก ทีนี้เรามาดูกันว่า เราจะออกกำลังกายยังไง เพื่อให้อยู่ในช่วงที่เป็น Fat Burn Zone 

ช่วงนี้จะถือว่า เป็นช่วงที่หัวใจเต้นตุ๊บตั๊บ ตุ๊บตั๊บ คือเป็นช่วงที่ร่างกายของเราออกกำลังกายและก็มีความเหนื่อยในระดับปานกลางนั่นเอง แต่ว่าจะต้องออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ถึงกับเหนื่อยหอบมากเกินไป เราจะรู้สึกได้ว่าหัวใจของเราจะเต้นแรงขึ้น โดยส่วนมากการออกกำลังกายที่อยู่ในช่วงนี้ จะเป็นการเต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ การวิ่ง หรือว่าการปั่นจักรยาน หรืออาจจะเป็นการออกกำลังกายอื่นๆ ที่ทำให้เราเหนื่อยในระดับนี้ได้ในขณะที่เรากำลังออกกำลังกาย และก็มีความเหนื่อยในระดับนี้นั้น เราก็ควรที่จะคงที่ระดับนี้ไว้ให้ได้ซัก 15-30 นาที ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าร่างกายมีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน

ถ้าหากว่าเราออกกำลังกายหนักขึ้นๆ ตรงนี้จะเป็นการเข้าสู่ช่วงของ คาร์ดิโอ ซึ่งจะทำให้หัวใจทำงานมากขึ้น  โดยช่วงนี้ร่างกายของคนส่วนใหญ่ จะทนได้ไม่นานเท่ากับช่วง Fat burn Zone เพราะว่า คาร์ดิโอ จะเป็นการใช้แรงในระดับที่หนัก แต่ช่วง Fat burn Zone นี้คือออกกำลังกายในระดับปานกลาง แต่ว่าเราจะออกกำลังกายที่นานกว่านั่นเอง

ต่อไปเรามาดูวิธีสังเกตว่า เราออกกำลังกายยังไง เพื่อที่จะอยู่ในช่วงของ Fat burn Zone

วิธีง่ายๆก็คือ ถ้าหากเรากำลังออกกำลังกายอยู่นั้น จะสามารถสังเกตได้จากความเหนื่อยของเรา ความเหนื่อยในระดับปานกลางนี้ดูง่ายๆ โดยที่เราพูดประโยคยาวๆ ได้ในขณะที่ออกกำลังกายอยู่ และก็รู้สึกว่าหัวใจของเราเต้นเร็วขึ้นอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงกับสามารถร้องเพลงยาวๆได้ นี่คือช่วงของการออกกำลังกายปานกลาง ในระยะนี้ควรที่จะทำให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป ปกติการออกกำลังกายในระดับนี้จะเหมาะสมกับผู้สูงอายุ และก็คนที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายใหม่ๆ

และสำหรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หัวใจจะทำงานมากขึ้น หัวใจจะเต้นแรงมากขึ้น เราสามารถพูดได้เพียงแค่ประโยคสั้นๆ เท่านั้น และเราจะหายใจถี่ขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับหายใจหอบแฮ่กๆ ไปเลย ถ้าเราออกกำลังกายในลักษณะนี้ เราอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 15-20 นาทีก็พอ ซึ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนี้ จะเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวันอยู่แล้ว หรือคนที่เป็นนักกีฬา

ไม่ว่าเราจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ตาม เราจะต้องมีการตรวจสภาพร่างกายของเราก่อน ว่าสุขภาพร่างกายของเราพร้อมที่จะออกกำลังกายหรือยัง ก่อนที่ออกกำลังกายมีการพักผ่อนมาเพียงพอหรือยัง และทุกครั้งก่อนออกกำลังกายเราจะต้องมีการวอร์มร่างกายก่อน และก่อนที่จะหยุดออกกำลังกายเราก็จะมีการ cool down เช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บในระหว่างที่เรากำลังออกกำลังกายนั่นเอง

แหล่งอ้างอิง https://iill.me/ออกกําลังกาย

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

ขอบคุณค่ะ

8 ส.ค. 2561 เวลา 9:57 น.
ความคิดเห็นที่ 2

ขอบคุณค่ะ สำคัญเลยก็ต้องดูแลเรื่องอาหารคู่ไปด้วยค่ะ

9 ส.ค. 2561 เวลา 14:47 น.
What's new
รีวิว 5 รองพื้นผิวโกลว์ บางเบาแต่ปกปิดเนียนกริบ ติดทนตลอดวันรีวิวมาสคาร่าขนตาพลุ ตัวใหม่จาก Maybelline ขนตาพุ่งกระจาย มีวอลลุ่มแบบ 360 องศาCute Press จัดเต็มคอลใหม่! "Wave Up Make Up" 40 ชิ้น จุกๆ แมทช์สนุกสุดทุกสีสัน!ป้ายยาลิควิดบลัชตัวใหม่จาก Gentle Colors เนื้อละมุน เบลนด์ง่าย สีชัดติดทนนานมัดรวม 4 ปีชงปีมะเส็ง มีนักษัตร์ไหนบ้าง พร้อมสถานที่ วิธีแก้ชง 25688 รองพื้นเนื้อบางเบา ได้งานผิวเล่นแสง คุมมัน ไม่หยาไม่อุดตัน10 เจลล้างหน้า ผิวแพ้ง่าย ลดสิว ผิวสะอาดไม่ระคายเคือง หน้ามันก็ใช้ได้ดูดวงความรัก การงาน การเรียน การเงิน ระหว่าง 3 - 9 พ.ย. 67 (ทุกราศี) แต่งหน้ายังไงให้ติดทน? แจก 8 วิธีแต่งหน้าติดทน ไม่เป็นคราบ ฉบับโมเมพาเพลินกิจกรรม :: ชวนทดลองใช้ กันแดด BSC Expert White Spot Protect Sunscreen เผยผิวหน้ากระจ่างใสพร้อมท้าแดด จำนวน 250 รางวัล