ใกล้ปลายปีแล้ว หลาย ๆ คนคงเริ่มแพลนทริปไปเที่ยวต่างประเทศที่จองตั๋วโปรเอาไว้ตั้งแต่กลางปี แต่จะพกสกินแคร์อะไรไปบ้างดีน้อ จะเอาไซส์ใหญ่ไปก็เปลืองน้ำหนักโหลดกระเป๋า จะหาขวดจิ๋วมาแบ่งใส่ เซรั่มบางอย่างมันก็ไม่เหมาะกับขวดใสอะ เทไปเทมา จะหกนองพื้นให้เสียดายเปล่าๆ หนักอกหนักใจคิดไม่ถูก กลัวไปแล้วแพ้น้ำ แพ้อากาศ หน้าพังขึ้นมาจะถ่ายรูปไม่สวยเอาน่ะสิ
วันนี้ *cosmenet เลยคัดสกินแคร์ส่วนผสมดี ในไซส์มินิที่น่าพกไปต่างประเทศมาให้สาว ๆ ดูเป็นตัวอย่าง เผื่อมองหาจากของที่มีอยู่ในเก๊ะ หรือจะตามไปช้อปเพิ่ม ก็จิ้มลิงค์ที่ใส่ไว้ให้ด้านล่างได้เลยนะคะ
เอสเซนส์ที่อยากแนะนำก็ต้องเป็นน้ำตบเห็ดตัวดังของออริจินส์เลยค่ะ เพราะช่วยกู้หน้า กู้อาการแพ้ ลดผดผื่นต่าง ๆ ได้ชะงัด เผื่อว่าไปเจออากาศแห้งจัด ๆ หรือร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วผิวเกิดแพ้ขึ้นมา น้ำตบตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลให้ผิวคุณได้ จะใช้คู่กับสำลีเช็ดหน้า หรือเทใส่ฝ่ามือแล้วค่อย ๆ กดให้ทั่วผิวก็ได้เลย
ที่สำคัญ เลือกขนาดให้เหมาะกับจำนวนวันที่จะเดินทางไปด้วยนะคะ เค้ามีทั้งไซส์ 30 มิลและก็ไซส์ 7 มิลที่เป็นขนาดทดลองด้วย ซึ่งที่เคาน์เตอร์ของ Origins เค้าก็กำลังมีกิฟท์เซ็ตที่แถมขวดไซส์จิ๋ว ๆ นี้อยู่ด้วยแหละ (แอดไปตำมาแล้วเรียบร้อย 55) ถ้ากำลังจะแวะไปเติมสต๊อกขวดใหญ่ก็อย่าลืมดูเซ็ตที่มีน้ำตบเวอร์ชั่นมินิกลับมาด้วยนะคะ ตอนแพคของไปเที่ยวปลายปีจะได้มีน้ำตบพกติดกระเป๋าไปด้วย ไม่ต้องหาขวดแบ่งให้วุ่นวายไงคะ
:: ขนาด :: 7 ml.
:: มูลค่า :: 100 บาท *แถมมากับการซื้อผลิตภัณฑ์
# ทางไปช้อป # Origins.co.th
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
อายครีมที่แนะนำของคลีนิกข์ตัวนี้ เนื้อเข้มข้นมากกกกก แล้วย่อส่วนจากกระปุกบิ๊กบึ้มมาเป็นหลอดจิ๋วน่าลั๊กกกอะ พกพาสะดวก ไม่หนักกระเป๋าด้วย และยังเป็นอายครีมที่มีส่วนผสมอ่อนโยน เน้นให้ความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยได้ดีด้วย เพราะบริเวณรอบดวงตา เป็นส่วนที่บอบบางและเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายมาก ยิ่งไปเจอกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว หรือน้ำประปาที่ไม่คุ้น ถ้าตาบวม ตาคันขึ้นมา เราว่าคุณเที่ยวไม่สนุกแน่นอนค่ะ
แต่ถ้าคุณมีอายครีมตัวที่ใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว จะพกตัวนั้นไปเลยก็ได้นะ แค่อยากให้ลองพลิกดูส่วนผสมด้านหลังนิดนึงว่า มีสารประกอบอะไรที่จะทำให้คุณแพ้เมื่อเจอกับสภาพอากาศแปลก ๆ บ้างรึเปล่า อย่างเช่นวิตามินซี กรดเรตินเอ ที่มักจะใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสให้รอบดวงตา ก็ไม่แนะนำให้เอาไปใช้ระหว่างทริปเลยค่ะ โดยเฉพาะคนที่ผิวแพ้ง่าย อากาศเปลี่ยนนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เกิดอาการแล้ว ควรจะใช้ของที่เซฟและมั่นใจได้ว่าจะไม่สร้างปัญหาในช่วงเวลาที่ควรจะสนุกและเอนจอยกับวันหยุดยาว ๆ แบบนี้ค่ะ
:: ขนาด :: 5 ml.
