Do : เริ่มทำความสะอาดเมคอัพรอบดวงตาเป็นอันดับแรก ถ้าติดขนตาปลอมก็ให้ดึงออกก่อน จากนั้นค่อย ๆ เช็ดเมคอัพที่เปลือกตาอย่างเบามือ และเช็ดขนตาเป็นอันดับต่อไปค่ะ
Don’t : ไม่เอาสำลีที่เช็ดหน้าแล้วกลับมาเช็ดดวงตาซ้ำไปมา เพราะอาจนำเอาสิ่งสกปรกมาสัมผัสดวงตาได้ และสำลีที่ใช้ทำความสะอาดรอบดวงตาจนเปลี่ยนสีแล้วก็ให้เปลี่ยนแผ่นใหม่เลยค่ะ อย่าใช้ซ้ำน้าา
Do : ถ้าเป็น Eye Remover แบบน้ำก็ให้เทใส่สำลีให้ชุ่ม ๆ เลย แล้วโปะทิ้งไว้ที่ดวงตา 5 - 10 วินาที แล้วค่อยเช็ดออก เครื่องสำอางจะหลุดออกได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ ส่วน Eye Remover แบบออยล์ก็ให้นวดวน ๆ รอบดวงตา 5 - 10 วินาที แล้วค่อยปาดด้วยสำลีก็เวิร์กมาก
Don’t : ที่สำคัญอย่างก Eye Remover และสำลีเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะการเช็ดเมคอัพรอบดวงตาแบบแห้ง ๆ ฝืด ๆ ยิ่งจะทำให้ผิวรอบดวงตาของสาว ๆ เกิดริ้วรอยได้ง่าย ถ้าไม่อยากตาเหี่ยวอย่าหาทำเลยน้าา
Do : เลือกใช้สำลีแผ่นที่มีคุณภาพ เนื้อดี สัมผัสนุ่ม สำลีคุณภาพจะไม่เป็นขุย และอุ้มน้ำได้ดี Eye Remover ก็สามารถเข้าทำความสะอาดผิวรอบดวงตาได้อย่างหมดจดค่ะ
Don’t : อย่าคิดว่าอะไรที่เป็นแผ่นนุ่ม ๆ จะมาทดแทนสำลีแผ่นได้นะคะ ทั้งทิชชูเอย สำลีก้อนเอย และสำลีเนื้อแข็งก็ไม่ควรใช้ค่ะ เช็ดไปเช็ดมาริ้วรอยถามหา แถมยังทิ้งเมคอัพตกค้างไว้ให้ใต้ตาเหี่ยวเร็วอีก ไม่ดีแน่ ๆ ค่ะแบบนี้
Do : ค่อย ๆ เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาอย่างเบามือที่สุด ไม่ต้องออกแรง หรือใช้สำลีถูกับหน้าให้มากนัก เช็ดในทิศทางเดียวคือลากจากหัวตาออกไปทางหางตา และส่วนขนตาก็ให้ลากลงตามแนวขนตาเลยค่ะ
Don’t : ถึงเมคอัพรอบดวงตาจะติดทน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเช็ดเมคอัพออกอย่างแรงนะคะ ยิ่งสาว ๆ ที่ชอบเช็ดเมคอัพแบบปาดไปมาก็ขอให้หยุดเลยจ้าา เดี๋ยวใต้ตาเหี่ยวขึ้นมาจะกด undo ก็ไม่ทันละน้าาา
Do : ส่วนของการเก็บรายละเอียดในซอกมุมเล็ก ๆ น้อย ๆ จะใช้สำลีพับมุมอย่างที่บอกไป หรือใช้สำลีก้านมาช่วยเช็ดก็โอเคเลยค่ะ
Don’t : การเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาโดยใช้สำลีแผ่นเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็ทำความสะอาดได้ไม่หมด สาว ๆ ที่เช็ดแต่เปลือกตาโดยไม่ได้เช็ดให้ทั่วทุกซอกมุม ก็อาจทิ้งเครื่องสำอางตกค้างไว้บนผิวได้นะคะ