จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงสวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน เราชื่อทิปซี่นะคะ วันนี้ตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักของเราที่ได้มากกว่าแค่การเอาชนะคำพูดดูถูกของใครหลายๆคน แต่มันทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปเลยค่ะ ทั้งในเรื่องของสุขภาพ ความรัก การมีตัวตนและการเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น เผื่อว่าเรื่องของเราจะช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับสาวอวบทุกคนนะคะ
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนเลยว่า เราเป็นคนที่อ้วนมาตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ อยู่กับน้ำหนัก 70 กว่าๆมาตลอด ยังดีที่เราเป็นคนผิวออกขาวเหลือง ก็เลยรู้สึกว่า เอ้อ เราก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนะ อ้วนๆขาวๆ ก็ยังน่ารักอยู่ ในความคิดของเรา แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงอ่ะเนอะ ก็ต้องอยากสวย อยากหุ่นดี ใส่เสื้อผ้าแบบสวยๆได้ ทำให้เราเลือกที่จะกินยาลดความอ้วน เพราะว่าเป็นวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดแล้ว ยี่ห้อไหนๆที่ใครว่าดี ว่าผอม เราก็ลองมาหมด สำหรับเราถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ลดความอ้วนโดยวิธีนั้นแน่นอน
ตอนที่เรากินยา เราผอมลงไวมาก ไม่อยากอาหาร ไม่อยากขนม แต่พอเราหยุด “แม่เจ้า!” ทำไมมันอยากกินไปทุกอย่าง แต่ครั้งแรกเราก็ยังไม่เชื่อนะว่ามันคืออาการโยโย่ เราก็คิดว่าเป็นเพราะช่วงนั้นทำงานกะดึก เลิกดึก กินดึก แล้วก็แอบกินเพลินไปหน่อย คงไม่แปลกที่น้ำหนักจะขึ้น ก็เลยกลับมากินยาลดความอ้วนอีกครั้ง แล้วยังไง ปัญหาเกิด โยโย่อีกเป็นครั้งที่ 2 จนคราวนี้เพื่อนๆในกลุ่มเริ่มทักว่าอ้วนขึ้น( อีกแล้ว;( ) บวกกับเสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ก็แน่น จนยัดไม่เข้า น้ำหนักที่ทรงๆอยู่ 73 กก. ก็พุ่งพรวดขึ้นมาอีก 20 กก. กลายเป็น 93 กก.!!!
ทำให้การใช้ชีวิตของเรามีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์ ลงเรือ ก็อยู่หัวเรือ ท้ายเรือไม่ได้ ต้องอยู่กลางๆเท่านั้น เวลาเดินเข้าออก คนอื่นๆที่ร่วมทางมา ก็ต้องติดที่เรา เพราะเราอ้วน! นั่งพี่วินก็ไม่มีใครอยากจะรับ ลามมาจนถึงเรื่องสุขภาพ ที่ความอ้วนมีส่วนเกี่ยวข้องมากจริงๆ จากการที่เราอ้วนมากทำให้ฮอร์โมนเราผิดปกติ ประจำเดือนมาครั้งนึงเป็นเดือนๆ จนต้องไปหาหมอ กินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนกันเลยค่ะ
แต่สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราคิดอยากจะลดน้ำหนักแบบจริงจังในครั้งนี้ขึ้นมาเลย ก็คือ คำพูดของคนคนหนึ่งที่พูดกับเราว่า “อ้วนแล้วยังไม่เจียม” ฟังแล้วมันจี๊ด จากวันนั้น ทำให้เรามีแรงฮึด หันมาเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เริ่มด้วยการเข้าฟิตเนส แต่จากการที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยในชีวิต ทำให้การเข้าฟิตเนสในช่วง 2 อาทิตย์แรกของเราเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก เฮ้ย! เราทรมานร่างเพื่อ... เลือดกำเดาไหลออกมาไม่หยุด TT
