มีโอกาสได้ลองใช้ครีมกันแดดทั้งหมด 13 วัน หลังจากลองใช้แล้ว เดี๋ยววันนี้มารีวิวให้ฟังค่ะ สิ่งที่เราตื่นเต้นกับครีมกันแดดตัวนี้คือ แบรนด์เคลมว่าเค้ามีเทคโนโลยีใหม่คือ BI-GEL ที่ช่วยให้ครีมกันแดดไม่หนัก สบายผิว และเทคโนโลยี HydroWHITE Technology+ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้สดใส และเหมาะกับทุกสภาพผิว อันนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก อีกหนึ่งเรื่อง surprise คือ ก่อนที่จะเริ่มใช้ เวลาที่หมุนหลอดออกมา แบรนด์มีการปิดซีลจุกไว้ ทำให้รู้สึกว่าครีมกันแดดใหม่และสะอาดจริงๆ ดูน่าใช้มาก เก๋มากค่ะในจุดนี้ เมื่อบีบเนื้อครีมออกมา ครีมเป็นลักษณะสีขาว set ตัวระดับนึง เนื้อไม่หนักมากแต่ก็ไม่เหลวเป็นน้ำ มีกลิ่นหอมเบาๆ อ่อนๆ เมื่อลูบลงบนผิว ตัวครีมไม่ได้ลื่นขนาดนั้น ค่อย ๆ ทาจนเนื้อครีมซึมลงบนผิวหมด ถือว่าซึมได้ไวพอสมควรเพราะตามปกติ ถ้าเนื้อครีมลักษณะแบบนี้จะซึมยาก แต่ตัวนี้ก็ถือว่าซึมเร็ว หลังจากทาเสร็จ ครีมไม่ได้ช่วย tone up สีผิวซึ่งเราชอบ เนื้อครีมไม่ได้ทำให้หน้าวอกหรือหน้าลอย ทิ้งไว้ให้ครีมซึมหมด จะได้ความรู้สึกชุ่มชื่น แต่ไม่มันวาว ระหว่างวัน ครีมเกาะผิวได้ดีค่ะ เรามองว่าสามารถเติมระหว่างวันได้ แต่ก็ต้องซับความมันออกให้หมด และใช้การเติมในลักษณะของการวอร์มครีมแล้วค่อย ๆ ตบเอาให้เนื้อครีมค่อย ๆ ซึมลงผิว หลังจากทาทิ้งไว้สักพัก ตามด้วยแป้งและแต่งหน้าต่อได้ หน้าไม่มัน แต่ยังคงความชุ่มชื่นและไม่หนักหน้าค่ะ ถือว่าสบายผิวอยู่ สิ่งที่ชอบ - เนื้อครีมสีขาวดูเหมือนจะหนัก แต่จริง ๆ พอลงบนผิวแล้วเกลี่ยง่าย ไม่หนักผิวเลย - ถึงจะมีกลิ่นอ่อน ๆ แต่เราคิดว่าค่อนข้างอ่อนโยน และน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว ทั้งคนเป็นสิว ผิวมัน ผิวแห้ง น่าจะใช้ได้หมด และเป็นกลิ่นหอมที่น่าใช้ ไม่เหมือนพวกครีมกันแดดที่มีกลิ่นกันแดดแรงๆ - ทาแล้วหน้าไม่วอก ไม่ลอย ไม่ใช่แบบ tone up สีผิว ทำให้สีผิวไม่เปลี่ยน ไม่เพี๊ยน - เกาะผิวดี - ค่ากันแดดสูง แต่ยังเกลี่ยง่าย ไม่หนักหน้า สิ่งที่ไม่ชอบ - เรามองว่าราคาแรงไปหน่อย ถ้าเทียบกับปริมาณ ถึงแม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ครีมบางเบาเกลี่ยง่าย และทำให้ผิวกระจ่างใส แต่เรามองว่าราคาสูงไปหากจะซื้อซ้ำอาจจะต้องคิดดี ๆ โดยรวมชอบค่ะ ให้ 4/5 ดาวนะ

เราชอบกลิ่นมากกกก เอาไป 10/10 ไม่หัก กลิ่นหอม สดชื่นมาก ๆ เนื้อโลชั่นไม่เหลวเกินไป ไม่หนักเกินไป ทาลงผิวลูบๆ แล้วก็ซึมลงผิวได้ดี ให้ความชุ่มชื่นในระดับนึง ทาตอนหน้าร้อนได้ ไม่เหนียวเหนอะหนะมาก แต่ถ้าคนผิวแห้งมาก ๆ อาจจะเอาไม่อยู่ และถ้าอากาศหนาวมากก็เอาไม่อยู่ อาจจะต้องทาซ้ำ

