Boosting Cream เทรนด์ใหม่ของการบำรุงผิวแบบล้ำลึก!
การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำนับเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆ เปล่งปลั่ง เรียบเนียน กระจ่างใส แม้ยังไม่แต่งหน้า และผิวที่ดียังช่วยให้เมคอัพติดทนนานอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบบำรุงผิวด่วนๆ เลยค่ะ
แต่ว่าเอ๊ะ! ทำไมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในท้องตลาดถึงได้เยอะจัง มีทั้ง ‘โทนเนอร์’ ‘ครีม’ ‘โลชั่น’ ‘อีมัลชั่น’ ‘เซรั่ม’ ‘เอสเซนส์’ ‘แอมเพิล’ ล่าสุดยังมี ‘บูสเตอร์’ เพิ่มขึ้นมาอีก! ต่างกันยังไง? ควรใช้อันไหน? อันไหนเหมาะกับผิว? วันนี้เรามาทำความรู้จักแต่ละตัวกันเถอะ!
ขอเกริ่นก่อนว่าเจ้าโทนเนอร์, ครีม, โลชั่น, อีมัลชั่น, เซรั่ม, เอสเซนส์, แอมเพิล และ บูสเตอร์ จริงๆ แล้วมันก็คือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิวนั้นเองแต่อาจมีรูปแบบ เนื้อสัมผัส ความเข้มข้น ฯลฯ ที่แตกตต่างกัน สุดแล้วแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นกันออกมา เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลย Let’s gooo
1. Toner: โทนเนอร์
โทนเนอร์คือตัว ‘ปรับสภาพผิว’ ที่สามารถ ‘ขจัดสิ่งสกปรก’ ที่อาจตกค้างจากการล้างหน้า หัวใจหลักของการใช้โทนเนอร์คือการนำสำลีชุบโทนเนอร์เช็ดใบหน้า เพราะผิวสัมผัสของสำลีทำให้โทนเนอร์สามารถเข้าถึงสิ่งสกปรกบนผิวได้ล้ำลึกกว่าการล้างหน้าธรรมดานั่นเอง ทั้งนี้โทนเนอร์ไม่ได้เน้นเรื่องการบำรุงสักเท่าไหร่ แต่ช่วยปรับสมดุลผิวมากกว่า เช่น ความชุ่มชื่น ค่า pH ฯลฯ ทำให้ครีมซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้น ดังนั้นควรใช้ครีมบำรุงหลังโทนเนอร์ภายใน 1- 2 นาที
- เนื้อสัมผัส: บางเบามาก/ ลำดับการใช้: หลังล้างหน้า/ เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว
- จุดเด่น: ปรับสมดุลผิวพร้อมขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่
2. Essence: เอสเซนส์
เอสเซนส์เป็นตัวบำรุงผิวจากภายใน ก็คือเน้นการบำรุงที่ล้ำลึกเข้าไปถึงชั้นผิวเพื่อฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดีออกมากจากภายในเลยทีเดียว มักมีส่วนผสมเป็น Water-Base ทำให้เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ เหมาะอย่างมากกับผู้ที่แพ้สารตระกูลน้ำมัน ถึงเอสเซนส์จะไม่ได้ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นมากนักแต่กลับได้รับความนิยมจากสาวเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะว่าเอสเซนส์สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวก็ได้
- เนื้อสัมผัส: บางเบามาก/ ลำดับการใช้: หลังโทนเนอร์หรือใช้แทนโทนเนอร์/ เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว
- จุดเด่น: บำรุงผิวจากภายใน เป็น Water-Base ซึมซาบเร็ว
3. Serum: เซรั่ม
เซรั่มมีคุณสมบัติคล้ายกับเอสเซนส์มาก เน้นการบำรุงผิวล้ำลึกจากภายในเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เซรั่มมีส่วนผสมเป็น Oil-Base จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื่นมากกว่าเอสเซนส์ มีเนื้อสัมผัสหลากหลาย เช่น น้ำ, น้ำมัน หรือเจลใส ส่วนมากเซรั่มมักจะออกแบบมาเพื่อการดูแลปัญหาผิวแบบเฉพาะเจาะจง เช่น แก้ไขปัญหาสิว, ดูแลริ้วรอย หรือแก้ไขผิวหมองคล้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- เนื้อสัมผัส: บางเบา/ ลำดับการใช้: หลังโทนเนอร์หรือหลังเอสเซนส์/ เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว ผิวมัน
- จุดเด่น: บำรุงผิวจากภายใน มีสารบำรุงเข้มข้นเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด
4. Ampoule: แอมเพิล
