สัปดาห์นี้พาไปกินอาหารอีสานบ้านๆ รอบรั้วมหาวิทยาลัยกันบ้าง เพราะคงไม่มีอาหารชนชาติไหนในบ้านเราที่จะตีตลาดอาหารอีสานได้สำเร็จ ไม่ต้องสร้างหนังเชฟเก่งมาสู้กับแดจังกึม ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก ถ้าส้มตำถึงปู ถึงปลาร้า น้ำปลา พริก ให้จัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม หวานพอดีถูกลิ้น ก็ขายดีไปทุกหนทุกแห่ง ประมาณว่าไกลแค่ไหนก็จะตามไปกิน
ที่สำคัญ อาหารอีสานส่วนใหญ่ทานแล้วไม่อ้วน แต่ไม่นับคอหมูย่างมันหนาเตอะนะคะ พิกัดร้านลาบลุงทองที่จะพาไปชิมกันนี่ เป็นร้านที่หาได้ง่ายมาก เพราะอยู่ในซอยมหาวิทยาลัยหอการค้า เข้าทางถนนวิภาวดี ตรงเข้าไปเรื่อยๆ บังคับเลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายตรงไปทางมหาวิทยาลัย จนเจอเซเว่นอีเลฟเว่นฝั่งขวามือ เลี้ยวเข้าซอยนั้นปุ๊บ เห็นป้ายปั๊บ เตรียมคิดเมนูกันเอาไว้ได้เลย
- ส้มตำ
เมนูอาหารก็หลากหลาย ทั้งส้มตำหลายชนิด รวมถึงตำถาดที่ไม่ได้ใช้ถาดต้องห้ามลายสวยแต่อันตราย แต่เสิร์ฟมาในจานใบใหญ่แทน จานนี้ 100 บาท อร่อยได้นานนานจนนาทีสุดท้ายกันเลยทีเดียว สำหรับส้มตำปู ปลาร้า ที่ไม่ได้กำกับเรื่องรสชาติไหนเป็นพิเศษ ก็ทำออกมากลางๆใช้ได้ ไม่จืด ไม่เผ็ด ไม่เปรี้ยว จนเกินไป แต่ถ้าไม่ทานหวาน ต้องบอกพนักงานรับออร์เดอร์เอาไว้ก่อนเลย แม้จะไม่หวานมากนักแต่อาจไม่ถูกปากคนที่ถูกจริตกับส้มตำรสชาติอีสานแท้สักเท่าไหร่ สรุปเมนูส้มตำถาดให้ไป 8.5 เต็ม 10 เลย นอกจากตำถาด ตำปู ตำไทย ตำเบสิคหลายๆครก แล้วก็มีส้มตำปลาดุกฟูอีกครกที่น่าลองเป็นพิเศษ ใครมีโอกาสไปชิมก็กลับมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ
- ไก่ย่าง
ไก่ย่างร้านนี้ถูกใจตรงกลิ่นหอมสมุนไพรและยางมากำลังพอดี ไม่แห้งเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบไก่ย่างแห้ง แต่ก็ไม่ฉ่ำเกินจนเลือดยังซิบๆอยู่แถวกระดูก รสชาติของไก่ไม่หมักจนหวานเกินเหมือนหลายๆร้าน รสชาติกำลังอร่อยเลยจริงๆ ชิ้นละ 40 บาท ทาน 3 คน ก็ยังไหว ไม่น้อยเกิน เผื่อท้องเอาไว้เมนูอื่นบ้าง ไก่ย่างขอให้ 10 เต็ม เพราะอร่อยประทับใจตั้งแต่คำแรก
- คอหมูย่าง
คอหมูย่างยกมาเสิร์ฟแบบฉ่ำ ไม่หมักจนหวานเกินไป แต่ให้ไป 8.5 เต็ม 10 เพราะแอบจืดเล็กน้อย แม้จะหอม นุ่ม ส่วนราคาจานละ 60 บาท ถือว่าคุ้มค่าทีเดียวเชียว
- แกงอ่อมหมู อ่อมหมูย่าง อ่อมคอหมูย่าง อ่อมกระดูกหมู และอ่อมปลาดุกย่าง
ยกให้เป็นเมนูสุขภาพไปเลย เพราะใส่ผักมาหลากหลาย ทั้งกวางตุ้ง เห็ด และผักเบสิคของแกงอ่อมอย่างต้นหอม ผักชีลาว รสชาติอร่อยจัดจ้าน ซดน้ำอร่อยถูกใจ ในราคา 50 บาท เมนูนี้ให้ 9 เต็ม 10 ไปเลย สำหรับคอแกงอ่อม
- ตับหวาน
ทำออกมานุ่ม หวาน อร่อยเลยทีเดียว แต่หนักเปรี้ยวไปหน่อย เบามะนาวสักนิดจะได้สัก 9 เต็ม 10 แต่จานนี้ขอไม่ให้คะแนน เพราะอะไรก็พลาดกันได้ คราวหน้าคงต้องบอกว่าไม่เอาเปรี้ยว
นอกจากอาหารที่ว่ามา ยังมีต้มแซ่บน่ากินหลายเมนู และอาหารทุกจานที่สั่งมาชิมไม่มีจานไหนต้องโดนตำหนิเลย มีแต่อร่อยแตกต่างกันไป อย่างปลาดุกย่างก็ย่างจนแห้งกำลังดี คือไม่แห้งเกินและไม่มีเลือดติดก้างน่ากลัว รสชาติก็หอมกลิ่นสมุนไพร น้ำจิ้มแจ่วรสชาติดี ให้ปลาดุกย่าง 8 เต็ม 10 เพราะกลิ่นสมุนไพรน้อยไปนิดนึง
ร้านลาบลุงทองเปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00-19.00 น. แม้จะเป็นร้านเล็กๆ บ้านๆ ริมถนน แต่เพราะอยู่หัวมุมและไม่ได้ตั้งโต๊ะเบียดกันเกินไป ถือว่าโปร่ง โล่ง สบาย ผ่อนคลายแบบไม่ต้องเกร็งกับความหรูหรา ใครจะว่าร้านไม่มีดีไซน์ แต่ขอให้คะแนน 9 เต็ม 10 เพราะโต๊ะ จาน ช้อน สะอาดสะอ้าน บรรยากาศสบายๆ สมกับเป็นร้านลาบเลยค่ะ บริการก็ไม่แย่นะจะบอกให้ หากเดินทางมาด้วยรถส่วนตัว แถวนี้เป็นวันเวย์ที่ไม่ต้องวนไกล ถ้าไม่มีที่จอดรถก็วนหากันดู หรือรีบไปให้ถึงก่อนเที่ยง แต่ถึงจะจอดไกลหน่อยก็เดินมาแบบเพลินๆ