ซื้อมาใช้เองจากนิวซีแลนด์ตั้งแต่แบรนด์นี้ยังไม่เข้าไทย ตอนนั้นตีเป็นเงินไทยประมาณ 800 บาทถ้าจำไม่ผิด เป็น oil บำรุงหน้าแบรนด์แรกที่เริ่มใช้ เนื้อ oil มีกลิ่นเอกเอกลักษณ์ สีน้ำตาล เมื่อทาลงบนผิว ลูบไล้ให้ซึม แล้วค่อยตามด้วยครีมบำรุง หรือจะผสมกับครีมบำรุงผิวที่ใช้อยู่ก็ได้แล้วค่อยทารอบเดียว ช่วงหน้าหนาวเอาอยู่สุดๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นได้ดี แต่เรื่องช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยมั้ย เราไม่ค่อยรู้สึกเพราะก็ไม่ไ้ด้ถ่ายรูปเอาไว้เปรียบเทียบชัดเจน แต่เป็น oil ทาหน้าที่มีส่วนผสมๆ ดีๆ ต่อผิวเยอะ และไม่อุดตันรูขุมขน โดยรวมก็ถือว่าดีค่ะ

เราใช้สูตรนี้ และอีกสูตรคือสูตรกลิ่นน้ำนม เราชอบกลิ่นนั้นมาก แต่อันนี้ก็หอม เนื้อเกลือเม็ดใหญ่นะ ค่อนข้างบาดผิว ห้ามถูแรงๆ ไม่งั้นจะแสบผิวได้ ราคาถูก หาซื้อง่าย และเพราะเม็ดเกลือใหญ่จะขัดผิวได้ดี หลังจากขัดเสร็จ ถูสบู่ตามอีกครั้ง จะสัมผัสถึงผิวที่เรียบลื่น ดีมากๆ เลยค่ะ เราทำ 2 อาทิตย์/1 ครั้ง โอเคเลย

เราซื้อตอนที่มีโปร 1 แถม 1 และซื้อแบบซองมาเติมค่ะ Benice เด่นเรื่องกลิ่นหอมนะ ส่วนมากจะออก Fruity ซึ่งหอมทุกกลิ่นที่แบรนด์ทำออกมาค่ะ ครีมอาบน้ำตัวนี้หอมมาก ฟองเยอะ และฟองเน้น เราชอบฟองของ Benice มาก และล้างออกง่าย แต่ผิวก็จะแห้งหน่อยหลังอาบน้ำ ต้องรีบตามด้วยโลชั่นค่ะ

เราซื้อตาม Blogger คุณสายป่านค่ะ เลือกใช้เพราะเห็นว่าเป็นแป้ง Translucent ผลลัพท์ดีสมคำร่ำลือ เนื้อแป้งละเอียดมาก สีจะขาวขุ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เราชอบกลิ่นมาก ๆ ค่ะ เนื้อแป้งละเอียดมาก เรียบลื่น ทาไปแล้วสบายผิวมาก แต่ถ้าเป็นคนผิวสีคล้ำก็อาจจะหน้าลอยนิดหน่อย(ในช่วงแรก) ถ้าระยะเวลาผ่านไปแป้งจะค่อยๆ กลืนเข้ากับผิวค่ะ ใช้ได้กับทุกสภาพสีผิวเลย เรื่องคุมมันถือว่าทำได้ดีค่ะ ทาแล้วหน้าจะผ่องแบบไม่โบ๊ะ ชอบมากๆ ไม่อยากให้เลิกผลิตสูตรนี้นะ เพราะเราก็ใช้ประจำ ราคาก็สบายกระเป๋าด้วย ดีมากเลยค่ะ

ได้มาจากกิจกรรม Redeem ค่ะ เราเลือกแลกแบบเป็นซองมา เนื้อเป็นครึ่มกึงเจลสีขาวขุ่น บางเบาค่ะ พอทาไปสักพักก็ซึมลงผิว แต่ยังให้ความชุ่มชื่นอยู่ เราพกไปทาที่เมืองนอก อากาศหนาว ๆ เอาอยู่ค่ะ ครีมมีความอ่อนโยน แต่เนื่องจากเราใช้แค่ 1 ซอง เลยยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคค่ะ ให้ความชุ่มชื่นและอ่อนโยนดี เหมาะกับทุกสภาพผิว

รีวิวครั้งแรก วันที่ 29 กันยายน 2563 ได้จากกิจกรรม Cosmenet รีวิว Mentholatum Acnes Sealing Jell เจลแต้มสิว ต้องขอบอกก่อนว่านานๆจะเจอเจลแต้มสิวที่ถูกใจสักที และนี่กลายเป็นหนึ่งในเจลแต้มสิวในดวงใจเลยค่ะ แบรนด์นี้เป็นของญี่ปุ่น มีชื่อเสียงพวกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาสิวมานานแล้ว วันนี้ได้มีโอกาสลองใช้เจลแต้มสิวดู ลองใช้ทั้งหมดเป็นเวลา 15 วัน เป็นไงบ้างมาดูกัน เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อเจลสีเหลือง ถ้ามองดูดีๆเหมือนจะมีอะไรเล็กๆอยู่ในนั้น ได้กลิ่นสมุนไพรนิดๆ ไม่เหม็นแต่ก็ไม่หอม เนื้อเจลบางเบา เกลี่ยง่าย การใช้ : เราใช้แต้มทั้งสิวอักเสบ และสิวอุดตันเลย บางทีแต้มเฉพาะจุด บางก็ทาบางๆเป็นวงกว้างๆ เจลค่อนข้างอ่อนโยน ซึมง่าย ไม่เหนียมเหนอะหนะ ไม่แพ้ และไม่กัดผิว ใช้ทาทุกวันผิวไม่เสียเลย ต่างจากเจลแต้มสิวยี่ห้ออื่นที่ถ้าใช้ซ้ำๆผิวจะแห้งลอกเป็นขุย ผลลัพธ์ : - สำหรับสิวอักเสบ เราเห็นผลเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น สิวยุบลงเห็นได้ชัด ใช้มือกดๆจะไม่เจ็บเหมือนตอนแรกๆ ใช้ไปประมาณ 3 วันสิวยุบหมด - สิวอักเสบมีหนองสีขาว ทาแค่ 1 วันสิวเริ่มแห้งและมีขนาดเล็กลองค่ะ ประมาณวันที่ 2-3 เราก็แกะสิวออกแล้ว ตอสิวที่อยู่ข้างในหลุดออกมาด้วย - สิวอุดตัน ..ยังไม่เห็นผลเท่าไหร่ ยังมีสิวอุดตันอยู่ใต้ผิว แต่เราคิดว่ามันช่วยดันๆสิวอุดตันให้ขึ้นมาเล็กน้อย และถ้าพยายามกดสิวออก เหมือนมันจะช่วยให้กดสิวได้ง่ายขึ้น - สำหรับเราไม่ได้รู้สึกว่าช่วยลดรอบแดง รอยดำอะไรเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว เพราะคาดหวังเรื่องของการรักษาสิวมากกว่า สิ่งที่ชอบ : - อ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่กัดผิว - ทาได้ทั้งก่อนแต่หน้า และหลังจากแต่งหน้า - เห็นผลจริงค่ะ ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นที่เคยใช้มา 1-2 วันก็เห็นผลแล้ว อาการสิวดีขึ้น - ราคาถูกมาก 139 บาทเทียบกับปริมาณ หลอดใหญ่ คุ้ม สิ่งที่ไม่ชอบ : ไม่มี สรุป เป็นเจลแต้มสิวที่ชอบที่สุดตั้งแต่ใช้มา เพราะเห็นผลจริง ช่วยให้สิวยุบจริง และอ่อนโยน ใช้ง่าย ทาตอนไหนก็ได้ ก่อนหรือหลัง make up ก็ได้ ราคาก็สบายกระเป๋า ทาเป็นวางกว้างทั่วๆผิวก็ได้ ------------------------------- รีวิวครั้งที่ 2 วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซื้อเองผ่านชองทางออนไลน์ Lazada จริง ๆ อยากกลับมารีวิวนานแล้ว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัด ๆตอนนี้เพิ่งมีโอกาสได้ถ่ายชัด ๆ ค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ซื้อซ้ำ เคยใช้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ก็กลับมาซื้ออีก อยากรีวิวซ้ำ เพราะถ่ายภาพความเปลี่ยนแปลงของสิวได้อย่างชัดเจน รูป Before