:: มูลค่า :: 400 บาท *แถมเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ครบ 2,500 บาท ภายใน 30 พฤศจิกายน 2019
# ทางไปช้อป # Clinique.co.th
ก่อนจะลงเซรั่ม เราขอเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยเจ้าจิ๋วขวดนี้อีกรอบให้มั่นใจค่ะ เพราะฮาดะลาโบะเป็นอีกขวดนึงเลยที่ช่วยกู้หน้าเราให้รอดพ้นจากสภาพอากาศหนาวเหน็บและแห้งจนเจ็บจมูก ทำให้ผิวกลับมาเด้งดึ๋ง เหมือนอยู่ในอากาศร้อนชื้นเมืองไทยได้เลย
แต่ก่อนหน้านี้ก็ได้แต่แบกหน้ากลับมาซ่อมที่บ้าน ไม่ค่อยได้พกไปทริปซักเท่าไหร่ เพราะขนาดเล็กสุดที่เค้ามีก็ยังใหญ่ กินที่ในกระเป๋าสุด ๆ พอมาเห็นว่านางออกขวดจิ๋วหลิวให้ใช้ง่าย ๆ ไม่ต้องเอาไปแบ่งเทแยกอีกแล้ว ก็ยิ่งแฮปปี้เลย คราวนี้ จะพกไปทริปไหน ก็ไม่ต้องห่วงหน้าแห้งแล้วแหละ
:: ขนาด :: 9 ml.
:: ราคา :: 49 บาท
# ทางไปช้อป # หาซื้อได้ที่ 7-eleven เลยค่า
เซรั่มตัวนี้ สารภาพว่าแอดอ้างอิงจากผิวตัวเองโดยตรงเลยค่ะ เพราะว่าใช้แล้วมีแต่คนทักว่าหน้าดี รูขุมขนกระชับ ผิวสวยกิ๊ง ๆ ก็เลยใช้ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ แถมไม่มีส่วนผสมพิสดารที่จะชวนให้ผิวเกิดอักเสบระคายเคืองด้วยนะ แต่จะให้พกขวดแก้วไปต่างประเทศมันก็หนักไปหน่อย แถมเสี่ยงขวดแตกเละในกระเป๋าอีกต่างหาก จึงแนะนำให้ขอเทสเตอร์แบบซองมาเพิ่มเวลาโฉบไปซื้อขวดใหม่ที่เคาน์เตอร์ค่ะ ซองนึงก็ใช้ได้ประมาณ 2-3 ครั้งเลยนะ เหมาะจะพกพาเอาไปเที่ยวด้วยมาก ๆ เลย
แต่ถ้าใครไม่เคยซื้อไซส์จริงใช้มาก่อน ก็สามารถไปดูเซ็ตทราเวลในคิงพาวเวอร์ หรือที่เว็บไซต์ Lancome ได้เลยนะคะ เค้ามีขนาด 7 มิลที่เป็นเหมือนขวดเซรั่มไซส์จริง พร้อมหลอดหยดเซรั่มเหมือนขวดจริงๆ อีกด้วย เพียงแต่มาในไซส์เล็กกว่าและเป็นขวดพลาสติก ไม่ต้องกลัวขวดแตก เซรั่มหกกระจายให้เสียอารมณ์เลย
:: ขนาด :: 7 ml.
