จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลง
บอกก่อนว่าช่วงนี้เราทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งงานหลัก งานเสริม แถมยังเรียนปริญญาโทอีก จนทำห้พักผ่อนน้อยมากๆ ประกอบกันช่วงนี้ก็คืออยู่บ้านเนอะ วันๆ นั่งหน้ามันอยู่หน้าคอม แถมเวลาไปข้างนอกยังต้องใส่หน้ากากอีก ทำให้สิวที่หายจากหน้าเราไปค่อนข้างนาน กลับมาอีกแล้วจ้า!!! ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการใช้ชีวิตเท่าไหร่ (ถึงจะไม่ค่อยได้เจอใครก็เถอะ)
3 เจลแต้มสิวที่เรามาฝากกันวันนี้ เป็นของที่เรามีติดบ้านเอาไว้เลย ซึ่งเราจะใช้ทั้ง 3 อันนี้สลับๆ กัน แล้วแต่ช่วงไหนเป็นสิวอะไร ก็จะหยิบอันนั้นมาใช้ แต่ละตัวเค้าก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออก จะมีตัวไหนบ้างมาดูกันเลย
ตัวแรกขอเริ่มที่ Peurri Anti Acne Gel หลอดสีขาว แดงอันนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงคุ้นๆ กันบ้างแหละ เพราะรีวิวเค้าเยอะเหลือเกิน และมันก็ดีสมคำร่ำลือ
ตัวนี้เป็นเจลแต้มสิวที่มีเสื้อเจลใส สีออกน้ำตาลส้มๆ เนื้อบางเบาดี เกลี่ยง่าย แบบเดียวคือซึมเข้าผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ตัวนี้ความเห็นส่วนตัวใช้ดีกับสิวอักเสบ สิวหัวหนองต่างๆ ถ้าเป็นไม่หนักมากแค่แค้มทิ้งไว้ก่อนนอน หัวสิวคือแห้งดีมาก บางเม็ดคือเอานิ้วสะกิดแล้วหลุดติดนิ้วออกมาเลย ซึ่งอันนี้เราชอบมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกดให้เป็นแผลบนหน้า หรือจะเป็นสิวที่กำลังจะขึ้นแบบบวมๆ เจ็บๆ ตัวนี้ก็ช่วยให้หายเจ็บ แล้วก็ยุบไปเลย
นอกจากทำให้สิวแห้งแล้ว ตัวนี้เรารู้สึกว่าพอใช้ไปสักพัก สิวจะไม่ค่อยขึ้นซ้ำที่เดิมด้วยนะ พวกสิวหัวดื้อที่ชอบขึ้นที่เดิมซ้ำๆ คือจัดการได้หายห่วง และไม่ค่อยทิ้งรอยแดงรอยดำสิวหลังจากสิวยุบด้วย เรียกว่าใครชอบเป็นสิวอักเสบตัวนี้คือสุดจริง
ส่วนข้อเสียของอันนี้ เราว่ากลิ่นของเค้าแรงไปนิด แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้แล้ว ก็คือใช้ไปเถอะ ดีมากจริง 555555
ตัวต่อไปคือ Tomei Anti Acne Cream Plus ตัวดังอีกตัวที่คนเป็นสิวต้องมี
ตัวนี้มาเป็นเนื้อครีมสีขาว เนื้อดูหนามาก แต่พอทาจริงๆ ก็หนาอยู่ แต่ไม่ได้หนาขนาดนั้น (งงมั้ย 555) คือเวลาแต้มต้องใช้เวลาสักพักนึงกว่าเนื้อครีมจะซึมลงผิวหมด ซึ่งถ้าใครขี้รำคาญตัวนี้ไม่ค่อยแนะนำ
สำหรับใครที่ชอบเป็นสิวอุดตันเม็ดเล็กๆ ตัวบอกขอบอกห้ามพลาด เพราะตัวนี้เรารู้สึกว่าช่วยสลายสิวอุดตันได้ค่อนข้างดีเลย แต่อาจจะไม่ได้เห็นผลในข้ามคืนแบบตัวแรก สำหรับเราใช้เวลาประมาณ 3-4 วันนะ แต่เห็นผลจริง ส่วนกับสิวอื่นๆ เราว่ายังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ แต่ก๋อาจจะแล้วแต่คนด้วยมั้ง 55555