ถ่ายเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 รูป After ถ่ายเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 จะเห็นว่า สิวอักเสบที่เราเป็น หนองยุบลงเองภายใน 3 วัน เรื่องสิวอุดตันไม่ค่อยช่วย แต่สิวอักเสบ - สิวหนอง เห็นผลค่อนข้างชัด (แต่แบรนด์เคลมว่าจัดการได้กับทุกสิว) ความรู้สึกที่ใช้ตอนนี้ กับเมื่อหลายปีก่อนนั้นไม่แตกต่างกัน ยังเป็นยารักษาสิวที่เห็นผลจริงในระยะเวลาอันสั้น และที่สำคัญไม่ทำลายเนื้อผิวปริเวณรอบๆ ผิวไม่แห้ง ไม่กัดผิว มาในหลอดใหญ่ ราคาประหยัด ยังคงชอบเหมือนเดิม ใช้จนหมดทุกครั้ง บีบจนหลอดบี้เลยค่ะ :)

ต้องบอกก่อนว่า ปกติ เราเป็นคนผมร่วง และหนังศรีษะบอบบางมาก แชมพูทุกวันนี้ที่ใช้อยู่จะเป็นแชมพูสมุนไพรเท่านั้น และต้องไม่มีสารอันตราย พวกกลูเตน พาราเบน น้ำหอมอะไรด้วย ต้องเป็นธรรมชาติเท่านั้น และเราไม่กล้าใช้แชมพูอื่น ๆ ตามท้องตลาดเลย เพราะกลัวผมจะร่วงหนัก ข้อเสียของแชมพูที่สมุนไพรจ๋า ๆ แบบนี้คือ ผมจะแห้งไม่ค่อยชุ่มชื่น เราได้รับแชมพูจากกิจกรรม cosmenet มา ก็ทำใจทดลองใช้อยู่เหมือนกัน เพราะต้องลุ้นว่า มันจะแรงไปกับหนังศรีษะมั้ย จะทำให้ผมร่วงมั้ย เนื้อแชมพูเป็นสีขาวขุ่น ถ้าพิจารณาดูดี ๆ จะเป็นขาวมุก มีประกายเล็ก ๆ อยู่ในเนื้อแชมพู เมื่อโดนน้ำจะให้ฟองทันที ฟองเยอะพอสมควร ใช้แค่ปั๊มเดียวคือจบ สามารถสระได้ทั่วหัว ฟองของเค้าจะเป็นฟองโปร่ง ๆ บาง ๆ ไม่หนัก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลลัพทธ์หลังใช้ จะบอกว่า ตอนแรก เอ๊ะ กลิ่นอะไร ?? อ๋ออออ กลิ่นเค้าจะหอมอ่อน ๆ ติดผมจ้า surprise มาก มันไม่ได้หอมแบบคนเดินตามต้องเหลียวหลังนะ มันหอมเบา ๆ เจ้าของผมจะรู้สึกได้คนเดียว หลังจากไดร์เรียบร้อย ผมนุ่ม ไม่แห้งสากเหมือนใช้พวกแชมพูสมุนไพรจ๋า ๆ ลื่น เรียบ และที่สำคัญคือ ผมไม่ร่วง (ขอนิยามคำว่าผมร่วงของเราก่อน คือถ้าร่วม มันจะร่วงมาก ๆ ตอนขณะสระผม ไหลลงท่อเยอะมาก และตอนที่ไดร์ผมหรือหวีผม ผมก็จะร่วมพต็มพื้น) พอใช้แชมพู Promise คือไม่ร่วงเลย อารมรณ์เหมือนเราใช้แชมพูสมุนไพรสูตรลดผมร่วง ดีมาก surprise มาก !!! ต้องบอกว่า ถึงแม่แชมพู promise สูตรนี้จะไม่ใช่แชมพูสมุนไพรจ๋า ๆ ยังคงมีน้ำหอม และสารให้ฟองอยู่ แต่มันอ่อนโยนมาก ไม่ต่างจากพวกแชมพูสมุนไพรกลั่น หรือสมุนไพรไทย สมุนไพรจีน อะไรพวกนั้นเลย นี่เป็นจุดที่เราทึ่งมาก หลังจากใช้ต่อเนื่อง 17 วัน ผมไม่ร่วง (และไม่ขาดระหว่างกลาง) หวีง่าย เรียบลื่น ชุ่มชื่นกว่าเดิมเยอะ ทั้ง ๆ ที่เราใช้แต่แชมพู ไม่ได้ใช้ครีมนวดเลย เราคิดว่าเป็นเพราะสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติ 5 ชนิด ซึ่งแต่ละตัวค่อนข้างพรีเมี่ยม เน้นให้เรื่องของผมแข็งแรง