สวัสดีค่ะ หลังจากที่นกได้ลองใช้เจ้าเคล็นซิ่งตัวนี้มาซักพักแล้ว รู้ถึงข้อดีข้อเสีย คราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะมารีวิวให้เพื่อนได้อ่านกันแล้วค่ะ Cleansing Water ตัวนี้มีการปรับปรุงจากตัวเดิมหลายอย่างมากๆ ซึ่งสูตรเดิมที่เคยใช้นกว่ายังต้ งเช็ดหลายรอบกว่าจะเกลี้ยง ซึ่งตัวใหม่นี้ก็ได้มีการปรับปรุงจนดีขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย คุณสมบัติเด่นๆเลยที่ถูกใจนกจนต้องซื้อมาลองใช้อีกครั้งก็คือ - มีการใช้น้ำแร่ธรรมชาติจาก Japan Alps มาเป็นส่วนผสม - อุดมด้วย Micelle เข้มข้น ซึ่งเจ้าตัวนี้แหละที่จะช่วยดักจับเมคอัพบนใบหน้าของเรา ทำให้เมคอัพต่างๆ หลุดออกได้ง่ายขึ้น - มีการการันตีความอ่อนโยนด้วยคุณสมบัติทั้ง 7 ประการ ไม่ใส่สี ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์อีกด้วย เท่าที่อ่านดูก็น่าจะอ่อนโยนพอสมควรเลย - สูตรนี้เน้นให้ความชุ่มชื้น เด้งดึ๋ง การทำความสะอาดเมคอัพต่างๆ - เวลาใช้ Cleansing Water นกจะเริ่มจากทำความสะอาดรอบดวงตาก่อนตลอดค่ะ เพราะ ดวงตาเรามักจะใช้สารพัดสิ่งที่กันน้ำทั้งมาสคาร่า อังอายไลเนอร์ ซึ่งเป็นอะไรที่ล้างออกยากมากๆอะ วิธีใช้ของนกคือ กด Cleansing Water ใส่สำลีให้ชุ่มๆ หน่อยแล้วเอาสำลีแปะไว้บนดวงตานับ 1-10 แล้วค่อยๆลูบออกด้านล่างตามแนวขนตา ประมาณสามครั้งก็หลุดออกหมด ส่วนอายไลเนอร์ที่ทาชิดขอบตามากๆ ให้ใช้ Cotton Bud จุ่ม Cleansing แล้วค่อยเช็ดตามซอกขนตาเพื่อเก็บรายละเอียดอีกที ดูว่าสะอาดหมดเกลี้ยงหรือยัง ***การที่แปะสำลีทิ้งไว้ก่อนบางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็นเช็ดออกเลยโดยไม่ต้องทิ้งไว้ก็ได้ แต่นกคิดว่าการที่แปะสำลีชุบ Cleansing ไว้ มันทำให้เครื่องสำอางหลุดออกง่ายกว่า จะได้ไม่ต้องเช็ดกันรอบดวงตากันหลายรอบเพราะผิวรอบดวงตาเป็นอะไรที่บอบบางมาก แถมยังเกิดริ้วรอยได้ง่ายอีกด้วย - ต่อมาก็มำความสะอาดลิปสติกตรงริมฝีปาก ซึ่งเดี๋ยวนี้ลิปสติกที่ออกมาขายมักแข่งกันเม็ดสีแน่น สีสวย ติดทนนาน กว่าจะล้างจนเกลี้ยงก็นานตามไปด้วย นกใช้สำลีเช็ดลิปสติกก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นฉีกยิ้มให้ริมฝีปากตึงๆ แล้วใช้ Cotton Bud เช็ดลงตามแนวตั้งเพราะตรงรอยย่นของปากมักจะมีลิปไปฝั่งแน่นอยู่ค่ะ - สุดท้ายค่อยเช็ดบริเวณอื่นบนใบหน้าให้ทั่ว - ข้างขวดบอกว่าไม่จำเป็นต้องล้างน้ำซ้ำ แต่นกก็ยังชินกับการการล้างน้ำและโฟมล้างซ้ำอีกรอบอยู่ดีค่ะ ^_^ สรุปผลการใช้ ^_^ บอกก่อนว่านกเป็นคนผิวผสมที่ผิวบริเวณ T - zone ค่อนข้างมันมากๆ จากที่ใช้ Biore Cleansing Water สูตร Soften Up พบว่าสามารถล้างทำความสะอาด Makeup ต่างๆ ได้ง่ายกว่ารุ่นเก่ามาก แค่เช็ดเบาๆ เมคอัพก็หลุดออกแล้ว แล้วเช็ดซ้ำอีกรอบเพื่อความชัวร์ว่าออกหมดแล้วจริงๆ ถ้าสำลีที่ใช้ไม่เปียกชุ่มจนเกินไปจะสังเกตได้อีกอย่างว่าต่อให้สำลีแผ่นนั้นเช็ดมาจนเลอะเทอะแค่ไหนก็ตามจะไม่มีสีของเมคอัพหลุดไปติดบนใบหน้าของเราอีกรอบซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นคุณสมบัติของเจ้า Micelle ที่จะดูดติดเมคอัพเอาไว้ หมดปัญหาที่ต้องเช็ดซ้ำแล้วซ้ำอีก ถือว่าเจ้า Cleansing Water ตัวนี้ทำได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะแต่งหน้าแน่นๆ เมคอัพกันน้ำขนาดไหนก็ล้างออกหมดจด หลังล้างเมคอัพออกผิวมีความชุ่มชื้นกำลังดี ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า แต่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงจนเกินไปค่ะ ใครทำผิวแห้งมากๆ ก็สามารถใช้ได้นะคะ หลายๆคนที่อ่านสรุปมาอาจจะเกิดความสงสัยกันว่าทำไมนกผิวค่อนข้างมันแต่เลือกใช้สูตรนี้แทนที่จะเลือกใช้สูตร Oil Clear ซึ่งน่าจะเหมาะกับผิวมันของนกมากกว่าต้องบอกว่านกได้ลองใช้สูตร Oil Clear แล้วเช่นกันค่ะ แต่ไม่ค่อยถูกใจนกเท่าไร เพราะ กำจัดความมันได้ดีมากจนนกรู้สึกว่าผิวแห้งตึงเกินไปและที่สำคัญคือ มีอาการระคายเคืองแสบคันบริเวณที่เป็นสิวผดตรงรอบปีกจมูกและใต้คาง แต่นกก็ยังไม่เข็ดนะไปลองซื้อขวดสีชมพูสูตร Soften Up มาลองอีกรอบ แต่คราวนี้กลับใช้ได้ดี ไม่มีอาการแสบคันแล้ว ผิวไม่แห้งตึงจนเกินไปด้วยการทำความสะอาดเมคอัพต่างๆ ก็หลุดออกง่ายดีพอๆกัน แต่อ่อนโยนกว่าใช้แล้วไม่แพ้ เลิศแบบนี้เอาไปห้าดาวเลยจ้า >>> รุ่นนี้มีสองขนาดให้เลือกซื้อ <<< ไซส์เล็ก ราคา 99 บาท หาซื้อได้ที่ 7-11 สะดวกพกพามาก ใครอยากลองใช้หรือแต่งหน้าไม่บ่อยซื้อขวดเล็กมาลองก่อนก็ได้ค่ะ ไซส์ใหญ่คุ้มกว่าราคา 390 บาท เป็นหัวปั๊มใช้งานสะดวก หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป

บิโอเรออกกันแดดตัวใหม่อีกแล้ว คราวนี้เป็นเซรั่มกันแดดสำหรับผิวกาย ปกติที่เคยใช้มาของบิโอเรส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับผิวหน้า หลายๆคนที่ได้ลองมาแล้วบอกว่าตัวนี้เลิศมากต่างกับตัวที่เคยใช้ดีกว่าเดิมในหลายๆด้าน หลังจากทราบว่ามีไซส์เล็กขายที่ 7-11 ด้วย สาวกบิโอเรอย่างเราไม่พลาดที่จะหามาลองใช้บ้าง พุ่งตัวไปเซเว่นเดี๋ยวนั้นเลย ไปสาขาแรกไม่มีนึกว่าจะอดซะแล้ว ในซอยมีอยู่ 3 สาขามันต้องมีซักที่แหละน่า เดินไปต่ออีกสาขา เฮ้ยยยยย!!! สาขานี้มีขายเย้!!! จะได้ลองแล้วจัดมาสิรอช้าอยู่ใย ไม่ลองเองไม่มีทางรู้ว่ามันจะดีจริงอย่างที่เค้าว่ากันมั้ย ตัวที่นกได้มาเป็นสูตร Intensive White เทคโนโลยีใหม่จากญี่ปุ่น! เสมือนเกราะปกป้องผิวทั้งจากรังสี UV และมลภาวะ พร้อมบำรุงให้ผิวดูกระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน ใช้ได้เป็นประจำทุกวัน หู้ยยยยยคำเคลมจากทางแบรนด์เลิศมาก มาดูรีวิวพร้อมการทดสอบจากนกไปด้วยกันเลยค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เนื้อผลิตภัณฑ์ : ตอนแรกที่เห็นในรูปจากโฆษณาเนื้อผลิตภัณฑ์สีขาว คิดในใจว่ามันต้องข้นๆ หนืดๆ ทายากแบบกันแดดทาตัวที่เคยใช้มาแน่ๆ แต่พอได้ลองใช้จริงบอกเลยว่าต่างจากที่คิดไว้มาก ถึงจะดูเหมือนเนื้อข้นแต่จริงๆแล้วไม่ข้นเลยสมกับที่เป็นเนื้อเซรั่ม เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แม้แต่ตอนที่เหงื่อออกแขนชื้นก็แทบจะไม่มีความเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาวๆ เป็นปื้นๆ บนผิว ทาแล้วผิวจะเย็นๆ สดชื่นดี อันนี้น่าจะเป็นเพราะมีแอลกฮอล์ผสมอยู่แต่ข้อดีของมันคือทาแล้วเย็นสบายผิวและยังช่วยให้ครีมกันแดดแห้งเร็วด้วย เมื่อเทียบกับยี่ห้อ X ที่นกเคยใช้ อันนั้นจะเนื้อข้นกว่าแห้งช้ากว่าและทิ้งความแหนะหนะไว้บนผิว ดังนั้นเรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์บิโอเรชนะไป ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ กลิ่น : มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แนวสดชื่นแบบธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสบายๆ ต่างกับกลุ่มกันแดดผิวหน้าที่เคยใช้ของบิโอเรซึ่งส่วนใหญ่จะออกแนวส้มมะนาว แต่ยี่ห้อเดิมที่นกใช้อยู่ไม่ใส่น้ำหอมเรียกได้ว่าแทบไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ยี่ห้อเดิมดีกว่าอย่างเดียวตรงไม่มีน้ำหอมเนี่ยแหละ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความมันบนผิว : ครีมกันแดดส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องความมัน ใช้แล้วทำให้ผิวมันง่าย ทิ้งความมันไว้บนผิว บางยี่ห้อมันเยิ้มตั้งแต่พึ่งทาเสร็จกันเลยทีเดียว ปัจจัยเรื่องความมันจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ครีมกันแดดของนกเพราะ ถ้าทาแล้วพอเหงื่อออกนิดหน่อยก็เหนอะหนะมันจะทำให้เราไม่อยากทา แต่ถ้าไม่ทาก็ไม่ได้อีกเหมือนกันแดดบ้านเราแรงมาก จากการทดสอบเมื่อทาครีมกันแดดที่นกเคยใช้เทียบกับบิโอเร โดยทาทิ้งไว้ 30 นาทีเท่ากัน แล้วทดสอบความมันบนผิวโดยเอากระดาษซับมันมาซับ พบว่ายี่ห้อเก่าที่นกใช้มีความมันมากกว่าค่อนข้างเยอะ ส่วนบิโอเรนี่แทบจะไม่ทิ้งความมันบนผิวเลย ไม่เยิ้ม ไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ แจ่มว๊าวววว ถูกใจสุดๆ LOVE LOVE ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประสิทธิภาพการกันแดดและมลภาวะ Anti - Pollution Shield : กันแดดตัวนี้เค้าจะชูจุดเด่นอีกอย่างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะพวกฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่สัมผัสกับผิวเราในชีวิตประจำวัน ทำให้ผิวไม่แห้งเสีย ช่วยคงความแข็งแรงให้กับชั้นผิว นกเลยทดสอบโดนการใช้ Bronzer ปาดลงไปบนผิวแทนสิ่งสกปรกฝุ่น ควันยี่ห้อละสองที จะเห็นว่ายี่ห้อ X