ในตอนนั้นเราท้อมาก คือ ชั้นจะไม่มีทางผอมได้ใช่มั๊ย?! แต่ด้วยความที่เราอยากจะเอาชนะคำพูดดูถูก เราเลยเอาคำพูดนั้นๆกลับมาเป็นแรงผลักดันให้เราต้องสู้ต่อ เอาว่ะ เริ่มใหม่! คราวนี้เราก็เริ่มที่จะควบคุมอาหารไปพร้อมๆกับการออกกำลังกาย จนในที่สุดเราสามารถลดน้ำหนักจาก 93 กก. เหลือ 73 กก. จากรอบเอว 46 นิ้ว เหลือ รอบเอว38 นิ้ว
แต่ แต่ แต่ ทำไมชีวิตคนเรามันยากจังลดได้ 20 กก. ยังมีคำว่า แต่ ทำไมนะเหรอ ตัวเรา “ย้วย” ไปทั้งตัวเห็นกันชัดๆขึ้นไปอีก กุมขมับกันเลยจ้า นี่ที่เราอดทนทำมาทั้งหมด ผลที่ได้คือความย้วยเหรอนี่ แขน ขา พุงของเราห้อย เซลลูไลท์ รอยแตกลายเห็นชัดมาเป็นลายแทง ปล่อยโฮกันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราก็เลยเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป เล่นเฟสไปมาก็เห็นโฆษณาครีมกระชับสัดส่วน เอาว่ะ หาตัวช่วยสักหน่อย แรกๆที่เริ่มลองใช้ เราเลือกใช้แบบเย็นก่อน เพราะส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่มันร้อนๆ พอใช้ๆไปหมดขวดแรก ก็ไม่เห็นผล อาจจะแล้วแต่คนด้วยมั้ง เราก็เลยหันมาลองแบบร้อนแทน ทำให้เราได้มาเจอกับลูกรักของเรา MANAMI BODY FIRMING CREAM นี่เล้ยย ตอนได้ลองครั้งแรกนี่ยอมรับเลยนะ ว่าร้อน แต่ร้อนแค่นี้สบายมาก^^ ยิ่งพันแรปของเค้าแล้วด้วยนะ ยิ่งเหมือนเร่งเบิร์นคูณ2 หลังจากที่เราทาครีมและพันแรปทิ้งไว้ 2 ชม. เราลองเอาสายวัดมาวัดรอบแขนดู แขนเราเล็กลงไปตั้ง 4 เซนแหนะ แม่เจ้ามาก! เราเลย เอาว่ะ วันแรกยังเห็นผลขนาดนี้ ลองใช้ต่อไปเรื่อยๆดูแล้วกัน สิ่งแรกที่เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากครีมมานามิเลยคือ ต้นแขนย้อยๆของเรา น้องปีกค้างคาวค่อยๆเล็กลง ต่อมาเป็นต้นขาก็กระชับขึ้นเรื่อยๆ รอยแตกลาย เซลลูไลท์ลดลง และสุดท้ายคือ หน้าท้อง ย้วยๆของเรา มันเฟิร์มขึ้น เอว S เริ่มมา คือกรี๊ดหนักมาก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแค่ครีมตัวเดียวจะเปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ได้ขนาดนี้
ทริคของเราก็คือ ทั้งเช้าและเย็น เราจะทาครีมมานามิที่ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา แต่ส่วนอื่นๆเราก็ปาดๆไปด้วยเลยนะ เสียดายครีมที่ติดอยู่ที่มือ5555 แต่ตอนเย็นก่อนนอนนี่เราจะพันแบบเป็นมัมมี่ไปเลยนะคะ เพื่อที่ตื่นมาจะได้สวยเลยเร็วๆ เราทำแบบนี้ทุกวัน ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร (ไม่อดนะ แค่ควบคุม) กินครบ 3 มื้อ ขนมก็ไม่อด^^ ทาครีมมานามิ เป็นเวลาทั้งหมดอีก 6 เดือน เราใช้ครีมมานามิไปถึงวันนี้ 12 หลอด (ติดมาก ทาแทบจะทั้งวัน) น้ำหนักของเราจาก 73 กก. ตอนนี้เหลือ 58 กก. เฮ้ย! ฉันหุ่นดีแล้ว ฉันมีเอว S แล้ว
พอได้มองย้อนกลับไป ตอนนี้เรารู้สึกขอบคุณทุกๆคำพูดดูถูก ทุกครั้งที่เราส่องกระจก ถ่ายรูป ถ้าไม่มีคำพูดดูถูกในวันนั้น ก็คงไม่มีเราแบบที่เป็นอยู่ในวันนี้ เพื่อนๆรอบข้างที่รู้จักกันก็มีทักเข้ามาถาม เข้ามาชม ถึงการลดน้ำหนักอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้เราดีใจ และเต็มใจให้คำปรึกษามากๆค่ะ
สุดท้ายแล้วเราอยากจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่อยาก หรือกำลังลดน้ำหนักแล้วท้ออยู่ อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดหวัง ทิปซี่หนัก 93 กิโลทำได้ ใครๆก็ทำได้ค่ะ♥
ขอบคุณค่ะ