นุ่มลื่น มีน้ำหนัก มีชีวิตชีวา แถมที่สำคัญยังมีนาโนเคราติน ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผม 100-200 เท่า ซึ่งจะตรงเข้าบำรุงเส้นผมและปลดปล่อยเคราตินได้อย่างต่อเนื่องช่วยให้บำรุงได้ล้ำลึกถึงแกนเส้นผมให้นุ่มสวยเป็นธรรมชาติ ฟื้นฟูไฟเบอร์ในเส้นผมเมื่อเจอมลภาวะจากความร้อน ความแห้งในอากาศ ซึ่งตรงนี้เราว่ามันเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับแชมพูหนึ่งตัว เหมาะสำหรับสภาพอากาศบ้านเราตอนนี้ดีจริงๆ สรุป เป็นแชมพูที่อ่อนโยนมาก ถึงแม้จะมีกลิ่นหอม แต่ภาพรวมคืออ่อนโยนต่อหนังศรีษะสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนหนังศรีษะอ่อนแอ และผมร่วงง่าย แต่สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายทุกวัน สระแล้วสบายหัว ผมลื่น ไม่แห้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ครีมนวด กลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยให้ผมแข็งแรงและมีชีวิตชีวาถ้าใช้อย่างต่อเนื่อง ชอบมากค่ะ ถ้าหมดจะซื้อใช้ต่อ ดีใจที่มีโอกาสได้ลอง เพราะเราก็เบื่อที่จะต้องใช้แชมพูลดผมร่วงแบบสมุนไพรจ๋า ๆ แล้ว เพราะแบบนั้นต่อให้ช่วยลดผมร่วงได้จริง แจ่ผมแห้งมากค่ะ ... แชมพู Promise ราคาไม่แพง คุณภาพดี ให้ 5/5 เลย

ได้รับครีมกันแดด NIVEA SUN Derma UV Specialist Invisible Daily Fluid SPF50+ PA++++ มาลองใช้ จริงๆ เพิ่งรู้ว่าครีมกันแดดตัวนี้เป็นเวชสำอางค์นะ ทางแบรนด์เค้าเคลมมาดีมาก เราตื่นเต้นมากที่มีโอกาสได้ลองใช้ เราลองใช้มาเกือบ 2 อาทิตย์ ขอรีวิวครีมกันแดดตัวนี้ตามนี้ค่ะ ครีมกันแดดตัวนี้เป็นเนื้อน้ำ ต้องเขย่าขวดก่อนใช้ เนื้อครีมมีความเหลง สีออกเหลือง ๆ ครีม ๆ ไม่ใช้สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อทางลงบนผิว ลูบ ๆ สักพัก เนื้อครีมจะซึมลงบนผิว แล้วกลืนหายไปกับผิว ทาแล้วหน้าไม่วอก ไม่ลอย ไม่เทา สีผิวใครยังไงก็อย่างงั้นเลย ไม่ช่วยในการ tone up สีผิว ครีมซึมลงผิวค่อนข้างง่าย เมื่อซึมลงหมด จะมีความชุ่มชื่นที่ผิวค่อนข้างมาก เนื้อครีมบางเบานะ ไม่หนักผิวเลย แต่อาจจะรู้สึกชุ่มชื่นจนรู้สึกเหนียเหนอะผิวนิดหน่อย ต้องทาแป้งตามไม่งั้นจะรู้สึกเหนียวผิว ถามว่าเราชอบมั้ย เราชอบครีมกันแดดตัวนี้มากกกก ในเรื่องของสารสกัดต่าง ๆ ที่ใส่มา ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์กันแดดรุ่นใหม่ครอบคลุมรังสีทุกช่วงแสง ทำให้มีคุณสมบัติในการกันแดดค่อนข้างสูง, Niacinamide + Licolchacone A + วิตามิน E บูสท์เกราะผิวให้แข็งแรง ซึ่งตามปกติ ครีมที่ช่วยเสริมปราการผิวให้แข็งแรงจะเจออยู่ในครีมบำรุงผิวพวก moisturizer