ที่ไม่มีประสิทธิภาพเรื่องปกป้องผิวจากมลภาวะ จะมีสีฝุ่นจาก Bronzer เกาะติดมากกว่า ทั้งที่นกขี้โกงแอบปาดไปบนแขนตรงที่ทาบีโอเรสี่รอบแหน่ะฝุ่นยังเกาะน้อยกว่าเลย ดังนั้นเรื่องการปกป้องผิวจากมลภาวะถือว่ามีประสิทธิภาพในการใช้จริงเหมือนมีเกราะปกป้องผิวทำให้ผิวของเราลดการสัมผัสกับฝุ่นควันต่างๆ เวลาเจอฝุ่นควันพวกนี้จะไม่เกาะติดแน่นกับผิวของเรา ส่วนเรื่องการกันแดดตัวนี้เราอาจจะไม่สามารถทดสอบเองได้ว่ามีค่ากันแดดได้ถึง SPF50+ PA+++ จริงหรือไม่ ส่วนนี้จะทำได้ใน Lab เท่านั้น แต่โดยปกติประสิทธิภาพของครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องสูงถึง SPF50+ SPF+++ จะช่วยปกป้องผิวเราได้จากทั้งรังสี UVA1, UVA2 และ UVB ได้แน่ เท่าที่สัมผัสได้จากการนำไปใช้พบว่าถึงแม้จะเดินตากแดดที่ตลอดนัดมาทั้งวันหรือแม้แต่ทริปไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยา สีผิวที่แขนเมื่อเทียบกับบริเวณที่มีแขนเสื้อปกปิดอยู่ พบว่าสีผิวยังสม่ำเสมอกันดีอยู่ แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยการทาครีมกันแดดบีโอเรก็ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ การกันน้ำ : จากรูปที่นกทดสอบการกันน้ำเมื่อเทียบกับยี่ห้อ X ที่ไม่มีประสิทธิภาพเรื่องการกันน้ำ จะเห็นว่าน้ำละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับครีมกันแดด แต่ของบิโอเรเราจะเห็นเป็นหยดน้ำกลิ้งๆ อยู่บนผิวแสดงว่าครีมกันแดดบิโอเรมีประสิทธิภาพในการกันน้ำกันเหงื่อได้ แต่จากการใช้งานจริงถ้าเหงื่อออกเยอะๆ เรื่องการกันน้ำกันเหงื่อก็เอาไม่ค่อยอยู่เท่าไรค่ะ นกใช้วิธีเช็ดแขนให้แห้งแล้วทาซ้ำเอา หรือถ้ามีที่ล้างก็ล้างแขนให้สะอาดแล้วค่อยทาใหม่ ที่ขาไม่ค่อยมีปัญหาเพราะส่วนใหญ่จะใส่ขายาวตลอดค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ผิวดูกระจ่างใส : อันนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าใช้ไปนานแล้วผิวจะขาวใสขึ้นจริงหรือไม่ แต่เท่าที่ใช้มันเหมือนเป็นเบสได้ในตัวคือช่วยให้ผิวดูขาวขึ้นได้ จากตัวส่วนผสมของ Titanium Dioxide ที่เป็นสารป้องกันแสงแดดตัวนี้จะให้สีขาวเวลาทาเลยช่วยให้ผิวดูขาวขึ้นไปด้วยเลย ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปริมาณและราคา : บีโอเรตัวนี้จะมีสองขนาดไซส์ปกติขนาด 250 ml ราคา 290 บาท หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ขนาดเล็ก 50 ml ราคา 129 บาท หาซื้อได้ที่ 7-11 ไซส์ปกติคุ้มกว่าเห็นๆ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความรู้สึกหรือผลลัพธ์หลังใช้ : เลิศขนาดนี้ไม่รักได้ไง ยกให้เป็นครีมกันแดดสำหรับผิวกายลูกรักตัวใหม่เลยค่ะ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว ไม่มัน ไม่เหนอะหนะ ทาแล้วไม่เยิ้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์เลย กันน้ำกันเหงื่อได้ดีในระดับนึง มีค่าการกันแดดสูงเพียงพอสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันปกติ ถ้าหากวันไหนออกแดดเยอะก็ทาเพิ่มระหว่างวันเอาได้ นอกจากจะช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของเราจากแสงแดดและยังมีส่วนผสมของน้ำแร่ธรรมชาติที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวของเราด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกความต้องการ แก้ไขปัญหาของครีมกันแดดที่เคยใช้เรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้ตรงใจเรามาก ที่สำคัญคือ ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพที่ได้ ถ้าให้คะแนนเต็ม 5 เอาไป 4.5 เลย หักค่ามีแอลกอฮอล์กับมีน้ำหอม เพราะคนที่ผิวแพ้ง่ายอาจจะใช้ไม่ได้ ใครที่แพ้สองตัวนี้ควรทดสอบก่อนการใช้จริงด้วยนะคะ สุดท้ายอยากบอกว่า UV Anti-Pollution Body Care Serum Intensive White SPF50+ PA+++ คุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายค่ะ