:: ราคา :: 900 บาท *ชุด Protection Set
# ทางไปช้อป # Lancome.co.th
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
ก่อนหน้านี้ เราก็มักจะพกชีทมาส์คไปใช้แทนครีมทาหน้าเลยล่ะค่ะ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เราใช้ชีทมาส์คตอนก่อนนอนได้ แต่เอามาใช้ตอนเช้าไม่ได้ค่ะ มันจะไปเที่ยวไม่ทันเอา! หลัง ๆ มานี้ ก็เลยมองหาครีมทาหน้าที่ชุ่มชื้นมาก ๆ ไว้สำหรับพกพาไปต่างประเทศแทน ซึ่งคำตอบสุดท้าย ก็มาจบที่ตัวนี้ค่ะ ครีมเนื้อเข้มข้นแต่อ่อนโยนของลาแมร์นั่นเอง
ฟังดูโหดมากเลยใช่มั้ยคะ จะให้พก La mer กระปุกใหญ่เบิ้มลงกระเป๋าเนี่ยนะ! แต่จะบอกว่า ซอฟท์ครีมของลาแมร์ตัวนี้เค้ามีกระปุกจิ๋วขนาด 3.5 มิลพกง่าย แถมปริมาณที่เราจะใช้ในแต่ละครั้ง แค่สะกิดปลายเล็บขึ้นมาเท่านั้นก็ทาได้ทั่วหน้าแล้ว ส่วนผสมของซอฟท์ครีมตัวนี้ ก็อ่อนโยนต่อผิว และช่วยเติมความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวได้แบบสุด ๆ เรียกได้ว่า ถ้าผิวเกิดรีแอคประหลาด ๆ กับสภาพอากาศ สภาพน้ำขึ้นมา เจ้าจิ๋วกระปุกนี้ช่วยคุณได้แน่นอนค่า
:: ขนาด :: 3.5 ml.
:: มูลค่า :: *แถมฟรีเมื่อสั่งซื้อครั้งแรก
# ทางไปช้อป # Lamer.co.th
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
เจ้านี่เป็นกันแดดที่ได้อันดับหนึ่งในเว็บ *cosmenet และอันดับหนึ่งทั่วโลกเลยนะคะ แล้วจะทิ้งน้องไว้ที่บ้านได้ยังไงล่ะ! ด้วยความที่เป็นกันแดดเนื้อน้ำนม ใส่ขวดพลาสติกที่แข็งแรงเอาเรื่อง น้ำหนักก็เบาและพกง่ายมาก ๆ โดยเฉพาะเจ้าไซส์จิ๋ว 20 มิลของเค้า เหมาะจะพกไปเที่ยวด้วยสุด ๆ เลยล่ะค่ะ
แต่จะใช้สีทอง สีเงิน สีขาว สีฟ้า สีชมพู ก็เลือกได้ตามใจสาว ๆ เลยนะคะ เพราะทุกสูตรก็มีประสิทธิภาพในการกันแดดพอ ๆ กัน เนื้อน้ำนมเหมือนกัน และตอบโจทย์สภาพผิวของแต่ละคนที่แตกต่างกันไปด้วยค่ะ
:: ขนาด :: 20 ml.
:: ราคา :: 420 บาท
# ทางไปช้อป # ANESSA THAILAND
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
ยอมแล้วจ้าแม่! ลิปมาส์คตัวนี้ไปไหนต้องพกไปด้วยตลอดเลย เพราะนอกจากจะบำรุงปากได้เริ่ชเกินหน้าตาธรรมดา ๆ ของมันแล้ว กระปุกยังเป็นพลาสติกเนื้อด้าน จับแล้วรู้สึกพรีเมียมมากมาย ที่สำคัญเลยคือ น้ำหนักเบา เล็ก ใช้ง่าย ไม่หกเลอะเทอะ เจอแดดร้อนๆ ก็ไม่ละลายกลายเป็นน้ำ และอ่อนโยน ไม่มีสารเคมีรุนแรงที่จะเสี่ยงทำให้ปากเราเกิดอาการแพ้โดยไม่รู้สาเหตุระหว่างทริปอีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างของลิปมาส์คตัวนี้คือ ใช้ทาตอนกลางวันก็ไม่หนักจนเกินไป เพราะมันซึมไว แต่งหน้าทาลิปทับก็ยังโอเค แต่พอตอนกลางคืน ก็สามารถเอามาโบกกันปากแห้งได้ชะงัด แล้วทาทีเดียวคืออยู่ทนอยู่นาน ทาเบิ้ลเข้าไปหลังทานข้าวก็ได้ปากนุ่มยาวไม่แตกแน่นอนค่ะ
:: ขนาด :: 8 กรัม
:: ราคา :: 260 บาท
