8 รองพื้นเนื้อบางเบา ได้งานผิวเล่นแสง คุมมัน ไม่หยาไม่อุดตัน

อาหาร & ท่องเที่ยว

3 วัน 2 คืน สะบายดี หลวงพระบาง

10,173

28 ส.ค. 2557

นอกจากความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างดิบๆแล้ว บนโลกใบนี้ยังมีความงามจากฝีมือของมนุษย์ ผ่านจินตนาการ ทักษะ ซึ่งถูกเกลาให้งามยิ่งขึ้น ด้วยวัฒนธรรม ความเชื่อ และสิ่งนี้เองที่ทำให้ทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้คือจุดหมายปลายทางที่งดงามแปลกใหม่ บ้างคล้าย บ้างต่างกันไป

แล้ววันหนึ่งหนุ่มสาว Cosmenet ก็ได้พาความงามแห่งสยามข้ามฟ้าแบบบูทีคไปยังดินแดนแสนสวยแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกจนรสชาติกลมกล่อม เมืองที่เตาถ่านใบเดียวกันถูกวางตะแกรงปิ้งทั้งข้าวเหนียว และขนมปังบาแก๊ต ในบรรยากาศของวัดเก่าแก่ ไปจนถึงสถาปัตยกรรมยุโรปยุคล่าอาณานิคม ผสมกับบ้านไม้ ประตูบานเฟี้ยม ที่พร้อมจะเปิดออกแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตักบาตรข้าวเหนียวแก่ภิกษุนับร้อยรูป ดูสิคะ ช่างผสมผสานกันได้อย่างลงตัวสมกับเป็นเมืองมรดกโลก

ข้ามแม่น้ำโขงไปกับบูทีคแอร์ไลน์ สู่เมืองหลวงพระบาง

ถึงแม้เมืองหลวงพระบางจะอยู่ห่างจากประเทศไทยแค่คนละฝั่งแม่น้ำโขงทางตอนเหนือ แต่การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือโดยเครื่องบิน จากกรุงเทพฯ โดย Bangkok Airways (บางกอกแอร์เวย์) สายการบินของคนไทย ที่ Cosmenet เลือกใช้บริการเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดเวลาอันมีค่า แล้วยังสามารถสวยเป๊ะจากต้นทางสู่ปลายทางในเวลาเพียงสองชั่วโมง นอกจากนี้บางกอกแอร์เวย์ ยังมีบริการแบบบูทีค เก๋ไก๋ ด้วย Coffee lounge ภายในสนามบินและบนเครื่อง

"บางกอกแอร์เวย์เขามีบริการบินตรงจาก กรุงเทพ - หลวงพระบาง โดยเครื่อง ATR-72-500 ขนาด 70 ที่นั่ง วันละ 2 เที่ยวบิน ทุกวัน และถึงแม้จะบินโดยเครื่องขนาดเล็กแต่ก็สบาย ราบรื่นตลอด 2 ชั่วโมงระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพจนถึงเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองที่อยู่ใกล้อยู่แล้วก็ยิ่งใกล้เข้าไปอีก"

วันที่ 1

เงียบ ง่าย และงดงาม ในกลิ่นอายตะวันตก กับผ้าซิ่นลาว

"สบายดีหลวงพระบาง" แรกเห็นก็หลงรัก กับความงามสองฝั่งถนนเส้นเล็กๆ ในเมืองหลวงพระบาง ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างผสมผสานกับความเป็นตะวันตกด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียล ร่องรอยเก่าแก่ที่หลงเหลือมาจากยุคล่าอาณานิคม รวมถึงวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบางที่บางส่วนได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นตะวันตกเช่นเดียวกับเมืองอื่นอย่างเวียงจันทน์ คือ "วัฒนธรรมการกิน"

