ผ่านสงกรานต์มาแล้ว แต่ความร้อนยังไม่ผ่านไปไหนค่ะ กลับร้อนหนักเข้าไปกันใหญ่ จะมาวิ่งสาดน้ำกันนอกเทศกาลก็ไม่ได้ด้วย อากาศแบบนี้อยากจะขอกลายร่างเป็นนางใน สักฤดู ด้วยการนั่งรับประทานข้าวแช่ อาหารชาววังที่มีต้นกำเนิดมาจากชนชาติมอญที่เข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยเมื่อต้นสมัยรัตนโกสินทร์ และเริ่มแพร่หลายจากในวังออกสู่สำรับของชาวบ้านในสมัยรัชกาลที่ 4 ถือเป็นเมนูหน้าร้อนที่นิยมรับประทานกันทั้งในรั้ววังและนอกวัง เพราะชื่นใจด้วยข้าวเม็ดสวยที่แช่ในน้ำเย็น ซึ่งไม่ได้เย็นมาจากตู้เย็น แต่มาจากภาชนะดินเผา และไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดา แต่เป็นน้ำที่แช่ดอกไม้ไทย อย่างดอกมะลิ กุหลาบมอญ หรือกระดังงาเอาไว้ข้ามคืน แล้วอบด้วยควันเทียนจนหอม
อยากกินข้าวแช่เย็นชื่นใจแต่ละครั้ง ถ้าไม่ใช่ตามร้านอาหารในตำนานต้นตระกูลชาววังแล้ว ก็ต้องเป็นตามโรงแรมเก่าเก๋ที่มักจะจัดเมนูข้าวแช่ไว้ให้บริการตกเซตละสองร้อยกว่าบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาพอ ๆ กับตามร้านอาหารที่จัดข้าวแช่ตำรับชาววังมีผักแกะสลักสวยงามมาคู่สำรับเป็นส่วนใหญ่ อร่อยหรือไม่อร่อยก็คงแล้วแต่ความชอบ แล้วแต่รสนิยมกันไป
แต่สำหรับคนที่อยากลองรับประทานข้าวแช่แบบไม่แน่ใจว่าจะชอบรึเปล่าหนอ ข้าวอะไรก็ไม่รู้แช่น้ำเย็นใส่น้ำแข็ง กินกับกะปิทอด และเครื่องเคียงอีกสามสี่อย่าง ก็ขอแนะนำร้าน
ข้าวแช่ที่เปิดขายมาถึง 5 แผ่นดิน คือตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาถึงปัจจุบัน ในบริเวณที่น่าจะเรียกว่า รั้วรอบขอบวัง คือย่านบางลำพู ตลาดเก่าเก๋อีกแห่งที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย สูตรโบราณของแท้ที่ไม่ต้องเขียนป้ายห้อยท้ายชื่ออาหาร
ข้าวแช่แม่ศิริ ตั้งอยู่ที่ตรอกไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ บางลำพู เป็นต้นตำรับข้าวแช่ชาวมอญ สูตรเก่าจริง ๆ และ
ขายในราคาซื้อกลับบ้านเพียงชุดละ 30 บาทเท่านั้น หรือจะนั่งรับประทานหน้าร้านก็เพียง 25 บาท ประกอบด้วย กับข้าว 4 อย่าง คือ หมูฝอย ปลาหวาน กะปิทอด และผัดหัวไชโป๊ ส่วนข้าวก็ใส่ใจในการคัดเม็ดข้าว ต้มไม่ให้สุกเกินไปแล้วมาขัดเอายางข้าวออก ส่วนน้ำลอยดอกมะลิก็ใช้มะลิที่ปลูกเอง ปลอดภัยจากสารพิษหรือยาฆ่าแมลงแน่นอน นอกจากจะชื่นใจตอนกินแล้ว ยังสบายใจอีกด้วยค่ะ
กับข้าวทั้ง 4 อย่าง รสชาติหวานกำลังพอดี และเสิร์ฟมากำลังพอดีท้อง เพราะข้าวแช่ไม่ได้มีไว้รับประทานเพื่อให้อิ่มเป็นมื้อ ๆ แต่เพื่อเป็นอาหารว่างหน้าร้อน ที่ชาวบ้านก็ชื่นใจได้ด้วย นอกจากนี้ ถ้ารีบไปถึงตอนร้านเปิดใหม่ ๆ ให้รีบออร์เดอร์พริกหยวกยัดไส้กันไว้ได้เลย เพราะเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หมดเกลี้ยง อดกิน
ศิลปะการกินข้าวแช่แบบไทย-มอญ
เมื่อลูกสาวคนสวยผู้สืบทอดสูตรข้าวแช่แม่ศิริ เสิร์ฟข้าวแช่มาเป็นชุด มีข้าวเม็ดสวยในน้ำเย็นหอมกลิ่นควันเทียนชื่นใจถ้วยเล็ก ๆ กับจานใส่กับข้าว ก็ให้ลงมือรับประทานด้วยการตักกับข้าวใส่ปากก่อนจะตามด้วยตักข้าวกับน้ำตามไป จะอร่อยชื่นใจและถือว่าเป็นศิลปะที่สำคัญ บางคนกินไม่เป็นตักกับข้าวใส่ลงไปในชามข้าว นอกจากจะเลอะเทอะดูไม่น่ากินแล้วยังทำลายความสดชื่นหอมหวานของข้าวแช่ในชามด้วยค่ะ
ร้านข้าวแช่แม่ศิริ เปิดตั้งแต่ 11.00 น. และหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง แนะนำให้รีบไปถึงก่อนร้านเปิดแล้วจับจองต่อคิวซื้อกลับไปรับประทานต่อที่บ้านไว้เลย เพราะหน้าร้อนแบบนี้ใครมัวใจเย็นก็จะต้องเจอคิวยาวเหยียด แล้วแต่ละคนซื้อกลับทีละหลายชุด สั่งทีเดียวอย่าสั่งกระปริดกระปรอยให้แม่ค้าวุ่นวาย ยุ่งยาก เพราะยืนขายกันอยู่เพียง 2-3 คนในอากาศร้อนอบอ้าว อยากให้เห็นใจเขาใจเราบ้างค่ะ แล้วค่อยกลับไปสดชื่นกันต่อที่บ้านนะคะ
ถึงบ้านก็เตรียมแปลงร่างเป็นนางในผู้เรียบร้อยนั่งรับประทานข้าวแช่กับครอบครัวได้เลย แล้วบิวท์ตัวเองกันนิดนึงให้ย้อนยุคแบบเก๋ ๆ ข้างสำรับข้าวแช่ อันนี้ก็ศิลปะเช่นกันนะคะ อาหารโบราณก็อินเทรนด์กับเขาได้เหมือนกันค่ะ