# ทางไปช้อป # Sephora.com
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
จริง ๆ แล้วหลอดนี้ เป็นครีมทามือนะคะ แต่เจ้มจ้นขั้นสุด อากาศจะหนาวเบอร์ไหน เค้าก็เอาอยู่แน่นอน แล้วซึมไวไม่เหนอะหนะ เรียกว่าใช้ได้ตลอดปีทั้งในเมืองไทยเมืองนอกเลยค่ะ หลอดก็ไซส์กลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป กำลังเหมาะจะพกไปด้วยทุกที่ ทาได้ทั้งคอจรดปลายเท้าตลอดทริปแน่นอน แต่ข้อเสียนิดนึงก็คือ เค้าจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามสไตล์ Soap & Glory ใครแพ้น้ำหอมต้องทดลองใช้ดูก่อนนะคะ ว่าแพ้รึเปล่า
แต่ถ้าใครยังลังเล ไม่อยากลงทุนเพิ่ม คำแนะนำของ *cosmenet คือ เลือกครีมที่เข้มข้นที่สุดไปค่ะ เพราะเวลาผิวแห้ง ลอก แตกนี่มันเซ็งน่าดูนะ คือนอกจากจะทำให้เจ็บผิวจนหน้านอยแล้ว ยังทำเอาไม่กล้าแต่งตัว ไม่กล้าหยิบของถ่ายรูปด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากโชว์จมูกเล็บที่ลอก ๆ แห้ง ๆ แถมโดนดึงจนเลือดออกซิบ ๆ ดังนั้น ครีมที่เราจะเลือกพกไปต่างประเทศ ก็ต้องเอาให้อยู่ในทุกอุณหภูมิค่ะ
:: ขนาด :: 50 ml.
:: ราคา :: 175 บาท
# ทางไปช้อป # Boots Thailand
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
ตัวเดียวในใจทุกครั้งที่เดินทาง เราจะต้องหาซื้อไบโอเดอร์มาขวดจิ๋วพกใส่กระเป๋าไปด้วยทุกทริปเลยค่ะ เพราะสามารถใช้เช็ดหน้าให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ล้ำลึกถึงรูขุมขน จนต้องบอกว่า เราใช้เจ้าขวดนี้แทนการล้างหน้าเช้า-เย็นไปเลยค่ะ เพราะจากประสบการณ์ที่เคยล้างหน้าด้วยน้ำประปาในต่างแดนแล้วหน้าแหก ทาครีมเข้มข้นหรืออ่อนโยนแค่ไหนก็ไม่ช่วย แถมกลับมายังต้องซ่อมหน้ากันต่ออีกเกือบปี บอกเลยว่า ไม่เสี่ยงดีกว่าจ้า
วิธีใช้ส่วนตัวก็จะเช็ดกับสำลีเนื้อนุ่ม ๆ หน่อยค่ะ เช็ดไปเรื่อย ๆ จนกว่าสำลีจะขาวนั่นแหละ ถึงจะหยุด จากนั้นก็ใช้น้ำดื่ม ล้างหน้าอีกซักรอบเพื่อความสบายใจ แล้วซับหน้า ตามด้วยการบำรุงผิวขั้นตอนต่อ ๆ ไปได้เลยค่ะ
:: ขนาด :: 100 ml.
:: ราคา :: 390 บาท
# ทางไปช้อป # Bioderma.co.th
:: ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ::
ครบแล้วค่า สำหรับสกินแคร์ไซส์มินิที่น่าพกติดตัวเอาไปต่างประเทศด้วยกัน จะเห็นเลยว่าหลักสำคัญในการเลือกคือส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่มีสารเคมีรุนแรง เรียกว่า ส่วนประกอบลดเลือนริ้วรอย แก้จุดด่างดำ หรือรักษาสิว เราไม่สนใจเลย เพราะคีย์หลัก ๆ ที่ผิวเราต้องการเวลาไปเจออากาศและน้ำที่ไม่คุ้นเคย ก็คือความชุ่มชื่นที่คงที่ แม้จะเจออะไร ๆ ที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวนั่นเองค่ะ
แล้วเพื่อน ๆ *Cosmenet มีสกินแคร์ตัวไหนที่ชอบพกติดกระเป๋าเดินทางไปด้วยบ้าง อย่าลืมเอามาแชร์บอกเพื่อน ๆ คนอื่นกันบ้างน้า