เราจะพบเห็นขนมปังฝรั่งเศสวางขายร่วมกับอาหารพื้นบ้านอื่นๆของชาวลาวในชื่อ "ข้าวจี่" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับข้าวเหนียวชุบไข่ปิ้งอาหารพื้นบ้านลาวนั่นเอง และช่างน่าทึ่งเข้าไปอีกเมื่อ ขนมปังบาแก๊ตหรือข้าวจี่ เหล่านี้สามารถรับประทานร่วมกับแยมพื้นบ้านอย่าง "แจ่วบอง" ได้อย่างเอร็ดอร่อย ใครอยากลองกินบาแก๊ต แจ่วบอง ในบรรยากาศแบบล้านช้าง โคโลเนียล ต้องไปกินที่หลวงพระบางจึงจะได้อรรถรส นั่นคงคล้ายกับการใส่ผ้าซิ่นลาวนั่งกินขนมปังกับกาแฟยามเช้า บนถนนฌองเซลิเซ่ ที่ปารีส มั้งคะ

อินเทรนด์เป็นนักปั่นที่หลวงพระบาง

เช่าจักรยานกันแบบเต็มวันเที่ยวรอบเมือง คนละ 30 บาท คุ้มค่าต่อการสูญเสียพลังงานเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมืองเจ้าเสน่ห์แห่งนี้ น่าปั่นกันไปเรื่อยๆ ช้าๆเหมือนวิถีชีวิตของชาวลาวเหนือ ที่สาวๆต่างนุ่งซิ่นกันซะสวย จึงต้องค่อยๆเดิน จะมากึ่งเดินกึ่งวิ่งกระโดดขึ้นวินมอเตอร์ไซด์แบบคนไทยคงจะไม่งามนัก

บ้านเรือนสองข้างทางเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างตะวันตกและตะวันออก นั่นคือเหตุผลที่คนทั้งโลกไม่อยากให้ที่นี่เปลี่ยนไป ไม่อยากได้คอนวีเนียนสโตร์หน้าตาทันสมัย ไม่อยากเห็นหลังคากระเบื้องสีแปร๋นผุดโผล่ขึ้นมาท่ามกลางกระเบื้องดินเผาสีน้ำตาลให้เสียบรรยากาศ

หนึ่งอิ่มกับพิซซ่าสไตล์อิตาเลียน

นอกจากอาหารพื้นบ้านลาวเหนือแล้ว อาหารตะวันตกดูจะอร่อยไม่น้อยหน้าชาติตะวันตกกันเลย พิซซ่าของหลวงพระบางจึงไม่ใช่พิซซ่าสไตล์อเมริกัน แต่เป็นพิซซ่าที่เหมือนออกมาจากครัวอิตาเลี่ยน ใหม่ๆ หอม และอร่อยกันตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย

ชมเมืองจากมุมสูงที่ยอดเขาพูสี

ก่อนที่เครื่องจะแลนดิ้งสู่สนามบินหลวงพระบาง เราจะเห็นยอดพระธาตุสีทององค์เล็กๆบนยอดเขา นั่นคือ พระธาตุพูสีบนยอดเขาพูสี นั่นเอง เป็นสถานที่ซึ่งใครก็ต้องพากันปีนป่ายขึ้นไปเพื่อชมเมืองหลวงพระบางจากมุมบน จะเห็นบ้านเรือนเป็นเหมือนโมเดลเล็กๆ เห็นถนนเคี้ยวคดไปตามซอกซอยของหมู่บ้านที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและสายน้ำ

เสมือนหลวงพระบางและองค์พระธาตุพูสีจะมองเห็นกันและกันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ไม่ใช่เพียงมุมบนพระธาตุที่เราจะมองเห็นเมืองทั้งเมือง แต่จากมุมล่างไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนของหลวงพระบาง เราก็จะต้องเห็นองค์พระธาตุสีทองอยู่ไกลๆเสมอ ด้วยเหตุนี้ องค์พระธาตุสีทองบนยอดเขาจึงกลายเป็นแลนด์มาร์คของเมืองหลวงพระบาง ที่ให้ได้ตื่นเต้นตั้งแต่บนเครื่องก่อนแลนด์ดิ้ง เพราะ "ได้มาถึงหลวงพระบางแล้ว"

