จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงเจาะลึก "ฮูเวอร์อุตสาหกรรม" ผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง
ปรับตัวแก้โจทย์ตลาดไทย - สร้างมาตรฐานแข่งขันตลาดโลก
ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) แสดงศักยภาพโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้จุดเปลี่ยนตลาดเครื่องสำอางไทย เร่งปรับตัวแก้โจทย์โกยฐานลูกค้า SME พร้อมเร่งยกระดับนวัตกรรมสร้างสินค้าไอเดียเฉพาะ ภายใต้วัตถุดิบรักษ์โลก ต่อยอดสู่การแข่งขันท้าทายคู่แข่งในตลาดบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางโลก
นายเอนก เขมพาณิชย์กุล Design Director บริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของ Thai Hoover Industry ว่า ฮูเวอร์อุตสาหกรรมเป็นโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางกลุ่ม Color cosmetics ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งมาประมาณ 40 ปี โดยรับเอาองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาจากพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ฮูเวอร์อุตสาหกรรมสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางได้แบบครบวงจร ตั้งแต่เริ่มรับวัตถุดิบ (Raw Materials) ทั้งในกลุ่มพลาสติก และวัตถุดิบที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯ อย่างอะลูมิเนียม ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการผลิต จนออกเป็น Finished Goods นำส่งให้ลูกค้าในไทยและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้า Global Brand อาทิ Yves Saint Laurent, Dior, Givenchy ฯลฯ
แต่เดิม ฮูเวอร์อุตสาหกรรม มีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ 2 กลุ่ม คือลูกค้าในประเทศและลูกค้าต่างประเทศ ในสัดส่วนเท่า ๆ กันที่ร้อยละ 50:50 แต่ในช่วง 5 ปีหลังก่อนเกิดสถานการณ์โควิด คือช่วงที่ฐานลูกค้าในประเทศของฮูเวอร์อุตสาหกรรม เริ่มมีจำนวนลดลง แต่ก็ถูกชดเชยด้วยจำนวนลูกค้าต่างประเทศที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ที่เข้ามาแทนที่ด้วยสัดส่วนราว 70-80%
นายเอนก เผยว่าผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์โควิด คือการที่ End-user ลดการใช้เครื่องสำอาง จนลูกค้าต้องชะลอการผลิต แต่ผลกระทบหลักที่เกิดกับฮูเวอร์อุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วประเทศ เกิดมาจากปัญหาที่สะสมมานานของโครงสร้างธุรกิจเครื่องสำอางไทย
"เมื่อ 10 ปีก่อน ตลาดเครื่องสำอางไทยแข่งขันกันด้วยผู้เล่นหลักไม่กี่เจ้า ที่มีทั้งกำลังการผลิตและกำลังการซื้อ แต่ในระยะหลังที่ออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตลาดเครื่องสำอางเกิดผู้เล่นใหม่อย่างกลุ่ม SME ที่มีแนวทางการทำธุรกิจต่างจากเจ้าใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องทุนทรัพย์ในการลงทุน ซึ่งลูกค้า SME ไม่สามารถสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ในจำนวนขั้นต่ำ (MOQ) ของโรงงานได้ ข้อจำกัดนี้คือผลกระทบเสียหายต่อทั้ง 2 ฝ่าย คือฝั่ง SME จะไม่ได้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ Custom ได้เองตามต้องการ ส่วนฝั่งโรงงานจะมีสัดส่วนลูกค้าในประเทศหายไป และอาจหมายถึง Margin จำนวนมากที่หายตามไปด้วย"
ความเปลี่ยนแปลงของตลาดเครื่องสำอาง ถือเป็นโจทย์ท้าทายที่ ฮูเวอร์อุตสาหกรรม ต้องปรับตัวในการเร่งดึงฐานกลุ่ม SME เพิ่มสัดส่วนลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงการเพิ่มศักยภาพบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเจ้าใหญ่ พร้อมสร้างความเป็นนวัตกรรมเพื่อยกระดับการแข่งขันกับโรงงานบรรจุภัณฑ์ในระดับ Global
"เราพยายามสร้างการเข้าถึงลูกค้า SME ด้วยวิธีที่แตกต่างจากในอดีต เพราะหลัก ๆ แล้ว บรรจุภัณฑ์คือปัจจัยท้าย ๆ ที่กลุ่ม SME จะนึกถึงในตอนสร้างแบรนด์ จึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะรู้จักกับโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ นั่นทำให้งาน Exhibition หรืองานแสดงสินค้าลักษณะ B2B กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในการเข้าถึงคู่ค้าใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น SME หรือซัพพลายเออร์ และเรายังมองถึงข้อดีในการได้เจาะไปในกลุ่มโรงงานใส่เนื้อหรือ Filling Company ที่มีจำนวนเกิดใหม่ไม่น้อยกว่ากลุ่ม SME เพื่อสร้างโอกาสการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันในอนาคต"
อีกสิ่งที่ ฮูเวอร์อุตสาหกรรม ได้เร่งปรับตัว คือการสร้างสินค้าใหม่ ๆ และสิ่งที่เป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจากในตลาด ด้วยการนำ Know-how จากองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาผนวกกับงานดีไซน์และวิศวกรรม เพื่อออกแบบสินค้า Unique ที่มีความเฉพาะตัว และมีความสามารถแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกได้ ประกอบกับอีกจุดแข็งของฮูเวอร์อุตสาหกรรม ในการโฟกัสถึงนโยบายผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ด้วยการนำ ECO Materials มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง
"ไทยฮูเวอร์ เป็นโรงงานที่ใช้พลาสติกค่อนข้างเยอะ" นายเอนก กล่าว "ด้วยความที่เทรนด์สิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์ที่ทุกอุตสาหกรรมทำกัน วิธีที่ดีที่สุดในการรับผิดชอบพลาสติกของเราคือการไม่กำจัด ไม่ทำลาย แต่นำกลับมาใช้ใหม่ด้วยวิธีการรีไซเคิล โดยนำ Post-consumer Recycled หรือพลาสติกบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่ End-user ใช้แล้วทิ้ง มาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกส่งกลับมายังโรงงาน ซึ่งในภาคนโยบายที่เราทำร่วมกับลูกค้ากลุ่มยุโรป จะมีระบุไว้ชัดเจนว่าทุกบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตและส่งขาย จะต้องมีวัตถุดิบ Post-consumer Recycled รวมอยู่กี่เปอร์เซ็นต์"
นอกจากการนำพลาสติกรีไซเคิลมาเป็นวัตถุดิบในบรรจุภัณฑ์แล้ว ฮูเวอร์อุตสาหกรรม ยังมองไปถึงการใช้วัสดุที่มีผลดีต่อโลกไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบลักษณะของ ECO Base อาทิ พลาสติกที่ไม่ได้มาจากปิโตรเลียม แต่มาจากพืช แกลบ หรือข้าวโพด รวมถึงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable Plastic) สร้างบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางที่เป็น Industrial Compost คือจะไม่ย่อยสลายในขณะที่ใช้งาน แต่จะเริ่มย่อยสลายในพื้นที่ที่มีองค์ประกอบทางจุลินทรีย์ อุณหภูมิ และความชื้นที่เหมาะสม
พบกับบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางของ ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) ได้ที่งาน Cosmoprof CBE ASEAN 2022 ในระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2565 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ www.thaihoover.com หรือ www.facebook.com/thaihoover