จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลง
วันนี้ผมมาแวะมารีวิวลิปโทนชมพูทั้ง 4 เฉด ที่ผมคิดว่าต้องมีอย่างน้อย 1 – 2 สีฮะ โดยแต่ละสีจะสามารถทาได้แตกต่างกันตามโอกาส ซึ่งจะทาเดี่ยว ๆ ก็ได้ ทาผสมกันไล่สีแบบสาวเกาหลีก็เริ่ดฮะ โดยจะมีสีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยฮะ
1 Dior Addict Lip Glow สี 101 MATTE PINK (สีชมพูอ่อน)
เริ่มตัวแรกด้วย Dior Addict Lip Glow ตัวดังฮะ โดยสำหรับสี 101 MATTE PINK จะเป็นลิปที่ให้โทนสีชมพูอ่อนระเรื่อดูเป็นธรรมชาติที่เบาสบายไม่ได้หนักปาก และยังให้ฟินิชที่เป็นแมตต์กำมะหยี่ เหมาะกับวันสบาย ๆ ที่อยากจะทาแค่ลิปบาล์มเบา ๆ สีชมพูอ่อน ๆ เก็บความชุ่มชื่นไว้ที่ริมฝีปาก แต่ไม่มันวาวเลยฮะ หรือจะทาเป็นลิปพื้นก่อนทาสีอื่นก็ได้ฮะ
ยิ่งไปกว่านั้นน้องเขายังมีเทคโนโลยี Color Reviver ที่จะปรับสีของลิปให้เข้ากับปากและสีผิวของเราด้วยฮะ และน้องเขายังสามารถเบลอริมฝีปากของเราให้ดูสวยนวลอีกด้วยฮะ ดูสมูทเรียบเนียน
2 Philosophy Lips of Hope สี Blush (สีชมพูธรรมชาติ)
ขยับมาที่ลิปบาล์มสีชมพูที่เข้มขึ้นอีกนิดด้วย Philosophy Lips of Hope สี Blush ฮะ โดยน้องคนนี้จะเป็นลิปทินท์ที่ให้สีชมพูโทนกลาง ๆ ที่ไม่อุ่นหรือเย็นไปฮะ และเนื้อบาล์มที่มีความวาว ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าน้องเขาเป็นลิปที่ทาง่ายและสามารถทาได้ทุกวันเลยฮะ ซึ่งถ้าทาครั้งเดียวสีก็จะได้สีชมพูอ่อน ๆ ดูเป็นสีปากที่สุขภาพดี แต่ถ้าต้องการให้สีชัดก็อาจจะต้องทาทับอีกสักสองสามชั้นเพื่อเพิ่มสีสันของน้องเขาครับ เพราะด้วยความที่น้องเขาเป็นลิปสีชมพูธรรมชาติ ตัว pigment อาจจะไม่เข้มมากฮะ
โดยคุณสมบัติเด่น ๆ ของน้องก็คือน้องเขาสามารถช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื่นได้ยาวนานฮะ ผมทาไปก้ไม่ได้รู้สึกแห้งเลย ปากผมรู้สึกชุ่มชื่นดีฮะ อักทั้งยังมีสารบำรุงต่าง ๆ ที่ช่วยริมฝีปากของเราดูอิ่มและเรียบเนียนฮะ ส่วนความติดทนของสีก็โอเคเลยฮะ สำหรับลิปทินส์ก็ติดทนระดับหนึ่ง
3 Dior Addict Lip Tattoo สี 351 Natural Nude (สีชมพูนู๊ด ตุ่น ๆ)
ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้อยากลิปสีชมพูอ่อน ๆ แต่ก็ไม่ได้อยากชมพูที่ดูเข้ม ผมก็ต้องขอแนะนำน้องคนนี้ Dior Addict Lip Tattoo สี 351 Natural Nude ให้กับทุก ๆ คนนะฮะ โดยน้องเป็นลิปทินท์น้ำสีชมพูตุ่น ๆ ที่ไม่ได้นู๊ดซีดเกินไป และก็ไม่ได้ชมพูจัดเกินไปฮะ เป็นสีชมพูธรรมชาติที่ทาได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อเลยฮะ แต่น้องสามารถทาทับเพื่อเพิ่มความเข้มได้นะฮะ แต่จริง ๆ ผมว่ารอบสองรอบน้องเขาก็สวยกำลังพอดี เพราะสีน้องเขาแน่นอยู่นะฮะ
ที่สำคัญนะฮะ น้องเป็นลิปทินท์ที่ติดทนมากกกกก เหมาะสมกับชื่อ Tattoo ของน้องเขาจริง ๆ ฮะ แบบกินอะไรไป สีของเขายังติดอยู่ที่อยู่เลยฮะ แต่จะจางลง แต่เรียกได้ว่าอาจจะไม่ต้องเติมลิปเพิ่มก็ได้ ถ้าไม่ได้ไปงานอะไร ยิ่งไปกว่านั้นน้องเขาบางเบามาก ไม่หนักปากเลยฮะ แนะนำ ๆ
4 Philosophy Lips of Hope สี Berry (สีชมพูอมม่วงเข้ม)
สำหรับน้องสีสุดท้ายก็ต้องเรียกว่าเป็นสีที่เจ็บมากฮะ เพราะเป็นสีม่วงเข้มอมชมพูที่สวยมากกกก กับ Philosophy Lips of Hope สี Berry นั้นเองฮะ น้องเป็นลิปทินท์สีชมพูม่วงที่เม็ดสีแน่นมากฮะ เทียบกับตัวสี Blush ข้างบนแล้ว น้องคนนี้แทบไม่ต้องทาทับเลยฮะ ทารอบเดียวสีก็สดโดนใจแล้วฮะ
ผมคิดว่าน้องเขาเป็นลิปสีชมพูม่วงที่ทาแล้วสามารถเข้ากับทุกสีผิวเลยฮะ แต่ผมคิดว่าน้องเขาจะสวยมาก ๆ ในคนที่มีสีผิวปานกลางถึงเข้มฮะ แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ทาเขาทั้งปากนะฮะ เพราะผู้ชายทาเข้ม ๆ แบบนี้ทั้งปากก็คงแปลก ๆ ผมมักเอาน้องไปผสมเข้ากับสีอื่น ๆ
โดยถ้าหากวันไหนผมรู้สึกว่า Dior Glow ที่ผมทามันดูขาดสีสัน หรือซีดไป ผมก็มักจะหยิบน้อง Berry มาทาบาง ๆ ในริมผีปากแล้วเกลี่ยออกมาฮะ ก็จะดูชมพูระเรื่อ ๆ เข้มด้านใน ไล่สีออกมา ดูเป็นปากที่สุขภาพดี ใส ๆ แนวเกาหลีมากเลยฮะ หรือจะเอาไปผสมกับตัว Lip Tattoo ก็สวยนะฮะ โดยทาเจ้าตัว Lip Tattoo ไว้เป็นพื้นก่อนบาง ๆ ให้ติดสี แล้วค่อยทาเจ้า Berry ลงไปข้างในกลางริมฝีปากฮะ จากนั้นจึงเกลี่ยไล่สีสวย จะให้ลุคที่ดูชมพูสดใส แต่ข้างในดูเข้มฉ่ำ ๆ ดูมีอะไรน่าดึงดูด น่าค้นหา ออมเบรสวย ๆ
และนี้ก็คือทั้งหมดนะฮะกับลิปสีโทนชมพูทั้ง 4 เฉดที่ผมคิดว่าเพื่อน ๆ ทุกคนควรมีไว้ครอบครองอย่างน้อยสักสีสองสีฮะ โดยลิปทั้งสองแบรนด์สามารถหาซื้อได้ตามเคาเตอร์ของเลยฮะ หรือใน Sephora ก็มีทั้งสองแบรนด์เลยฮะ