ทำไมต้องอ่าน...
- เพราะใคร ๆ ก็ต้องเดิน ง่ายสุด
- การเดินลดน้ำหนักได้ด้วยนะ ได้น้อยแต่ดีกว่าไม่ได้เลยสักขีดมาหลายปีแล้วไม่ใช่รึ?
- การเดินนั้นดีต่อหัวใจแต่ต้องเดินแค่ไหนล่ะ?
- เดินเถอะ อย่าขี้เกียจ
ถ้าการออกกำลังกายมันวุ่นวายนัก ก็เลือกวิธีที่ง่ายที่สุดก็แล้วกันคือ "เดิน" นี่แหละ เพราะคงไม่มีใครมั้ง ที่วัน ๆ ไม่คิดจะเดินกันบ้างเลย อีกอย่างคือการเดินน่าจะเหนื่อยน้อยที่สุดด้วย แม้การเผาผลาญจะไม่มากมายนัก แต่ก็ปลอดภัย แข็งแรง สุขภาพดี มีเอว แล้วต้องเดินแค่ไหนถึวจะเบิร์นละ?
- ทุกการเดิน 20 ก้าว จะเบิร์นได้ 1 กิโลแคลอรี่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวด้วย น้ำหนักมากก็จะเบิร์นได้มากกว่านะ
- ทุก ๆ 3,500 กิโลแคลอรี่ที่เบิร์นออกไป น้ำหนักจะลง 0.45 กิโลกรัม
- เดิน 10,000 ก้าว จะเบิร์นออกไปได้ถึง 400-500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักลดลงไปสัปดาห์ละกว่าครึ่งกิโลกรัมเล็กน้อย
- คนที่หนักไม่เกิน 60 กิโลกรัม เดิน 30 นาที จะเผาผลาญไปได้ประมาณ 90 กิโลแคลอรี่
- คนที่น้ำหนักมาก ก็จะเบิร์นได้มากกว่า เช่น หนัก 70 – 80 กิโลกรัม เดิน 30 นาที ะเผาพลาญได้ถึง 120 กิโลแคลอรี่
- ถ้าไม่อยากรีบเร่ง เดินทุกวัน วันละ 30 นาที น้ำหนักก็จะลงไปประมาณ 0.5 กิโลกรัมใน 1 เดือน
- หากสามารถเดินได้ชั่วโมงละ 6.5 กิโลเมตร ก็จะเบิร์นได้ถึง 668 กิโลแคลอรี่
เอาไปคำนวณกันได้เลยว่าเราสามารถเดินกันได้มากแค่ไหน ใครที่ไม่เคยออกกำลังกายอะไรเลย ควรเริ่มแบบเบา ๆ ช้า ๆ ใกล้ ๆ ไปก่อน ดูกำลังตัวเองด้วย แล้วก็อย่าลืมวอร์มอัพก่อนออกเดิน และคูลดาว์นหลังเดินเสร็จแล้วด้วยนะ
เรื่องที่ต้องรู้(เพิ่ม)...
- แม้จะเป็นแค่การเดิน ถ้าต้องเดินไกล ควรเลือกรองเท้าสำหรับใส่วิ่งจะดีที่สุด
- ควรเดินให้เกินครั้งละ 20 นาที เพื่อให้มีผลดีต่อหัวใจและปอด
- ลองนับชีพจรขณะเดินไปด้วย โดยเอาอายุไปลบจาก 220 แล้วให้ได้ตัวเลขระหว่าง 60-80 เพื่อให้เข้าขั้นแอโรบิค แต่อย่าเร่งสปีดจนหอบ เดินนานขึ้นจะดีกว่า
- ถ้าไม่รู้ว่าจะเดินตรงไหน อ่านเลย "4 การออกกำลังกาย ที่คณทำได้แม้จะอยู่ในรั้วบ้าน"