จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนใหญ่ที่เลือกซื้อกันแดดจะมองหาค่า SPF เป็นอย่างแรก ไม่ว่าจุดประสงค์ในการใช้ต้องการจะออกแดดมาหรือน้อย ก็จะมองหาค่า SPF สูงๆไว้ก่อน เพราะเชื่อว่าจะสามารถปกป้องผิวได้ดีกว่า ... สิ่งนี้คือเรื่องจริงหรือ??
แม้จะใช้เป็นประจำ ทว่าหลายคนกลับยังไม่ทราบ ข้อมูลสำคัญบางอย่างของครีมกันแดด หรือซันสกรีน (sunscreen) โอกาสนี้เราจึงขอรวบรวมเรื่องราวน่ารู้ 6 อย่างเกี่ยวกับเจ้าครีมป้องกันผิวมาบอกต่อ เพื่อให้ได้ใช้อย่างถูกวิธี และมีประสิทธิภาพสูงสุด
1. ครีมกันแดดส่วนใหญ่ ป้องกันได้เฉพาะ UVB
เพราะในแสงแดด นอกจากจะมี รังสี UVB ที่สามารถส่องทะลุได้ถึงชั้นหนังแท้ จนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง และริ้วรอยเหี่ยวย่นได้แล้ว ยังมี รังสี UVA ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวหนังไหม้ และเกิดจุดด่างดำอยู่ด้วย
ทว่าครีมหรือโลชั่นกันแดดจำนวนมาก ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด กลับระบุว่ามีค่า SPF (Sun Protecting Factor) ที่ป้องกันได้เฉพาะรังสี UVB เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า ครีมหรือโลชั่นขวดนั้นๆ สามารถป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น และมะเร็งผิวหนังได้ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันผิวคุณมีให้เกิดรอยไหม้ หรือจุดด่างดำ ถ้าอยากป้องกันผิวสวยให้ครบสูตร คุณควรหาครีมกันแดด ที่นอกจากจะมีค่า SPF ที่ป้องกัน UVB ได้แล้ว ยังควรมีค่า PA (Protection Grade of UVA) ที่ป้องกันรังสี UVA ได้ด้วย
2. ค่า SPF สูงเกิดควร ไร้ประโยชน์ แถมเกิดโทษต่อผิว
ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ไม่ได้ดีต่อผิวเสมอไป เพราะหากคุณไม่ได้ไปออกแดดแรงจัด แต่ดันชโลมครีม ลูบไล้โลชั่นที่มีค่า SPF ระดับสูงมากๆ เช่น SPF70 หรือ SPF90 แทนที่ผิวจะปลอดภัย กลับกลายเป็นได้รับสารเคมีเพิ่มเข้าไปในผิวซะอย่างงั้น โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้ที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่าย การใช้ครีมที่มีค่า SPF สูง อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่ายๆ
ทางออกที่ดีสำหรับผู้มีผิวบอบบางคือ การใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำลงมาสักหน่อย และขยันทาให้บ่อยครั้งอีกสักนิด ซึ่งอาจคำนวณเองได้ง่ายๆ โดยการนำตัวเลขที่ต่อท้าย SPF มาคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะหมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดนั้นจะป้องกันรังสี UVB ได้ เช่น SPF15 ให้นำ 15 x 30 จึงเท่ากับครีมนั้น สามารถป้องกันรังสี UVB ได้นาน 450 นาที กันแดดหน้าไม่เทา SPF 30 PA+++
3. ความร้อนทำครีมกันแดดเสื่อมสภาพ
การที่คุณเก็บครีมหรือโลชั่นกันแดด ไว้ในสถานที่ร้อนจัดนานๆ อาทิ ในรถยนต์ ที่มักจอดกลางแดดที่ร้อนระอุ หรือพกพา ครีมกันแดดไปริมทะเล แล้วตากแดดจ้าไว้นานๆ สามารถทำให้ครีมกันแดดของคุณหมดอายุเร็วกว่า ที่ระบุไว้บนฉลากนับปีเลยทีเดียว
หากอยากให้ครีมกันแดด มีประสิทธิภาพยาวนาน ตามที่ควรจะเป็น ก็ควรเก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสม ไม่นำไปตากแดด หรืออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน แต่ไม่ต้องถึงกับใส่ไว้ในตู้เย็นหรอกนะคะ เพราะอากาศที่เย็นจัดเกินไป อาจทำให้ครีมเป็นไข แถมประสิทธิภาพบางอย่างในตัวครีมก็อาจถูกทำลายไปด้วย ทั้งนี้แนะนำว่า เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่ไม่โดนแสงแดดส่องถึงก็เพียงพอแล้ว
4. ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อออกแดดจัด
หลายคนเมื่อออกแดดจัด เช่น เล่นน้ำทะเล โต้คลื่นลมเสียจนเพลิน มักหลงลืมเวลาที่จะทาครีม หรือโลชั่นกันแดดซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่ส่วนใหญ่ด้านข้างผลิตภัณฑ์มักระบุไว้ชัดว่า ควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเมื่อออกแดด
การออกแดดเพลินจนลืมเวลานั้น จะส่งผลเสียต่อผิวคุณอย่างมากที่เดียว เพราะผลจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีแนวโน้มเกิดผิวไหม้เกรียมมากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ถึง 5 เท่า ฉะนั้นเมื่อรักจะผิวสวย ทาครีมป้องกันผิวอย่างดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมคำนวณเวลา กลับมาทาครีมซ้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ
5. เปลือยผิวออกแดดเพียง 5 ครั้ง ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแล้ว!
