จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลง1. การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้วไม่ตรวจอีก ?
หลายๆท่านเข้าใจผิดว่าการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้วจะไม่สามารถเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิด ในกรณียังไม่เคยติดเชื้อ การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันได้ 70 % หากกรณีที่ติดเชื้ออยู่หรือเคยติดเชื้อมาแล้ว กรณีนี้ฉีดวัคซีนป้องกันได้แต่ประสิทธิภาพจะลดลงมา และในกรณีที่เคยตรวจมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังคงต้องตรวจเป็นประจำเช่นเดิม เนื่องจากความแม่นยำผลการตรวจไม่ 100% ยังคงแนะนำให้ตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ครบทุกสายพันธุ์ ถ้าตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกเร็วก็สามารถรักษาให้หายได้
2. ไม่มีอาการความเสี่ยงจึงไม่ตรวจมะเร็งปากมดลูก ?
ในกรณีที่ถึงแม้ไม่มีอาการความเสี่ยง แต่เราสามารถไปตรวจมะเร็งมะเร็งปากมดลูกได้เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นมะเร็งปากมดลูกในอนาคต กรณีตัวอย่าง เช่น
- ไม่มีตกขาว
- ไม่มีอาการปวดท้อง
- ปัสสาวะไม่ขัด
- ติดเชื้อ HPV แต่ไม่มีอาการ
- เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือ เลือดออก กะปริบกะปรอยและเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการดังนี้ไม่ควรประมาท
3. ไม่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ?
- ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ คู่นอนแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ มีความเสี่ยงได้
- มีคู่นอนหลายคน ทำให้มีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีคู่นอนคนเดียว
- มีคู่นอนคนเดียว แต่แฟนอาจจะเปลี่ยนคู่นอนมาหลายคนแล้ว
- ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ทานยากดภูมิ มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ่อยๆ เพิ่มอัตราความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
สรุปว่า ถึงแม้การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะมีอาการความเสี่ยงหรือไม่มีอาการความเสี่ยงก็ตาม หากมีคู่นอนแล้ว ผู้หญิงทุกคนควรให้ตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ครบทุกสายพันธุ์ ถ้าตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกเร็วก็สามารถรักษาให้หายได้ และไม่ควรประมาท เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวของคุณผู้หญิง
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ตรวจพบบ่อยในผู้หญิงไทย
โดยส่วนใหญ่มะเร็งปากมดลูกติดมาจากเชื้อ HPV โรคมะเร็งชนิดนี้เกิดจากการติดเชื้อที่มีชื่อว่า HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ เชื้อ HPV มันสามารถเข้าไปอยู่ในร่างกายของเราโดยไม่แสดงอาการใดๆ และจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อมีอาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว
การตรวจมะเร็งปากมดลูก
1. การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test)
เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จะใช้เครื่องมือสอดผ่านและถ่างช่องคลอด จากนั้นจะทำการป้ายเซลล์จากมดลูกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
2. การตรวจ HPV ในปัสสาวะ
(การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากปัสสาวะ)
เป็นการตรวจหาเชื้อ HPV จากปัสสาวะ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการตรวจ ลดคลายความกลัวและความอายสำหรับคนที่ไม่ต้องการตรวจภายใน แต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน
ข้อดีของ Urine HPV Test
(การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากปัสสาวะ)
- ทางเลือกของผู้หญิงที่กลัว และไม่กล้ารับการตรวจภายใน เพิ่มอัตราการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
- ไม่ต้องขึ้นขาหยั่ง ไม่เจ็บ ไม่ต้องอาย
- ตรวจง่ายจากปัสสาวะ
- สะดวก ง่าย ไม่ต้องเดินทาง
ข้อแม้ของการตรวจ Urine HPV Test
- ตรวจปัสสาวะแรกของการตื่นนอน
ปัจจัยเสี่ยงนอกจากการติดเชื้อ HPV แล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
• การสูบบุหรี่
• มีระบบภูมิคุ้มกันพกพร่อง
• รับประทานย-าคุ-มกำเนิดชนิดเม็ดเป็นเวลานานมากกว่า 5 ปี
ในทางสากลของโลก หากผลตรวจ Pap Smear และ HPV ตรวจพร้อมกันผลตรวจออกมาเป็นปกติ และไม่พบการติดเชื้อไวรัส HPV ก็สามารถยืดเวลาตรวจ เป็นตรวจทุกๆ 5 ปีแทนได้ แต่ยังต้องมีการตรวจภายในเป็นประจำอยู่เช่นเดิม แต่โดยทั่วไปคุณหมอในประเทศไทยจะแนะนำให้ตรวจทุกๆ 3 ปี
มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)⠀
เป็นมะเร็งที่เกิดบริเวณปากมดลูกของผู้หญิง อาจมีอาการบ่งชี้ เช่น ตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวคล้ายหนอง เลือดออกจากช่องคลอดอย่างผิดปกติโดยที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือผู้ที่อยู่ในวัยทองมีเลือดออกหลังจากที่หมดประจำเดือนไปแล้ว
โดยทั่วไปมักไม่พบอาการแสดงในระยะแรกที่เริ่มป่วย แต่จะมีอาการเมื่อเซลล์มะเร็งได้ลุกลามไปแล้ว สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ HPV ดังนั้นมะเร็งปากมดลูกส่วนหนึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ
โรคมะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น 4 ระยะ
- ระยะที่ 1 : มะเร็งอยู่ที่ตัวปากมดลูกเป็นหลัก
- ระยะที่ 2 : เซลล์ร้ายลุกลามออกไปยังช่องคลอดและด้านข้างของปากมดลูก
- ระยะที่ 3 : เริ่มมีการแพร่ขยายไปถึงช่องคลอดและปากช่องคลอด ชิดผนังอุ้งเชิงกรานและท่อไต
- ระยะที่ 4 : ลุกลามไปในกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ และอวัยวะใกล้เคียงเช่น ตับ ปอด
ใครมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก ?
- ท่านที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ
- มีคู่นอนหลายคน หรือกับผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
- สูบบุหรี่
- มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ ซิฟิลิส หนองใน เริม
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- ผู้ที่ไม่เคยตรวจหรือฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
แหล่งที่มา
1. https://www.facebook.com/watch/?v=1401774220567747
2. https://www.rama.mahidol.ac.th/cancer_center/th/protfolio/knowledge/gyne/servix
3. https://www.hfocus.org/content/2022/09/25910
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ Probiotic
เพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-821-5501
Facebook : https://www.facebook.com/WinonaProbio
Youtube : https://www.youtube.com/@bywinonaprobiotics2569
E-mail : info@winonafeminine.com
Website : https://winonaprobio.com/
1 / 2