8 รองพื้นเนื้อบางเบา ได้งานผิวเล่นแสง คุมมัน ไม่หยาไม่อุดตัน

รีวิว VISTRA Tuna Fish Oil Hi-DHA 500

Tuna Fish Oil Hi-DHA 500
อันดับ
Beau BN's profile picture
Beau BN
Commentความคิดเห็นที่ 2
น้ำมันตับปลาช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา บำรุงกระดูก ขนาดเม็ดกำลังพอดี กินง่าย กลืนง่าย ไม่ติดคอ...
21 ต.ค. 2564 เวลา 23:01 น.
momotari's profile picture
momotari
Commentความคิดเห็นที่ 1
ช่วงอายุ : 31 - 35
ตัวใหม่ออกมานี้ เราทานมานานแล้วของยี่ห้อวิสตร้า ชอบที่เวลาทำงานไม่ปวดหัวเลย ไม่ปวดตา ปกติเราอยู่หน้าคอมนานมากกกกก ตอนแรกยังไม่ทาน ทำงานลำบากเลย พอได้ตัวนี้มากโคตรจะโชคดี คือน้ำมันปลา ไม่ใช้น้ำมันตับปล...
Preview
29 ธ.ค. 2561 เวลา 11:44 น.
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
จากประเทศThailand
เหมาะสำหรับ-
อายุการใช้งาน-
ปริมาณ30 แคปซูลและ 60 แคปซูล
ราคา510 และ 990 บาท
ข้อแนะนำ-
จุดเด่นช่วยดูแลสายตาและ เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบสูตร เตรียมความพร้อมในทุกวัน

Vistra Tuna Fish Oil Hi-DHA 500

มาดูแลสุขภาพของคุณกันเถอะ ใหม่! Vistra Tuna Fish Oil Hi-DHA 500 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากปลาทะเลน้ำลึกที่ได้รับลิขสิทธิ์จากประเทศนอร์เวย์เพื่อการเรียนรู้จดจำและเสริมสร้างสมาธิ ให้คุณพร้อมใส่ใจ ดูแลตัวเอง มี 2 ขนาด ขนาด 30 แคปซูล และ ขนาด 60 แคปซูล

ส่วนประกอบที่สำคัญ ประกอบด้วย
น้ำมันปลาทูน่า TunafishOil 1000 มก.+
ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 Provide Omega3 600 มก.
กรดโดโคซาเฮคซาอิโนอิก DocosahexaenoicAcid(DHA) 500 มก.
กรดไอโคชาเพนตาอิโนอิก Eicosapentaenoic (EPA) 100 มก.
วิตามินอี Vitamin E 7.66 มก.


คำแนะนำ : รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ

คำเตือน

1. เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
2. การรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานควารปรึกษาแพทย์
3. ห้ามใช้ในผู้ใหญ่ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา
4. ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือแอสไพริน


กรดไขมันโอเมก้า 3(Omega 3Fatty Acid)

โอเมก้า 3 จัดเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential Fatty Acid) ซึ่งหมายถึงร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างเองได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามในการปรุงอาหารนั้น โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงโดยการทอดจะทำให้กรดไขมันโอเมก้า3สลายตัว จึงทำให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

แหล่งที่สำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3

น้ำมันปลา คือ น้ำมันที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น เนื้อ หัว และหางของปลา ซึ่งส่วนที่ดีที่สุดควรจะเป็นส่วนของเนื้อปลาและควรได้มาจากปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำเย็นลึกเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคคอเรล ปลาแฮร์ริง นอกจากนี้โอเมก้า 3 ยังสามารถพบได้ในเมล็ดพืชบางชนิด เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง วอลนัต


กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่คือ กรดไอโคซาเพนตะอิโนอิก หรืออีพีเอ (EPA)และ กรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก หรือดีเอชเอ (DHA)ซึ่งสารทั้งสองชนิดจะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป
  • EPA จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของไตรกลีเซอไรด์สูงและปวดบวมอักเสบข้อ
  • DHAจะให้ประโยชน์หลักในเรื่องของการดูแลสุขภาพสมอง โดยการส่งเสริมพัฒนาการและเซลล์สมองให้สมบูรณ์ รวมถึงสุขภาพดวงตาด้วย
หน้าที่สำคัญ
  • ปกป้องหัวใจและหลอดเลือด
  • รักษาระดับของไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ
  • สำคัญต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท
  • ลดอาการอักเสบและปวดบวมของข้อ
  • บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิดเช่น โรคสะเก็ดเงิน

อาการเมื่อขาด : ผิวแห้ง, ติดเชื้อได้ง่าย, ปัญหาด้านสมาธิและความจำ, ความดันโลหิตสูง, เกิดการอักเสบของข้อ ผิวหนัง สะเก็ดเงิน

ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ : 1-2 กรัมต่อวัน

ข้อควรระวัง: ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ไม่แนะนำให้เสริมโอเมก้า 3