จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงหลายๆ คน คงมีปัญหาคล้ายๆ กัน
คือ!!!
ซื้อ Skincare มาตั้งแพง แต่ผลลัพธ์กับไม่ดีเหมือนราคาที่จ่าย แถมกว่าจะครบทั้ง Routine บอกเลยค่ะ "หมดตัว" เพราะบางครั้งเราลงทุนกับ Skincare ไปเยอะมาก บางตัวก็ราคาสูงถึง 2000 - 4000 กว่าจะครบทั้ง Routine บอกเลยค่ะว่ากว่าจะรู้ตัว หมดเงินไปร่วมๆ กันเป็นหมื่นแล้ว เรื่องนี้ยาวมากกกกกก ขอเล่าเป็น Ep แล้วกันนะคะ
และ Ep1 ของเราในวันนี้ จะมาแชร์เทคนิค...
1. เลือกซื้อเพราะขาด Skincare ตัวนั้นใน Skincare Routine จริงๆ
เป็นกันมั้ยคะ แบบ.. อุ๊ย ตัวนั้นก็ยังไม่มี ตัวนี้ก็ยังไม่มี ของมันต้องมีอะแก ทั้งๆ ที่จริงๆ ทั้งคุณสมบัติและส่วนประกอบก็เหมือนตัวเดิมที่เรามีอยู่แล้ว กลายเป็นเราซื้อของ 2 อย่างที่ออกฤทธิ์เหมือนกัน แถมผิวก็ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิมด้วย
2. เลือกซื้อเพราะเรามีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นจริงๆ
เดี๋ยวนี้ข้อมูลต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตนั้นหาง่ายมากค่ะ ถ้าเราสนใจตัวไหนก็แค่พิมพ์ลงไปในช่องค้นหา เราก็จะได้รู้ทุกๆ อย่าง รีวิว ส่วนประกอบ เกณฑ์ของผลิตภัณฑ์ราคา แต่ก็จะมีบางคน เห็นรีวิวแค่ครั้งเดียวก็ซื้อเลย ลืมดูไปว่า Skincare ตัวนั้นเหมาะกับผิวเราจริงๆ หรือเปล่า สารประกอบหลักมีอะไร เป็นอะไร ช่วยอะไร จะตีกับตัวที่มีอยู่มั้ย บางคนซื้อมาลองแล้วแพ้เองก็มีทำให้เราเสียเงินไปฟรีๆ
3. เลือกซื้อเพราะแบรนด์มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ สามารถตรวจสอบได้
บางครั้งการสั่งของผ่านช่องทางออนไลน์มาก็สะดวกสบายมากกว่าขับรถออกไปซื้อเองแล้ว แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าเราสั่งของมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซื้อกับแบรนด์ที่มีความโปร่งใสจริงใจกับผู้บริโภค มีใบเลขที่รับจดแจ้ง ฉลากมความชัดเจนบอกสารประกอบที่ใส่ลงไปทุกตัว ให้เราสามารถตรวจสอบได้
แค่ 3 วิธนี้ก็ ก็จะช่วยให้เรามีความรอบครอบในการเลือกซื้อ Skincare ในปัจจุบันได้ได้มากขึ้น ที่สำคัญคือเราซื้อ Skincare ที่ตรงต่อปัญหาผิวของเราจริงๆ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุด แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อปัญหาผิวของเรามากที่สุดค่ะ
แล้วพบกันใหม่ Ep 2 นะคะ
#เพราะปัญหาผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน #เล่าเรื่องผิว
1 / 2