แต่ตัวนี้ผสมอยู่ในครีมกันแดดเลย คือดีมาก, การเซ๊ทครีมกันแดดแบบล่องหน ไม่กวนเมคอัพ เป็นต้น พอได้ใช้จริง เรารู้สึกว่า มันเหมาะกับทุกสีผิวจริง ๆ เพราะมันกลืนหายไปกันผิวเลย ดังนั้น คนผิวสีเข้มก็สามารถใช้ได้เพราะมันไม่ทำให้หน้าวอก สิ่งที่เราชอบ 1. ค่ากันแดดสูง และกันรังสีได้ทุกช่วงแสง ประสิทธิภาพในการกันแดดสูงมาก 2. เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า 3. มีสารสกัดที่เสริมความแข็งแรงให้ผิว 4. เนื้อครีมไม่ใช่สีขาว ทาแล้วหน้าไม่ลอย ไม่เปลี่ยนสีผิว 5. กลิ่นหอมอ่อนๆ สิ่งที่เราไม่ชอบ 1. เรารู้สึกว่ามันเหนียวไปหน่อย หรืออาจจะเพราะมันชุ่มชื่นมากอันนี้เราไม่แน่ใจ ชุ่มชื่นจนรู้สึกเป็นความเหนียวรึเปล่านะ ดังนั้นเราว่าน่าจะเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่า (เราเป็นคนผิวมัน) สรุป โดยรวมเราชอบนะ ชอบมาก ขอหักเรื่องเดียวคืออาจจะรู้สึกเหนอะหนะไปหน่อย ต้องทาแป้งตาม ไม่งั้นจะรู้สึกว่าเหนียว แต่โดนรวมชอบมาก ๆ ค่ะ ให้ 4/5 คะแนน

เรามีโอกาสได้ลองใช้ Eucerin Pro Acne Solution SOS Serum โดยเริ่มจากวันที่ 16 มีนาคม จนถึงวันนี้ 29 มีนาคม ครบ 14 วันพอดี เราใช้จนหมด ตัดหลอดไปเลยจ้า ผลการใช้เป็นยังไงไปอ่านพร้อมกันเล้ยยย ต้องบอกก่อนว่า พื้นฐานเราเป็นคนผิวมัน รู้ขุมขนกว้าง มีสิวอุดตันและสิวอักเสบขึ้นเสมอ รักษาหายแล้วแต่สักพักสิวก็จะขึ้นมาอีก แบบวงจรซ้ำซากแบบนี้ตลอด น่าเบื่อมากค่ะ พอได้ลองใช้เซรั่ม บอกก่อนเลยว่า น้องเค้ามีเป็นเนื้อเซรั่มสีครีม ๆ มีความเหลวนิด ๆ แต่ไม่ถึงขั้นเหลวเป็นน้ำ มีกลิ่นนิด ๆ แต่เป็นกลิ่นที่เบามาก ๆ ไม่ใช่กลิ่นของน้ำหอม แต่เป็นลักษณะคล้าย ๆ ยา เมื่อทาลงบนหน้า ลูบแล้วซึมลงผิวเลย ซึมง่ายมาก และที่สำคัญไม่เหนียวเหนอะหนะ เราชอบมาก เราทาทั่วหน้าเลยค่ะ เพราะเราจะมีสิวอุดตันอยู่ทั่ว ๆ หน้า เวลาที่เอามือลูบลงบนหน้า จะรู้สึกได้ว่าหน้าไม่เรียบ ลูบแล้สวะดุด หน้าจะไม่ได้เรียบสนิท และช่วงนี้เรามีสิวอักเสบขึ้นมาบริเวณคางพอดี ทางแบรนด์เคลมว่า เซรั่มตัวนี้ช่วยให้สิวยุบภายใน 8 ชม. ซึ่งฟังดูว้าวมาก แต่เอาจริงๆ สำหรับเรา เราไม่ได้จับเวลาขนาดนั้นว่ามัน work ในระยะเวลา 8 ชม. มั้ย แต่ที่บอกได้แน่ ๆ เลยคือ วันถัดไป เจ้าสิวอักเสบที่อยู่ใต้คาง มันแห้งลงย่างชัดเจนเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทายาแต้มสิวตัวอื่นก็ยังไม่ยุบ แต่นี่แห้งและยุบลงไปเลย หลังจากนั้น 3-4 วัน เราก็ใช้มือสะกิดหัวสิวออก หายไปเลยค่ะสิวเม็ดนี้ ไม่ทิ้งรอบดำ หรือรอยแผลเป็นใด ๆ เยี่ยมมากๆ ทีนี้ ลองมาวิเคราะห์ส่วนผสมต่าง ๆ เทียบผลลัพทธ์กันเลยแล้วกัน 1. Licochalcone A + Panthenol สารลดอักเสบ X2 