วันนี้พาเดินทางไกลจ่ายหนักกันสักหน่อย ข้ามทวีปไปครึ่งโลกถึงอเมริกา แล้วข้ามไปเดินสูตรอากาศบริสุทธิ์ของมหาสมุทรแอตแลนติก ฟังเสียงนกนางนวลกรีดร้องเต็มหาด ณ เมืองท่าสวยเก๋ ของเหล่าเศรษฐีที่จอดยอชท์กันอยู่เต็มท่าเรือ Newport แห่งรัฐโร้ดไอแลนด์ ซึ่งที่ไม่ใช่มีเพียงความเก๋ของชีวิตรวย ๆ แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของอเมริกา และมีสถาปัตยกรรมสวยขาดใจ แม้แต่ในที่พักของนักท่องเที่ยวด้วยซ้ำ ถ้าคุณเลือกนอนในห้องพักประเภท Bed & Breakfast ทั้งหลาย ซึ่งบางที่จะขายแพคเกจรวมกับพาเที่ยวสวนองุ่น ชมการทำไวน์เข้าไปด้วย ในราคาไม่ถึงสองหมื่นบาทรวมที่พักสองคืน
ในช่วงฤดูร้อนของเมืองนิวพอร์ท ก็เป็นอีกฤดูกาลที่แนะนำสำหรับคนรักเสียงดนตรีและคอนเสิร์ตกลางแจ้ง เพราะจะมีเทศกาลดนตรีริมทะเล เป็นเทศกาลใหญ่ที่ผู้คนต่างแต่งตัวสวยเท่ห์ ไม่จัดเต็มกันหนาว มาร่วมร้องเพลงเต้นรำกันในอากาศอบอุ่นสบาย ของบรรยากาศแห่งเมืองท่าที่เต็มไปด้วยตึกสวยสถาปัตยกรรมโคโลเนียลบนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เชื่อมถึงกันแบบเดินไปไหนได้สบาย ๆ ทั้งวัน ดอกไม้สีสันสดใสบานอยู่หน้าบ้านและร้านอาหาร ได้กลิ่นเค็ม ๆ จากทะเล เพราะมีท่าเรือล้อมรอบ อีกเรือยอชท์เล็กใหญ่จอดสวยอยู่ในอ่าว มีเกาะเล็ก เกาะน้อยห่างออกไป และเสียงดนตรีโฟล์ค และแจ๊ซแอนด์โซล ฟังก์ สัญลักษณ์แห่งอเมริกันผิวดำก็ดังกังวานไปทั้งอ่าว
สำหรับที่พักหลากหลายบนเกาะ ราคาคืนละประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป ในห้องพักสไตล์คลาสสิคแบบที่เรามักเห็นในหนังย้อนยุคสมัยสงครามโลกที่หนุ่ม ๆ ต่างอยู่ในชุดนาวิกโยธิน เตรียมออกรบแล้วต้องมายืนเท่ห์บอกลาแฟนสาวในชุดกระโปรงบานเอวคอดกิ่ว ยาวถึงเข่า โชว์น่องเรียวสวย บอกเลยว่าคุ้มค่ากว่านอนบูทีคโฮเทลแพง ๆ ในบ้านเรามากแต่ราคาใกล้เคียงกัน!
ขณะที่ห้องพักทั้งหลายบนเกาะโรดไอแลนด์ล้วนเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 18 ไม่ต้องเลียนแบบดีไซน์ของใครที่ไหน เพราะศิลปะที่เห็น ๆ สองข้างทางบนถนน รวมถึงบนหน้าผาที่เบื้องหน้าเป็นทะเล และล้อมรอบไปด้วยทุ่งหญ้าและเถาองุ่นนั้นล้วนกำเนิดขึ้นที่นี่เอง หรือต้องบอกว่ามีบางส่วนถูกนำสไตล์มาจากยุโรปพร้อมนักเดินเรือชาวสเปน และชาวอังกฤษนั่นแหละ
ดินเนอร์ยามเย็นริมท่าเรือ
ดินเนอร์ยามเย็น อีกไฮไลท์เด็ด หลังจากไปเดินเก๋ชมนกนางนวลและเรือสวยริมชายหาดกับชาวเมืองนิวพอร์ทแล้ว เพราะบริเวณที่ควรมานั่งดินเนอร์แบบพลาดไม่ได้ก็ตั้งอยู่ริมน้ำในบรรยากาศโรแมนติกเกินบรรยาย และซีฟู้ด ณ เมืองท่าริมทะเลก็แตกต่างจากซีฟู้ดบ้านเราในเรื่องของเครื่องปรุงรส แต่ไม่แตกต่างกันนักในเรื่องของความสด อร่อย ที่แน่ ๆ ย่อมแตกต่างในเรื่องของบรรยากาศในอีกซีกโลกที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ความเป็นมาคนละเรื่องราว
กิจกรรมแนะนำ
- แวะชมพิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม เที่ยวสวนองุ่นชมการทำไวน์แล้ว
- ล่องเรือเที่ยวรอบเกาะและตกปลา ซึ่งค่าทัวร์เริ่มที่ประมาณ 1,000-2,500 บาท/คน
- เดินป่า ขึ้นเขา เที่ยวชมเมือง โปรแกรมนี้ประมาณคนละ 3,500 บาท รวมเครื่องดื่ม อาหารว่าง ค่าเข้าชมอาคารทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ และรถรับ-ส่ง ถึงที่พัก
- นั่งรถเที่ยวชมบนเส้นทาง Ocean Drive กับระยะทางยาวเหยียดเกือบ 20 กิโลเมตร มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ บ้านเรือนเก่าแก่ของเหล่าเศรษฐีจากนิวยอร์คที่มาสร้างบ้านพักตากอากาศเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่18
เมือง Newport แห่งรัฐ Rhode Island รัฐที่เล็กที่สุดของสหรัฐอเมริกา แต่ครบคุณภาพของเมืองท่องเที่ยวที่ได้ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี สถาปัตยกรรม และการล่องเรือ อาจเพราะเป็นรัฐที่มีการเริ่มต้นก่อนการรวมตัวของรัฐอื่นในช่วงปฏิบัติอเมริกา ที่นี่จึงครบรสและเก่าแก่จริง ๆ ใครอยากลองไปสัมผัสประวัติศาสตร์อเมริกาที่ยังทิ้งบรรยากาศเก่า ๆ เอาไว้ ก็ต้องไปให้ถึงนิวพอร์ท ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนิวยอร์คเท่าไหร่ ไม่รวยก็ไปได้ แต่เก็บเงินกันสักนิด อาจต้องเบรกเที่ยวตามเทรนด์แบบเรื่อยเปื่อยเอาไว้ก่อน เพราะรวม ๆ แล้วก็หมดไปเยอะ เก็บเงินเอาไว้สำหรับทริปใหญ่ในฝัน แอบไปแกล้งเดินสวยกันในเมืองท่าของเศรษฐีอเมริกันกันบ้างดีกว่าเนอะ