***ค่าธรรมเนียมจุดชมวิว 360 องศาบนยอดเขาพูสี มีค่าเข้าชม 80 บาท หรือ 20,000 กีบ***

เดินชิลที่ตลาดมืด

ตลาดมืด เป็นภาษาลาว เพราะ "มืด" แปลว่า "ค่ำ" ถ้าจะเรียกกันแบบไทยๆก็คือ "ตลาดค่ำ" ไม่ใช่เป็นตลาดมืดขายของผิดกฎหมายนะจ๊ะ แล้วงานนี้ใครจะยอมพลาด ความงามย่อมมาคู่กับการชอปปิ้งเสมอ และตลาดมืดของหลวงพระบาง ก็ไม่ได้เริ่มเสียจนมืดค่ำ แต่จะเริ่มตั้งขายกันตั้งแต่ห้าโมงเย็น ไปจนถึงสี่ทุ่ม ส่วนสินค้าก็ดูจะซ้ำๆกันไปคล้ายถนนคนเดินตามแหล่งท่องเที่ยวบ้านเรา ใครที่ชอบสินค้าแฮนด์เม้ดแบบลาวๆก็น่าจะถูกใจ โดยเฉพาะงานผ้าทั้งหลายที่สวย มีสไตล์ซะจริง รวมถึงกระดาษสาของขึ้นชื่อของที่นี่ที่นำมาทำเป็นโคมไฟ พวกนี้ซื้อกลับไปเป็นของฝากกันได้ไม่หนักกระเป๋าค่ะ

***ถนนคนเดิน "ตลาดค่ำ" ตั้งอยู่บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่สี่แยกที่ทำการไปรษณีย์แขวงหลวงพระบาง ไปจนสุดพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง***

ดินเนอร์แบบลาวเหนือ

เดินชอปๆชิลๆกันจนเพลีย และหิวเป็นที่สุด เลยเลือกดินเนอร์กันต่อด้วยอาหารพื้นเมืองที่ร้านส้มตำ บอกเลยว่าส้มตำหลวงพระบางอร่อยจริงอร่อยจังแบบหอมกะปิ มีบางคนอาจบ่นว่า เหมือนกินมะละกอคลุกกับน้ำพริกกะปิ แต่จริงๆแล้วมันคือน้ำพริกกะปิคลุกกับมะละกอนัวๆต่างหาก! แหม แต่ความอร่อยก็ขึ้นอยู่กับว่าถูกกับปากใครด้วย ไปถึงหลวงพระบางก็ต้องกินส้มตำแบบหลวงพระบางด้วยสิคะ

อิ่มแล้วก็เข้าที่พักให้เร็วหน่อยนะคะ เพราะยามเช้าของหลวงพระบางเราต้องมีกิจกรรมสำคัญอย่างการตักบาตรข้าวเหนียว ที่พลาดไม่ได้กันอีกอย่าง ใครตื่นไม่ทันก็อดไป

วันที่ 2

ตักบาตรข้าวเหนียว กับพระสงฆ์นับร้อย

ตื่นแต่เช้าตีห้าครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวสวยหล่อ เรียบร้อย เข้ากับบรรยากาศแบบหลวงพระบางแล้วซื้อสำรับสำหรับใส่บาตรพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตรกันมากมาย คำเตือนคือ อย่าหลงซื้อชุดตักบาตร เพราะเขาจะเติมให้เราเรื่อยๆแล้วไปคิดราคาเพิ่มทีหลับ ทำบุญทั้งทีอย่าให้ต้องเสียอารมณ์กันเลยค่ะ