เอาไว้ใช้วันที่เร่งรีบหรือขี้เกียจสระค่ะ ยิ่งหน้าหนาวนี่ใช้บ่อยมาก กลิ่นหอมดี เวลาฉีดออกมามันจะเป็นแป้งๆ ต้องเอามือสางๆขยี้ๆหน่อยค่ะ จะรู้สึกสบายหัวขึ้นมีกลิ่นหอมเอาไว้ใช้แค่ตอนจำเป็นพอ สระผมจริงๆดีกว่าค่ะ

cushion ของลาเนจเป็นยี่ห้อแรกที่เคยใช้เลย แต่อันนั้นค่อนข้างทันสำหรับเราไปค่ะ แต่ตัวนี้โอเคกว่ากลางวันหน้ามันน้อยลง ปกปิดพอสมควรให้ลุคฉ่ำวาว

สีนี้เป็นอีกสียอดนิยมเลยค่ะ ดังมากสีนี้จนต้องไปหามาจับจองบ้าง แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย สีนี้ปัดออกมาสีสวยมาก ปัดได้ทุกงานทุกโอกาส ถือว่าเป็นสีลูกรักเลย

เอาไว้เหลาพวกอายไลเนอร์หรือดินสอเขียนคิ้วค่ะ เหลาง่าย ไม่ทำให้ใส้หัก อันเล็กไปนิดจับไม่ค่อยถนัดค่ะ แต่หาซื้อง่ายราคาไม่แพง

สีสวยเขียนง่ายติดทนดี มีสามสีในตลับเดียวใช้ไล่เฉดสีให้ดูมีมิติขึ้นได้ แปรงที่มีมาในกล่องใช้ไม่ดีเท่าไร

เราชอบกันแดดตัวนี้มากเลย เนื้อบางเบามากๆ เกลี่ยง่าย แห้งเร็ว ไม่เป็นคราบ เวลาทาจะเย็นนิดๆ กับกลิ่นหอมเลมอนอ่อนช่วยให้สดชื่นขึ้น ทาทับเมคอัพได้ทำให้ทาซ้ำระหว่างวันได้สะดวกขึ้น แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ค่อนข้างแรงด้วยเหมือนกันเลยต้องใช้กลิ่นเลมอนมากลบอะ

ใช้ทาเป็นประจำหลังอาบน้ำก่อนเช็ดตัว ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น หรือเอามาหมักผมก่อนสระก็ได้ค่ะ ผมจะนุ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ส่วนใหญ่เราใช้สีชมพูมากกว่าเพราะไม่ต่างกันเท่าไรค่ะ

ตัวนี้สารพัดประโยชน์มากๆเลยค่ะ เราใช้ทาเวลาปากแห้ง ทาตามข้อศอกตาตุ่มตรงที่ด้านๆ ช่วยได้เยอะค่ะ แต่ทาแล้วต้องระวังมันเลอะที่นอนค่ะ

ให้ความชุ่มชื้นพอประมาณ อ่อนโยน ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึมซาบเร็วไม่เหนอะหนะ

ชอบตรงที่มีสีสันหลากหลาย ที่สำคัญมีหลายสีที่คล้ายในเคาเตอร์แบรนด์เลยค่ะ และราคาถูกกว่ามากคุณภาพโอเคเลย