ลดการระคายเคือง ปลอบประโลมและฟื้นฟูผิวเป็นสิว ผลลัพท์หลังใช้จริง : สิวอักเสยยุบจริง และไม่มีสิวอักเสบขึ้นใหม่อีกเลย ตลอดระยะเวลาการใช้ ผิวหน้าไม่แสบ ไม่ระคายเคืองใดๆ 2. AHA, BHA & PHA ช่วยลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ ผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน และลดเรือนรอยสิว ผลลัพท์หลังใช้จริง : สิวอักเสบยุบจริง (สิวที่ขึ้นตรงคาง) ยุบอย่างรวดเร็ว เห็นผลประมาณแค่ 1 วันแรกที่ใช้ และค่อย ๆยุบจะสลายไปหมด เอาเล็บสะกิตหัวสิวก็ออก ไม่ทิ้งรอยสิวหรือแผลเป็นเลย ส่วนสิวอุดตัน ต้องใช้การกดสิว + บีบสิวเล็กน้อยช่วยด้วย แต่เมื่อกด สิวดันตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นก้อนไขมันแข็ง ๆ และบางส่วน สลายเป็นคล้าย ๆ ลักษณะของหนองสีขาวๆ 3. Decanediol ฆ่าเชื้อสิว C.acnes พร้อมลดการเกิดสิวซ้ำ ผลลัพท์หลังใช้จริง : ระหว่างการใช้ตลอด 14 วัน สิวใหม่ยังไม่ขึ้นเลยค่ะ 4. 2X Carnitine คุมความมันบนใบหน้าให้สมดุล ผลลัพท์หลังใช้จริง : ใบหน้ายังคงมีความมันอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะ T-zone และจมูก แต่ไม่ได้มันเยิ้ม สรุปผลลัพทธ์จากการใช้ 14 วัน : เรื่องการรักษาสิวเห็นผลจริง สิวอักเสบยุบตั้งแต่วันแรก ส่วนสิวอุดตัน (ที่เป็นลักษณะนูนขึ้นมาบนผิว) มีหลุดเองบาง ตอนที่ใช้ cleansing ล้างเครื่องสำอางเช็ด จะหลุดติดออกมาเลย และบางเม็ด ถ้าบีบสิวเบาๆ ร่วมด้วย จะทำให้สิวที่อุดตันดันหลุดง่ายขึ้นมากๆ สำหรับสิวอุดตันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง (ที่ไม่มีหัว) อันนี้ยังอยู่นะ จากรูปที่ถ่ายให้ดู เราจะมีสิวอุดตันใต้ผิวหนังที่ซ่อนอยู่บริเวณกระพุ้งแก้ม ซึ่งมองผิวเผินจะไม่เห็น แต่ถ้าทำแก้มป่องและส่องไฟจะเห็นว่ามีค่ะ ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และเซรั่มตัวนี้ยังแก้ปัญหาตรงนี้ได้ไม่ดีนักค่ะ เซรั่มตัวนี้ใช้ง่าย สามารถทำได้ทั้งหน้า ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และอ่อนโยนมากๆ เหมาะกับทุกสภาพผิว ใช้แล้วไม่ลอก ไม่กัด เพราะเค้าผลัดผิวอย่างอ่อนโยน เราคิดว่าถ้าใช้ต่อเนื่องน่าจะช่วยดันสิวอุดตันใต้ผิวหนังและลดสิวอุดตันได้มากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้เราใช้มา 14 วัน โดยภาพรวม เวลาเอามือลูบหน้าดู ผิวหน้าจะเนียนเรียบขึ้นเยอะ ไม่ค่อยสะดุดสิวแล้วค่ะ (ยกเว้นบริเวณกระพุ้งแก้มที่ถ้าทำแก้มป่อง ก็จะยังรู้สึกได้ว่ามีสิวอยู่) โดยรวมเราชอบมากค่ะ เป็นเซรั่มรักษาสิวที่ใช้ง่าย ไม่ต้องมาคอยแต้ม ๆ เป็นจุดๆ แค่ทา ๆ ลงไปเหมือนครีมบำรุงผิว ช่วยรักษาสิวได้ในวงกว้าง และป้องกันการเกิดสิวใหม่ในอนาคตอย่างเห็นผลได้จริงค่ะ เราให้ 4 ดาวนะ หัก 1 ดาวเนื่องจาก สิวอุดตันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณกระพุ้งแก้มของเรายังอยู่ค่ะ