ล่องน้ำโขงไปชมถ้ำ

ถ้ำติ่ง หรือ ถ้ำปากอู ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านปากอู ห่างจากเมืองหลวงพระบางไปทางเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อถึงเมืองปากอูแล้วต้องต่อเรือข้ามไปเที่ยวถ้ำ เสียค่าเข้าชมถ้ำคนละ 80 บาท แต่บางคนอาจนั่งเรือจากหลวงพระบางไปเลย จะใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ซึ่งก็น่าจะสนุกกับทิวทัศน์สองข้างทางของแม่น้ำโขง ได้อีกบรรยากาศ ถ้ำทุกถ้ำก็มีกลิ่นอับๆเหมือนกันหมด แต่ที่เป็นเสน่ห์ของถ้ำติ่งแห่งนี้ที่ต้องมาก็คือ ความเป็นความของถ้ำที่เป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณ ผีฟ้า เทวดาผาติ่ง จึงมีชาวบ้านนำพระพุทธรูปมาวางไว้ในถ้ำเป็นจำนวนมาก

หลังจากชมถ้ำกันแล้ว ก็แวะไปชอปปิ้งกันต่อที่หมู่บ้านหัตถกรรม งานนี้ใครชอบผ้าทอ ชอบกระดาษสา ก็ช้อปกันกระจายในราคาไม่แพงนัก

หมู่บ้านม้ง กับเพื่อนบ้านชาวเขาตัวน้อย

ลาวเหนือนั้นเต็มไปด้วยชาวเผ่าต่างๆ เหมือนภาคเหนือของไทย แต่ดูจะหลากหลายและยังเป็นบรรยากาศเดิมๆกว่าเยอะ ใครมาหลวงพระบางจึงไม่ควรพลาดมาเยี่ยม มากอด เด็กชาวม้งตัวน้อยๆน่ารัก และชมวิถีชีวิตของพวกเขา พร้อมช้อปอีกแล้วกับงานผ้าหลากสีสันของชาวเขาที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจพอใช้เลยทีเดียว หมู่บ้านชาวม้งจะตั้งอยู่รอบนอกหลวงพระบาง ไม่ไกลนัก ตลาดชาวม้งถือเป็นตลาดใหญ่ที่ใครๆก็ต้องแวะมา อย่าได้พลาดค่ะ

สระน้ำสีฟ้ากลางป่า น้ำตกกวางสี

นี่มันสิมิลันกลางป่าหรือเปล่านี่? น้ำตกอะไรจะสีฟ้าใสได้ขนาดนี้ ใครเห็นแล้วไม่อยากกระโดดตูมลงไปคงไม่มี หนุ่ม สาว Cosmenet ก็ไม่เหลือ ทั้งนอนแช่ แหวกว่าย กระโดดตูมจากชะง่อนหิน เอาหมด เป็นช่วงเวลาที่อยากแนะนำคนที่ไปเที่ยวหลวงพระบางก็อย่ามัวชิลกับปารีสฝั่งโขงกันจนลืมว่ายังมีธรรมชาติสวยงามอยู่ไม่ไกล ระยะทางจากหลวงพระบางมาน้ำตกกวางสี ก็พอๆกับจากหลวงพระบางไปถ้ำติ่ง คือ 30 กิโลเมตร เสียค่าเข้า 20,000 กีบ วันนี้พกเงินกันเป็นเต็มกระเป๋า แต่คำนวณแล้ว 80 บาท เท่านั้นเองนี่นา

Dinner Feel France ที่หลวงพระบาง

หลังจากไปทัวร์นอกเมืองและใช้พลังงานกันไปมหาศาล ตกเย็นก็ขอหรูหราเก็บภาพสวยๆสมฐานะในคืนสุดท้ายกับดินเนอร์ในร้านอาหารฝรั่งเศสซะหน่อย แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจกันอีกต่อไปแล้ว ถ้าอาหารฝรั่งเศสบนถนนทุกสายแห่งหลวงพระบางจะรสชาติอร่อยขั้นปารีสกันไปหมด

