ช่วงนี้กรุงเทพฯ โซนเกาะรัตนโกสินทร์ยังมีสีสันสดใสของแสงไฟยามค่ำคืนอยู่ Food Lover เราเพิ่งพาไปเดินอิ่มบนถนนตะนาว ที่ทะลุทะลวงไปได้ถึงไหนต่อไหนทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าเดินจนเหนื่อย ก็แนะนำให้กระโดดขึ้นรถตุ๊กตุ๊กแล้วไปเที่ยวต่อกันเลย มีหลายพิพิธภัณฑ์ และพระตำหนักต่าง ๆ ให้เดินเที่ยวชม เป็นความภาคภูมิใจในความเป็นไทยในบรรยากาศรอบรั้วเวียงวัง ถ้าอยากเที่ยวสามวังก็ควรไปต่อที่พระที่นั่งวิมานเมฆ ก่อนกระโดดขึ้นตุ๊กตุ๊กที่ราคามักจะแพงกว่าแท็กซี่ ก็ควรต่อรองราคากันให้สมเหตุสมผลหน่อย ยังไงก็อย่าให้เกิน 70 บาท ถ้าเรียกจากบนถนนราชดำเนิน
ถึงประตูทางเข้าอันใหญ่โต ก็เดินผ่านรั้วเวียงวังอันงดงามเข้าไป ผ่านลานจอดรถที่มีทัวร์ต่างชาติยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ เลี้ยวขวาไปจะพบป้ายบอกทาง ซึ่งต้องผ่านการตรวจกระเป๋ากันก่อน จะไปจ่ายค่าบัตร 70 บาท สามารถเข้าชมพระตำหนักอื่น ๆ ได้ด้วย เพราะภายในบริเวณนี้จะรวมหมู่พระตำหนักของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในไว้ด้วย แต่พระตำหนักต่าง ๆ จะปิดเร็วมาก เพราะที่นี่จะเปิดให้บริการ 09.30 - 16.00 น. ใครคิดว่าแดดร้อนแบบนี้ไปเดินตอนเย็น ๆ ดีกว่า จะไม่ทันนะคะ 4 โมงเย็นจะปิดกันแล้ว
การเข้าชมภายในพระที่นั่งต่าง ๆ นั้นเราไม่สามารถนำโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และสัมภาระมากมายเข้าไปได้ ถือไปได้เพียงกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก ๆ เท่านั้น ดังนั้นใครหอบหิ้วพะรุงพะรังก็ต้องฝากไว้ในล็อกเกอร์ค่ะ มีค่าฝากตู้เล็ก 20 บาท และตู้ใหญ่ 30 บาท เดินตัวปลิวเข้าวังไปได้เลย
ไปถึงเวียงวังการแต่งกายต้องงดงามเป็นกุลสตรีด้วยนะเจ้าคะ มิฉะนั้นอาจต้องเช่าผ้าถุงใส่เข้าวังกัน และอาจไม่เข้าชุดกับเสื้ออีก อันนี้ลองดีไซน์กันดูว่าจะแต่งประมาณพี่พจมานสาวแกร่งหรือคุณหญิงเล็กสุดเปรี้ยว โดยเสื้อผ้าที่ใส่เข้าไปไม่ได้ เพราะผิดระเบียบเข้าชมเวียงวังก็คือ กระโปรงสั้น กางเกงสั้น เสื้อแขนกุดสายเดี่ยว กางเกงยีนส์ขาดสุดเท่ก็มิควร รองเท้าก็ต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้นที่สุภาพ แม้จะใส่ขึ้นไปไม่ได้ก็เถอะ
เข้าสู่ปีที่ 116 ของพระที่นั่งไม้สักทองที่งดงาม "วิมานเมฆ"
พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งไม้สักทองทั้งหลังใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยโปรดเกล้าฯ ให้รื้อย้ายมันธาตุรัตนโรจน์มาจากเกาะสีชัง มาปลูกสร้างใหม่และทรงพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ" เป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เป็นผู้ออกแบบ มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรีย รูปตัวแอล มีโดมแปดเหลี่ยมโดดเด่นงดงามมาก
แม้จะเก็บภาพถ่ายภายในพระราชวังมาฝากไม่ได้ แต่ภายนอกก็งดงามจนกดสนุกไปหลายช็อต ด้านหน้าพระตำหนักนั้นงดงามในทุกมุมตั้งแต่บันได ประตู หน้าต่าง ระเบียง หลังคาที่ประดับด้วยไม้แกะสลักอย่างงดงามแบบขนมปังขิง ส่วนด้านหลังนั้นเมื่อเดินผ่านจากด้านนอกที่มีสระน้ำในความร่มครึ้มของหมู่ไม้ก็ราวกับมองผ่านเข้าไปในนวนิยายเจ้าชาย เจ้าหญิง กับปราสาทแสนสวยที่ซ่อนอยู่ในป่า จนแอบจะอดอิจฉาเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ ยิ่งเข้าไปในวังเราจะต้องคอยชะโงกเข้าไปมองและถามไถ่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับห้องหับงดงามต่าง ๆ ที่มีอยู่ จำนวน 31 ห้องที่เปิดให้เข้าชม แม้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่และผ้าม่านสวย ๆ ที่เห็นจะเป็นของใหม่นำเข้าจากยุโรป ก็เพราะพระที่นั่งแห่งนี้ถูกสร้างมาร้อยกว่าปีแล้ว มีเพียงอาคารที่ยังตั้งตระหง่านแข็งแรงงดงามตั้งแต่พื้นกระดานไม้สักที่ได้เหยียบเดินไปจนถึงผนังและหลังคา ตามห้องต่าง ๆ ที่แบ่งเป็น 5 หมู่สี ได้แก่ สีฟ้า สีเขียว สีชมพู สีงาช้าง และสีลูกพีช ของตกแต่งอาจผุพังไปตามกาลเวลาแต่พระที่นั่งวิมานเมฆยังคงงดงามราวกับวิมานชั้นฟ้าอยู่อย่างนั้น
สำหรับตำนาน ประวัติการสร้างพระที่นั่งแห่งนี้นั้น ถ้าเอามาเล่าตรงนี้ก็จะยาวเข้าไปอีกและซ้ำ ๆ กับในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงของพระที่นั่งวิมานเมฆ www.vimanmek.com ซึ่งจะดีกว่ามากถ้าได้เข้าไปอ่านเพิ่มเติม และแวะไปเยี่ยมชมในชุดงดงามกรุยกรายพอประมาณ
ใครที่พอจะมีเวลาเข้าไปชมพระตำหนักอื่น ๆ ก็ไม่ควรพลาด ช่วงนี้บรรยากาศยังร่มรื่น ไม่ร้อนอบอ้าว น่าเดิน และภายในพระตำหนักก็ติดเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย หายห่วง ลองเข้าไปเดินชมความงดงามอย่างไทยที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตกในยุคสมัยหนึ่งกันดู แล้วอย่าลืมงามอย่างไทยเข้าไปชมวังกันล่ะ