จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงเมื่อมีความเสื่อมทั้งแบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและแบบมาเร็วกว่าธรรมชาติ เราจึงต้องหาทางชะลอความเสื่อมนั่นตามเสียงเรียกร้องจากภายในที่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นที่จะเข้าใจ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนธรรมดาๆคนหนึ่งที่จะเลือกใช้อะไรกับผิวบ้าง ในเมื่อมีข้อมูลมากมายรอให้เลือกให้ตัดสินใจในยุคนี้ เรียกได้ว่ามากมายถึงขั้นสำลักข้อมูลกันเลยทีเดียว ซึ่งหากข้อมูลมากไป 4 ข้อแนะนำนี้น่าจะช่วยได้ค่ะ
.
.
.
1.เข้าใจเรื่องความเสื่อม
ความเสื่อมเริ่มตั้งแต่เกิดเพียงแต่มีการสร้างทดแทนซ่อมแซมที่ไวมากจนมองไม่เห็น หรือถ้าสังเกตุดีๆก็จะเห็นในเรื่องผด แดง ผื่นแพ้บ้าง นั่นเป็นเพราะเกราะป้องกันผิวยังไม่คุ้นเคยกับสภาพการถูกรบกวน พออายุมากขึ้นแม้ว่าระบบสร้างทดแทนและซ่อมแซมจะพัฒนาขึ้นแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเราเจอกับสิ่งรบกวนมากขึ้นเช่นกัน
พอเริ่มเข้าอายุ 25 การสร้างสารที่ช่วยให้ดูอ่อนวัยและผิวคงรูปลดลงก็จะเริ่มเห็นริ้วรอยเล็กๆจากความเสื่อมของผิวชั้นบนๆที่มีหน้าที่เก็บความชุ่มชื้นให้ผิวดูมีออร่าทำงานลดลง ความใสเรียบเนียนของผิวก็ลดลงเช่นกัน step นี้แค่แต่งหน้าบางๆ ความใสกลับมาก็นับว่าพอเอาอยู่
พออายุ 30+ เมื่อมีความเสื่อมในชั้นกลางซึ่งเป็นที่อยู่ของเม็ดสีและกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เส้นเลือด และน้ำหล่อเลี้ยงใต้ผิวเกิดขึ้นนั่นละก็จะเกิดมากกว่าแค่ริ้วรอยเล็กๆ และหน้าไม่มีออร่า แต่จะเริ่มมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำเพิ่มขึ้น มีความหย่อนคล้อยเล็กๆเกิดขึ้นและเพิ่มขึ้นทุกๆปีตามอายุ
จนมาถึงความเสื่อมในชั้นไขมัน เมื่อการสร้างตัวพยุงผิวในชั้นนี้และชั้นกลางลดลง หน้าก็เริ่มหย่อนคล้อย เป็นตัวยู ดูเศร้าและมีอายุ สมวัย แบบที่ผู้หญิงทุกคนกลัวกัน
เห็นไหมคะว่าแค่เรื่องช่วงอายุของความเสื่อมที่ต่างกันเรื่องเดียว ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในช่วงวัยนั้นๆก็มีข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาจนใช้ไม่ถูก
2.เข้าใจปัญหาผิวที่มากกว่าความเสื่อมตามวัย
อย่างกรณี มีหลายปัญหาในหน้าเดียว เมื่อปัญหิวผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน แล้วจะทำอะไรดีเลือกอะไรดี ในเมื่อปัญหาที่ต่างกัน ย่อมมีขั้นตอนและช่วงเวลาการใช้ผลิตภัณฑ์ก็ต่างกัน สิวก็รักษาแบบสิว ฝ้าก็อีกแบบ เจอหน้าแพ้เข้าไปอีก แค่สามปัญหาในหน้าเดียวนี้ก็มึนละ เอาเป็นว่าข้อนี้เอาเบาๆแค่นี้ก่อนละกัน
3.เข้าใจตนเอง
เมื่อมี life styleที่ต่างกัน ตัวเลือกในการดูแลผิวจึงต่างกัน เช่นเดียวกันกับการมีความคาดหวังที่ต่างกัน ก็เลือกดูแลต่างกันออกไปอีก ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้ว ผู้หญิงอย่าหยุดสวย อย่างเราก็เลยเลือกทั้งหมดไปเลย
4.ตัดสินใจเลิกหรือเลือกดี
ตรงนี้ละประเด็นใหญ่ จะเล่นใหญ่แค่ไหนก็เริ่มจากจุดนี้ทั้งนั้น ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจขี้เกียจแทบตาย แต่สุดท้ายก็ต้องใช้ให้ครบจบทุกเรื่องอยู่ดี
ทีนี้มาดูว่าครีมที่ใช้สะท้อนอะไรในตัวคุุณ อะไรจะขนาดนั้นก็แค่หยิบมาลูบๆทาๆ มันไม่น่าจะมีตัวตนอะไรนี่นา ตามหลักก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเลือกและให้คุณค่ากับสิ่งที่เลือก
ดังนั้นครีม กระปุกนึงจึงไม่ได้เป็นแค่ครีมอะไรก็ได้ แน่นอน มันคือสิ่งที่ผู้ใช้เชื่อแล้วว่ามันดี มีคุณภาพ คู่ควร อย่างที่บอกคุณค่าที่คุณคู่ควร จริงๆคือใครคู่ควรใคร ถ้าเราไม่เชื่อสิ่งนั้นก็ไม่คู่ควรที่เราจะเลือก ไม่ใช่เราไม่คู่ควร แต่เราไม่เลือกเพราะเราไม่เห็นคุณค่าของคุณต่างหาก ถ้าวันนี้เราทาครีมกันแดดซักตัวแสดงว่าเรา ต้องเห็นคุณค่าว่ามันจะช่วยปกป้องผิวหน้าที่เราต้องการดูแลให้ดีที่สุด ถูกทำร้ายน้อยที่สุดทั้งจากแสงแดดและจากตัวกันแดดเอง เพราะกันแดดเองบางตัวก็มีส่วนทำร้ายผิวทางอ้อมได้เช่นกันเป็นต้น
ถ้าคุณเชื่อในแบรนด์ ว่า แบรนด์นี้จะช่วยคัดกรองสิ่งที่คุณต้องการได้ ซื้อสัตย์ และดูแลคุณจริงๆ ไม่ได้มัดมือชก ไม่ได้มโน ชี้แจงและมีเหตุผลพอ มีความเป็นเพื่อน ที่จะดูแลเพื่อน ไม่ทิ้งกัน คุณก็จะเห็นคุณค่าในสิ่งที่เพื่อนแนะนำ สำหรับผู้หญิง เพื่อนที่ช่วยดูแลผิวอย่างวางใจได้อย่างยาวนานหาได้ยาก แต่ก็มีอยู่ ลองหาให้เจอนะคะ
การเลือกครีมเพียงแค่อ่านสลาก และรีวิวจากผู้ใช้จึงไม่น่าจะใช่ทางเลือกเดียวอีกต่อไป ในงบที่พอๆกันหากเพิ่มความเชี่ยวชาญและรับผิดชอบเข้าไปด้วยก็น่าจะได้ครีมที่ตรงจุด และปลอดภัยกว่ากันมากทีเดียว....
เพราะปัญหาผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน
ปรึกษาปัญหาผิวหน้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับผู้เชี่ยวชาญเพื่อผิวที่ดีกว่าฟรี...
Line : @p.th
IG : @p.skincare_official