อิ่มท้องปุ๊บ หนังตาก็เริ่มปรือ สวย เซ็กซี่เพิ่มเป็นตาสามชั้นในทันที แต่สภาพที่ผ่านมาทั้งวัน จะไม่ยอมพลาดโปรแกรมนวดเท้า ผ่อนคลายก่อนนอน ก็เลยจัดซะ เก็บทุกวินาทีที่เริ่มหมดลงเรื่อยๆ พรุ่งนี้ต้องจากเมืองแสนสวย เงียบสงบแห่งนี้ไปวิ่งแข่งกับเวลาที่กรุงเทพแล้วหรือนี่ นอนหลับฝันดีแบบจมลงไปในที่นอนนุ่มๆกันเลยคืนนี้

วันกลับบ้าน

ตื่นเช้ามาคำนวณเวลากันแล้ว ยังไปไหนต่อไปได้อีกก่อนจะขึ้นเครื่องกลับบ้าน ก็เลยไปเดินสวยในแสงฟุ้งๆยามเช้าเสียหน่อย กับตลาดเช้าแห่งหลวงพระบาง ที่อาจน่าสนใจกว่าตลาดมืดด้วยซ้ำสำหรับคนที่ชอบอะไรบ้านๆนิดนึง อาจเจอของกินแปลกๆที่เอากลับมาเล่าได้ถึงรุ่นหลานกันเลย

ตลาดเช้าหลวงพระบางจะตั้งขายแต่เช้า ริมแม่น้ำโขง ช่วงตัดกับถนนกิทสะลาด บรรยากาศคึกคักเลยทีเดียว เดินตลาดเช้ากันเสร็จก็ต้องไม่พลาดกับร้านกาแฟอันโด่งดังของหลวงพระบางอย่าง ร้านกาแฟประชานิยม ซึ่งตั้งอยู่ตรงตลาดเช้านี่แหละค่ะ ส่วนความเข้มข้น หอม อร่อยของกาแฟ ก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนนะคะ เพราะกาแฟลาวได้ชื่อเรื่องคุณภาพอยู่แล้วค่ะ

พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง และอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์

พระราชวังเก่าแก่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมลาว ความงามที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1904 วังเก่าของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ที่ทรงประทับอยู่ชนสิ้นพระชนม์ และลาวได้เปลี่ยนการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2518

นักท่องเที่ยวต่างแวะชมความงามของการออกแบบ ตกแต่งทั้งภายนอกภายใน โดยเฉพาะหอพระด้านหน้าที่เป็นที่ประดิษฐานของ "พระบาง" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวลาว หล่อขึ้นด้วยทองคำบริสุทธิ์เกือบทั้งองค์ แล้วยังเคยมาประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 4 แห่งราชวงจักรี ส่วนอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์จะตั้งอยู่ด้านนอกอาคาร

แล้วจะกลับมาใหม่...หลวงพระบาง

แล้วก็ถึงเวลาต้องรีบไปเช็คอิน ขึ้นเครื่อง แบบอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย แม้จะเก็บได้เกือบหมดกับทริปสวยหรู ดูไฮท์ แบบผสมผสานกับสมบุกสมบัน อ้อยอิ่งกันก่อนขึ้นเครื่อง แล้วก็เผลอหลับไปได้กับเวลาที่ใช้เดินทางเพียง 2 ชั่วโมง ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็สวัสดีกรุงเทพกันแล้ว สงสัยเก้าอี้จะพอดีตัว หรือนักบินพาข้ามฟ้ามาแบบนุ่มนวลจนไม่มีตื่นระหว่างทาง ปิดทริปหลวงพระบางแบบสมบูรณ์แบบที่สุด แล้วจะกลับไปใหม่แน่ ๆ ดินแดนแห่ง 2 อารยธรรม

***เก็บตก เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่หลวงพระบาง***

การคำนวณเงินกีบ : วิธีการแปลงเงินกีบเป็นเงินบาทในรูปแบบง่าย ๆ
ตัด 0 ออก 3 ตัวแล้ว x ด้วย 4 เช่น 20,000 กีบ = 80 บาท ที่หลวงพระบางไม่มีเหรียญ แต่บางร้านก็จะรับ เช่น ที่ตลาดมืด