ส่วนข้อเสียของตัวนี้ ส่วนตัวเราว่ายาเค้าอาจจะแรงไปหน่อย เพราะส่วนมากเวลาเราทาตัวนี้หน้าจะลอกนิดหน่อยในบริเวณที่ทา ซึ่งคนที่หน้าแห้งอยู่แล้ว หรือคนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ไม่แนะนำนะ อาจจะแสบได้
และตัวสุดท้ายคือ Smooth E Acne Plus ตัวนี้หลายคนอาจจะไม่คุ้นนะ อย่างเพื่อนเราก็ไม่รู้ว่าเค้ามายาแต้มสิว 555 เพราะส่วนใหญ่จะดังเรื่องรอยแผลเป็นซะมากกว่า
ตัวนี้เนื้อครีมสีขาวเหมือน Tomei แต่เนื้อมีความเข้มข้นกว่ามาก ส่วนตัวคิดว่าเกลี่ยค่อนข้างยาก และซึมลงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ถึงเนื้อครีมเราจะไม่ค่อยโอเค แต่ผลลัพธ์ของการใช้เราถือว่าพอใจมาก ตัวนี้เหมาะกับสิวไม่มีหัว เป็นสิวประเภทแบบ บวมๆ แดงๆ จับแล้วเจ็บๆ คือถ้าเป็นเอาตัวนี้โบกทับไว้ได้เลย เค้าจะช่วยทำให้การอักเสบของสิวลดลงและยุบลงไปเอง แต่ว่าอาจจะเห็นผลช้าหน่อยถ้าเทียบกับสองตัวข้างบน ส่วนใหญ่เราจะใช้ตอนที่คิดว่าสิวกำลังจะมา แบบมันบวมๆ เจ็บๆ แล้วก็จะใช้เลย
ข้อเสียของตัวนี้เราว่าอยู่ที่เนื้อครีมของเค้าเลย คือด้วยความที่เนื้อมันค่อนข้างหนากว่าตัวอื่นๆ เวลาทาลงไปแล้วเรารู้สึกว่ามันทำให้หน้ามัน และเหนียวอ่ะ คือถ้าจะเอามาใช้ตอนเช้าก่อนแต่งหน้าคือไม่ได้เลย เป็นคราบแน่นอนจ้า แนะนำให้ใช้แค่ก่อนนอนเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือเจลแต้มสิวทั้งหมดที่เราใช้อยู่ตอนนี้ ซึ่งเราก็เรารูป Before-After มาฝากกันด้วย หลังจากสู้รบกับพวกสิวอยู่เกือบเดือน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพวกเม็ดสิวเราตอนนี้คือแทบจะไม่เหลือแล้ว จะมีแต่ก็รอยแดง รอยดำที่ยังทิ้งไว้ให้จัดการต่อ T T
สุดท้ายนี้จะบอกว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะ เราใช้แล้วตัวไหนดีไม่ดียังไงก็มารีวิวตามที่เราใช้แล้วเห็นผลจริงเลย ราคาแต่ละตัวก็คือดีมาก แค่หลักร้อยต้นๆ และหาซื้อได้ง่ายเช่นกัน ทั้งสามตัวนี้เราซื้อที่ Watsons นะ แต่ช่วงนี้ล็อคดาวน์ก็น่าจะซื้อจากออนไลน์ได้อยู่
ขอบคุณที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านกัน หวังว่ารีวิวครั้งแรกของเราจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนเป็นสิวนะ แล้วเจอกันใหม่ครับ
เมื่อก่อนใช้ tomei ต้องรอนานจิงกว่าจะได้ลงครีมตัวต่อไป หลังจากหมดหลอดนั้นก็เลย เปลี่ยนมาใช้ peurri ครับเพราะเห็นผลเหมือนกันแต่ซึมได้ไวกว่า เนื้อเจลเบากว่า
4.9
| 50 Reviews |