SHARE
itosky's profile picture
itosky
Preview
ความเป็นมา : จริง ๆ เรามีความสนใจผลิตภัณฑ์ Clinique ID มานานสักพักแล้วล่ะ เพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนพูดถึง แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีภาวะเครียด บวกกับได้นอนประมาณวันละ 3-5 ชั่วโมงเท่านั้น แถมยังต้องไป ๆ มา ๆ ต่างจังหวัด เวลาและอารมณ์บำรุงผิวแทบไม่มี สิวฮอร์โมนขึ้น ๆ ยุบ ๆ แล้วขึ้นใหม่วนไป ทาแต่สกินแคร์หรือยาที่ช่วยรักษาสิว หน้าก็จะเดี๋ยวแห้งเดี๋ยวมัน เป็นขุย แปลก ๆ หน่อย จนถึงจุดที่หน้าบอกไม่ไหวแล้วเธอออ จงกลับมาบำรุงรักษาฉันเดี๋ยวนี้! เราเลยพุ่งตัวไปรับ Clinique ID มาลองใช้ให้สมใจที่อยากลองมานานนนสภาพผิว : ก่อนทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จะเห็นได้ชัดว่าหน้าของคนที่ไม่บำรุงและไม่ได้นอนนั้นเป็นยังไง T.T ทั้งแห้งและเหี่ยวเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ รอยสิวทั้งเก่าและใหม่พาเหรดมาแสดงตัวตนกันอย่างชัดเจน ไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร คือเราก็งงเหมือนกันว่าควรใช้สูตรไหนดี เพราะเหมือนว่าเราจะต้องการทุกสูตรเลยนะคะ ><ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ : 1. เบสมอยส์เจอไรเซอร์แบบ Gel 3 ซอง + แบบ Jelly 1 ซอง รวมทั้งหมดเป็น 4 ซอง (ในรูปมีทั้งหมดแค่สามซองเพราะวันแรกตื่นเต้นมาก ใช้หมดแล้วเผลอทิ้งไปค่ะ 55)2. บูสเตอร์สีส้ม หรือ Fatigue สำหรับผิวเหนื่อยล้า ไม่สดใสวิธีการใช้ : ในช่วงทำการทดลอง เราจะลงน้ำตบหรือโลชั่นที่ช่วยเรื่องสิวก่อน แล้วตามด้วย Clinique ID สูตรสีส้ม ซึ่งเราจะใช้แค่ช่วงก่อนนอนวันละซองเป็นเวลาทั้งหมด 4 วัน เพราะอยากทดลองใช้แบบเต็มที่แต่ต่อเนื่องนานหน่อย แบบอยากจะใช้น้อย ๆ แต่ใช้นาน ๆ จะได้มั่นใจในผลลัพธ์ .. จริง ๆ ไม่ใช่อะไร เพราะว่านอนเช้า แล้วกว่าจะตื่นอีกทีก็เย็น ๆ เลย มีเวลาทาสกินแคร์ครั้งเดียว T.T ซึ่งถือว่าเราได้ Clinique ID สูตรที่เหมาะกับเรามากจริง ๆ ขอเรียกว่าสูตรนอนน้อยแล้วกันนะคะ 55กลิ่นและเนื้อสัมผัส : สำหรับเราถือว่าไม่มีกลิ่นอะไรนะคะ ซึ่งเราชอบแบบนี้และเหมาะกับสภาพผิวหน้าที่แพ้ง่ายของเราในตอนนี้ด้วย (ถ้าจะมีกลิ่นเราชอบให้เป็นกลิ่นแบบอโรม่าไปเลย ไม่ชอบแนวหอมหวานเท่าไหร่) เนื่องจากเราได้เนื้อสัมผัสมาสองแบบ คือแบบ Gel และ Jelly เราจึงลองใช้ทั้งสองแบบเลย โดยเริ่มจากแบบ Gel ก่อนใน 3 วันแรก เพราะเนื้อดูเข้มข้นดี และแบบ Jelly ในวันสุดท้าย ซึ่งพอทาแล้วพบว่าให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากทั้งสองสูตรเลย เอาจริง ๆ เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ใช้เนื้อแบบไหนก็ได้ เราชอบทั้งสองเนื้อเลยค่ะ รู้สึกได้ว่าผิวดูดสารอาหารทั้งหมดลงไปอย่างเต็มที่ ชุ่มชื้น แต่ซึมเร็ว ไม่เกินหนึ่งนาทีคือซึมหมดแล้ว ถ้ามีสกินแคร์อื่นก็ลงต่อได้เลย และตื่นมาแล้วหน้าไม่มันเยิ้ม แต่ยังรู้สึกชุ่มชื่นอยู่ เป็นความรู้สึกใหม่ที่ดีเหมือนกันนะ เพราะในช่วงหน้าปกติดีเราจะประโคมสกินแคร์เยอะแยะ ตื่นมาหน้าจะโกลว์ไปนิดนึง 55ผลลัพธ์ : คืออยากจะบอกว่าจริง ๆ ใช้แค่คืนเดียวก็เห็นผลสำหรับเราแล้วนะคะ ผลที่ได้ก็คือหน้าดูอิ่มน้ำขึ้น เหมือนได้คืนน้ำสู่ผืนดิน เหมือนผิวหน้ากำลังขอบคุณเราอยู่! และพอใช้ครบ 4 วันจะเห็นได้ว่าร่องแก้มเราหายไปเลยยย หน้าเนียนขึ้น แน่นขึ้น ดูไม่เหนื่อยไม่ฮอยอีกต่อไป ดูนอน 6-8 ชั่วโมง >< สิวที่เพิ่งขึ้นไม่นานก็ยุบแห้งไปด้วย ถ้าเราไม่ถ่ายรูปไว้เราอาจไม่เห็นความแตกต่างขนาดนี้ แต่นี่อาจเป็นเพราะเราขาดการบำรุงอย่างจริงจังมาเป็นเดือนเลยเห็นผลเร็ว แต่ก็มั่นใจได้เลยว่าผลที่ได้มาจาก Clinique Id จริง ๆ เราดูรูปที่ถ่ายไว้ยังรู้สึกว่าเกินความคาดหมายของตัวเองไปมาก แบบโอ้มายก้อดดด น้องสีฟ้ารอพี่ก่อน เดี๋ยวกลับบ้านไปเจอกันแน่นอนนน เอ๊ะ ลองสีส้มแล้วดีแต่ทำไมเพ้อถึงสีฟ้า เพราะว่าขวดสีสวยรึเปล่านะ 55ซื้อมั้ย? : บรรยายมาขนาดนี้แล้ว เหลือแค่กดสั่งออนไลน์แล้วกลับไปรอรับของค่า แต่โดยส่วนตัวก็จะเลือกแบบ Jelly นะคะ เพราะว่าพอเป็นขวดจริงแล้วเนื้อใสทำให้ขวดดูสวยน่าใช้มาก และถ้าต่อไปมีการพัฒนาให้เลือกผสมหลายสูตรในขวดเดียวกันได้ก็น่าจะสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับการพกพาไปใช้ยามเดินทางหรือแม้แต่ที่บ้านก็ตาม แต่ในตอนนี้เราก็ใช้วิธีบำรุงเรื่องอื่นในขั้นตอนอื่น ๆ แทน เพราะพอหน้าเริ่มกลับแข็งแรงแล้วเราจะบำรุงอะไรเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่เราชอบที่สุดใน Clinique ID ค่ะ คือช่วยกอบกู้ผิวหน้าของเราได้อย่างรวดเร็วมากโดยไม่ต้องกลัวแพ้แม้แต่ในช่วงที่ผิวหน้าอ่อนแอ เรายกให้เป็นสกินแคร์ที่เราจะมีติดบ้านไว้อีกตัวเลย ดีใจน้าาาที่ได้เจอกัน :)
ไม่เป็นประจำเริ่มใช้ กิจกรรม cosmenet.in.th
30 ก.ค. 2562 เวลา 5:22 น.