สำหรับแอมเพิลนี้เกิดมาเพื่อฆ่าเซรั่มอย่างแท้จริง เพราะมีส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่าเซรั่มขึ้นไปอีก จึงให้ผลลัพธ์ในระยะอันรวดเร็ว! ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสบางเบาที่สุด และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็วที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมแอมเพิลถึงมีราคาแพง ก็น้ำๆ ที่เห็นนั้นมันคือสารบำรุงเต็มๆ เลยไงจ๊ะ ใช้แปปเดียว รู้เรื่อง! ดังนั้นเพื่อความประหยัดบางคนจึงใช้แอมเพิลแต้มเฉพาะจุดที่ต้องการบำรุงเท่านั้น
- เนื้อสัมผัส: บางเบา/ ลำดับการใช้: หลังโทนเนอร์/ เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว
- จุดเด่น: มอบการบำรุงเข้มข้นให้ผลลัพธ์รวดเร็ว
5. Emulsion: อีมัลชั่น
เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ค่อนข้างบางเบา เนื้อคล้ายกับโลชั่นผสมเจล คือไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่น สำหรับผู้ที่มีผิวผสมและผิวมันอีมัลชั่นนี่แล่ะคือคำตอบของคุณ! เพราะอีมัลชั่นช่วยปกป้องผิวให้ชุ่มชื่นอย่างพอเหมาะ ไม่ทำให้ผิวขาดน้ำ และไม่ทำให้ผิวมันขึ้นด้วย จึงไม่แปลกที่สาวเกาหลีจะนิยมใช้อีมัลชั่นแทนเดย์ครีมบำรุงผิวก่อนลงเมคอัพ
- เนื้อสัมผัส: เข้มข้น/ ลำดับการใช้: หลังเซรั่ม/ เหมาะกับ: ผิวผสมและผิวมัน
- จุดเด่น: บำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่นโดยไม่ทำให้ผิวมันขึ้น ใช้แทนเดย์ครีมได้เลย
6. Lotion: โลชั่น
โลชั่นมีคุณสมบัติคล้ายอีมัลชั่น คือช่วยบำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่น ต่างกันตรงที่โลชั่นมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันมากกว่า จึงช่วยเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ดีกว่า นอกจากนี้ส่วนผสมจากน้ำมันยังช่วยเคลือบบนผิวชั้นนอก ลดการสูญเสียน้ำน้อยลง เหมาะกับผู้ที่มีผิวธรรมดาหรือผิวผสม
- เนื้อสัมผัส: เข้มข้นปานกลาง/ ลำดับการใช้: หลังอีมัลชั่น/ เหมาะกับ: ผิวธรรมดาหรือผิวผสม
- จุดเด่น: ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เหนอะผิว
7. Cream: ครีม
ขึ้นชื่อว่า ‘ครีม’ เนี้ยขอให้ทุกคนเดาไว้ก่อนเลยว่าเนื้อเขาต้องเข้มข้น! เพราะครีมมีส่วนผสมจากน้ำมันเยอะที่สุด อุดมไปด้วยสารบำรุงที่เข้มข้นและความชุ่มชื่นเต็มพิกัด มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชั้นนอกชุ่มชื่นอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือเอาไว้ใช้เวลาที่อากาศหนาวๆ เพราะน้ำมันในครีมช่วยเคลือบผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำได้ดี
- เนื้อสัมผัส: เข้มข้นมาก/ ลำดับการใช้: ขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง/ เหมาะกับ: ผิวแห้งถึงแห้งมาก
- จุดเด่น: ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและป้องกันผิวแห้งกร้านได้อย่างดีเยี่ยม
8. Booster: บูสเตอร์
ศัพท์ใหม่ล่าสุดกับ ‘บูสเตอร์’ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ก่อนครีมบำรุงผิวทุกขั้นตอน! สามารถใช้แทนโทนเนอร์ได้เลย ด้วยเนื้อที่บางเบา และคุณสมบัติเฉาะตัวเพื่อปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้สารบำรุงต่างๆ ซึมเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับทุกสภาพผิว
- เนื้อสัมผัส: บางเบา/ ลำดับการใช้: ขั้นตอนแรกของการบำรุง/ เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว
- จุดเด่น: ปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุง และกระตุ้นให้สารบำรุงซึมเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้น
CATHY DOLL Ready 2 White White Boosting Cream
( ขนาด 8/75 มล. ราคา 39/395 บาท )
ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากเกาหลี ขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวทุกขั้นตอน เพื่อผิวดูใสไม่ต้องรอ!
- ช่วยบูสเปิดผิวเด้ง เร่งผิวใส ล็อกความกระจ่างใสยาวนาน
- เทคโนโลยีล่าสุด Encapsulation 3 ชั้น
- บูสผิว 3 ระดับ เปิดไฟให้ผิว, เติมพลังให้ผิวสตรอง และล็อกความชุ่มชื่นกระจ่างใสยาวนาน
- ช่วยให้ผิวเปิดรับการบำรุงอย่างเต็มที่
- ดูกระจ่างใสขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้