แจกลิสต์ 7เมคอัพเบสยี่ห้อไหนดี? มอบงานผิวสวย แต่งหน้าติดทนตลอดวัน

รีวิว VISTRA Tuna Fish Oil Hi-DHA 500

Quick Recap
รีวิวผู้ใช้จริง สรุปโดย AIรีวิวผู้ใช้จริง สรุปโดย AI
ช่วยเสริมสร้างสมาธิและการจดจำ ราคาไม่แพง มีกลิ่นเล็กน้อย ใช้ง่าย แต่ควรกินอย่างสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ
Beau BN's profile picture
Beau BN
October 21, 2021
น้ำมันตับปลาช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา บำรุงกระดูก ขนาดเม็ดกำลังพอดี กินง่าย กลืนง่าย ไม่ติดคอ...
momotari's profile picture
momotari
December 29, 2018
ช่วงอายุ : 31 - 35
ตัวใหม่ออกมานี้ เราทานมานานแล้วของยี่ห้อวิสตร้า ชอบที่เวลาทำงานไม่ปวดหัวเลย ไม่ปวดตา ปกติเราอยู่หน้าคอมนานมากกกกก ตอนแรกยังไม่ทาน ทำงานลำบากเลย พอได้ตัวนี้มากโคตรจะโชคดี คือน้ำมันปลา ไม่ใช้น้ำมันตับปล...
Preview
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
จากประเทศThailand
เหมาะสำหรับ-
อายุการใช้งาน-
ปริมาณ30 แคปซูลและ 60 แคปซูล
ราคา510 และ 990 บาท
ข้อแนะนำ-
จุดเด่นช่วยดูแลสายตาและ เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบสูตร เตรียมความพร้อมในทุกวัน

Vistra Tuna Fish Oil Hi-DHA 500

มาดูแลสุขภาพของคุณกันเถอะ ใหม่! Vistra Tuna Fish Oil Hi-DHA 500 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากปลาทะเลน้ำลึกที่ได้รับลิขสิทธิ์จากประเทศนอร์เวย์เพื่อการเรียนรู้จดจำและเสริมสร้างสมาธิ ให้คุณพร้อมใส่ใจ ดูแลตัวเอง มี 2 ขนาด ขนาด 30 แคปซูล และ ขนาด 60 แคปซูล

ส่วนประกอบที่สำคัญ ประกอบด้วย
น้ำมันปลาทูน่า TunafishOil 1000 มก.+
ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 Provide Omega3 600 มก.
กรดโดโคซาเฮคซาอิโนอิก DocosahexaenoicAcid(DHA) 500 มก.
กรดไอโคชาเพนตาอิโนอิก Eicosapentaenoic (EPA) 100 มก.
วิตามินอี Vitamin E 7.66 มก.


คำแนะนำ : รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ

คำเตือน

1. เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
2. การรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานควารปรึกษาแพทย์
3. ห้ามใช้ในผู้ใหญ่ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา
4. ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือแอสไพริน


กรดไขมันโอเมก้า 3(Omega 3Fatty Acid)

โอเมก้า 3 จัดเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential Fatty Acid) ซึ่งหมายถึงร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างเองได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามในการปรุงอาหารนั้น โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงโดยการทอดจะทำให้กรดไขมันโอเมก้า3สลายตัว จึงทำให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

แหล่งที่สำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3

น้ำมันปลา คือ น้ำมันที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น เนื้อ หัว และหางของปลา ซึ่งส่วนที่ดีที่สุดควรจะเป็นส่วนของเนื้อปลาและควรได้มาจากปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำเย็นลึกเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคคอเรล ปลาแฮร์ริง นอกจากนี้โอเมก้า 3 ยังสามารถพบได้ในเมล็ดพืชบางชนิด เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง วอลนัต


กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่คือ กรดไอโคซาเพนตะอิโนอิก หรืออีพีเอ (EPA)และ กรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก หรือดีเอชเอ (DHA)ซึ่งสารทั้งสองชนิดจะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป
  • EPA จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของไตรกลีเซอไรด์สูงและปวดบวมอักเสบข้อ
  • DHAจะให้ประโยชน์หลักในเรื่องของการดูแลสุขภาพสมอง โดยการส่งเสริมพัฒนาการและเซลล์สมองให้สมบูรณ์ รวมถึงสุขภาพดวงตาด้วย
หน้าที่สำคัญ
  • ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด
  • รักษาระดับของไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ
  • สำคัญต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท
  • ลดอาการอักเสบและปวดบวมของข้อ
  • บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิดเช่น โรคสะเก็ดเงิน

อาการเมื่อขาด : ผิวแห้ง, ติดเชื้อได้ง่าย, ปัญหาด้านสมาธิและความจำ, ความดันโลหิตสูง, เกิดการอักเสบของข้อ ผิวหนัง สะเก็ดเงิน

ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ : 1-2 กรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ไม่แนะนำให้เสริมโอเมก้า 3