ได้รับ Garnier Super UV Invisible Serum Sunscreen SPF50+ PA++++ จากกิจกรรม beauty tester ใช้ทุกวันจนถึงวันนี้ 10 วันค่ะ ความรู้สึกเป็นยังไงไปอ่านกัน ... ครีมกันแดดตัวนี้เป็นเนื้อเซรั่ม ก่อนใช้เราเขย่าให้เนื้อเข้ากันก่อน น้องมาในขนาด 30 ml. 349 บาท ซึ่งอยู่ในเรทกลางๆ ไม่แพงเกินไป ไม่ถูกเกินไป เนื้อเซรั่มจะเป็นสีขาว ไม่เหลวเกินไป ไม่หนืดเกินไป ให้อารมณ์ครีมกันแดดเนื้อเซรั่ม มีกลิ่นหอมค่อนข้างชัดเจน เป็นกลิ่นหอมของเลม่อน หรือกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรามักจะได้กลิ่นบ่อยๆ ตามผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ค่ะ ตอนทาลงบนผิว แล้วลูบ น้องซึมลงผิวไว มีความหนืดและเหนียวเล็กน้อย สักพักพอลูบจนซึมหมดก็จะกลืนหายไปกับผิว ไม่ทิ้งคราบขาวค่ะ แต่ส่วนตัวเรารู้สึกเค้ามีความเหนอะหนะในระดับนึงนะ ผิวไม่ได้แห้งสนิท แต่มีความเหนอะผิวอยู่ค่ะ ช่วงแรกๆ ที่ทาลงผิว เราแสบๆหน้าเล็กน้อย แต่ไม่มาก เป็นอย่างงี้ทุกครั้งที่ทา ไม่รู้ว่าแพ้ส่วนผสมตัวไหนรึเปล่า แต่ก็ไม่มีผิวแดงเห่อ หรือเป็นผื่นอะไรค่ะ หน้ายังปกติ มีแต่ความรู้สึกแสบผิวเท่านั้น ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ประมาณ 20 นาที ความรู้สึกแสบผิวก็จะหายไปค่ะ สิ่งที่ชอบ - กันแดดสูง SPF50+ PA++++ เหมาะกับแดดเมืองไทย - เนื้อบางเบา สมกับเป็นเนื้อเซรั่ม - ทาแล้วหน้าไม่วอก ซึ่งเราชอบข้อนี้มาก เราไม่ชอบครีมกันแดดที่ทาแล้วหน้าลอย (เทียบดูรูป before และ after ได้เลย สีผิวหลังทาของเราแทบไม่เปลี่ยน หน้าไม่วอกเลยค่ะ) - แลดูอ่อนโยนค่ะ เพราะ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน พาราเบน และออกซิเบนโซน เหมาะกับทุกสภาพผิว - แบรนด์เคลมว่าทาซ้ำระหว่างวันได้ ซึ่งดีมาก เราเติมระหว่างวันด้วยค่ะ เพราะแดดแรงมากจริงๆ สิ่งที่ไม่ชอบ - กลิ่นน้ำหอมแรงไปหน่อย ใส่น้ำหอมได้ แต่อยากให้กลิ่นเบากว่านี้ และจุดนี้อาจจะไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย - ถึงเนื้อจะบางเบาและซึมเร็ว แต่ค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายผิว สิ่งที่อยากให้เพิ่ม - อยากให้มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ สำหรับสาร แอนตี้ออกซิแดนท์ วิตามินซี ที่จะช่วยลดเลือนจุดดำ เพื่อผิวดูกระจ่างใสนั้น เรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไร อาจจะเพราะเพิ่งใช้ 10 วัน คงต้องใช้ต่อเนื่องไปมากกว่านี้ค่ะ