Annet King หัวหน้าสถาบันผิวหนังนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลว่า เพียงแค่คุณออกแดด (โดยไม่ทาครีมกันแดด) จนผิวไหม้เกรียม 5 ครั้ง ก็เท่ากับว่า คุณมีความเสี่ยงเป็นมะเร็วผิวหนังมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า!
ดังนั้นจึงควรท่องจำให้ขึ้นใจว่า แสงแดดทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คุณคิด เมื่อออกจากบ้านไปตากแดด ตากลม แล้วละเลยป้องกันผิว ผลกระทบที่ตามมาจึงไม่ใช่แค่ผิวดำ เกิดกระฝ้าเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลถึงขั้นก่อให้เกิดโรคร้าย ที่อันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
6. สภาวะโลกแย่ ต้องพึ่งพิงครีมกันแดดสม่ำเสมอ
เมื่อไม่นานมานี้ กรมอุตุนิยมวิทยาโลกได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันก๊าซโอโซน (Ozone) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสี UV ระดับอันตรายจากแสงอาทิตย์ให้แก่โลก มีปริมาณลดลงกว่า 40% จึงส่งผลให้มนุษย์ มีโอกาสได้รับปริมาณรังสียูวีเพิ่มมากขึ้น
จึงเป็นข้อมูลที่บ่งบอกว่า ปัจจุบันแสงแดดทำร้ายผิวคุณได้มากขึ้นทุกขณะ การทาครีมป้องกันแสงแดด จึงต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคร้ายอย่างมะเร็งผิวหนัง และยังเพื่อให้ผิวสวยใส ไร้จุดด่างดำอยู่กับคุณไปนานๆแพ้กันแดดเกือบทุกชนิด...ทำไงดี
บางคนแพ้กันแดดเกือบทุกชนิด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ลองวิธีนี้ดูค่ะ
1. ใส่หมวก กางร่ม ใช้ผ้าปิดจมูก ทุกครั้งที่จะออกจากบ้าน
2. ทาอโรเวล่าเจล เย็นๆคุณภาพดี ที่ใว้ใช้สำหรับผิวหน้า โดยเฉพาะที่เป็นเวชสำอางเป็นตัวสุดท้ายแทนกันแดด เพื่อช่วยลดการอักเสบของผิว โดยช่วยกันรังสีและความร้อนกระทบผิวโดยตรง (ประมาณ40 เปอร์เซ็นต์) และทาซ้ำได้บ่อยๆ บนผิวที่สะอาด
3. ลด ละ เลิก ผลิตภัณท์ที่เกินจำเป็นอย่าง Tonner, BB cream,AHA,Vit A เพราะผลิตภัณท์ที่เกินจำเป็นเหล่านี้ล้วนทำให้ผิวบอบบางและแพ้ง่ายขึ้น
4. มีเวลาให้ผิวได้พักบ้าง
5. ผลิตภัณท์ที่มีกลิ่นหอม ฟองมาก มักทำให้ผิวไวต่อแสง จึงควรใช้ให้น้อยที่สุด
6. Treament อย่าง AHA treatment , Laser, กรอผิว และ การอบไอน้ำร้อน ก็ต้องงดเช่นกัน
7. ยารักษาสิว ยาลดรอยดำ และ บางชนิด ต้องใช้ร่วมกับการทากันแดดเสมอ
8. เลือกTreatment สำหรับผิวแพ้ เพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้น
9. เลี่ยงเครื่องสำอางกันน้ำ (Waterproof) เหตุเพราะติดทนทาน นานจนล้างยาก ต้องใช้สารชำระล้าง หลายชนิดเพื่อละลายและลอกไขมันออก เพิ่มโอกาสแพ้และระคายเคืองต่อผิว ทั้งตอนใช้และเวลาล้าง
10. เริ่มใช้กันแดด SPF ต่ำๆ ที่เป็นเวชสำอางค์แต่เพียงบางๆ วันเว้นวันร่วมกับ Alovera ซัก2-3 ชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าจนกว่าผิวจะรับได้ ถ้ายังแพ้อีก ก็คงต้องเปลี่ยน แต่โดยทั่วไปแล้วส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ได้ เพียงแต่ใช้เวลาในการฟื้นฟูผิว และหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอื่นๆมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
เพราะปัญหาผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน...
ปรึกษาปัญหาผิวหน้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับผู้เชี่ยวชาญเพื่อผิวที่ดีกว่า ฟรี
Line : @p.th
IG : @p.skincare_official
Facebook : Nature Personal Skincare เล่าเรื่องผิว